บทความนี้เราจะขอแนะนำวิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิวของคนไทย ซึ่งหลายท่านอาจมีข้อสงสัยว่าทำไมอากาศภายในประเทศไทยและแสงแดดถึงได้ร้อนแรงมาก ถึงขนาดที่เพียงแค่ตากแดดเพียงครู่เดียวก็สามารถทำให้ผิวไหม้เสียได้ง่าย ๆ นั่นเป็นเพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อน และยังใกล้กับเส้นศูนย์สูตร จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศไทยถึงมีอุณภูมิที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งในฤดูร้อนบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเลยทีเดียว นอกจากแสงแดดและแสงยูวีจะเข้ามาทำร้ายผิวของเราให้คล้ำเสียแล้วนั้น ยังทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำดูมีอายุกว่าวัย และมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
วิธีการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว
โดยส่วนใหญ่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดได้เลย เพราะชีวิตประจำวันของคนไทยส่วนใหญ่ต้องออกจากบ้านหรือที่พักเพื่อเดินทางไปทำงาน ไปเรียน ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ล้วนต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด ทำให้เมื่อต้องออกไปที่ไหนก็ตามต้องพกร่มและทาครีมกันแดดกันอยู่เสมอ ซึ่งครีมกันแดดที่เหมาะกับคนไทยนั้นมีวิธีการเลือกมากมาย เพราะต้องคำนึงถึงสภาพผิวของแต่ละคน การใช้งานและความชอบส่วนตัว โดยวิธีการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวคนไทยมีดังนี้
เลือกจากค่า SPF และค่า PA
ค่า SPF (Sun Protection Factor) เป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพของระดับในการป้องกันแสงแดด และการดูดซับรังสี UVB โดยรังสีตัวนี้มีชื่อเต็มว่า Ultraviolet B เป็นรังสีที่เข้ามาทำร้ายผิวของเรา ทำให้ผิวไหม้คล้ำเสียเกิดกระ ฝ้า และริ้วรอยจากผิวแห้งกร้านได้โดยตรง ยิ่งค่า SPF สูง ประสิทธิภาพการดูดซับรังสี UVB จะสามารถดูดซับได้มากขึ้นตามเช่นกัน อย่างเช่น ค่า SPF 15 จะสามารถดูดซึมรังสี UVB ได้เพียง 93 เปอร์เซ็น แต่ถ้าเป็น SPF 50 จะสามารถดูดซึมรังสี UVB ได้สูงเกือบ 100 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว
ส่วนค่า PA คือ Protection grade of UVA เป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพและระดับในการป้องกันรังสี UVA ซึ่งรังสีตัวนี้มีชื่อเต็มว่า Ultraviolet A เป็นรังสีที่จะทำให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้า สีผิวคล้ำไม่สม่ำเสมอ ผิวเหี่ยวและหย่อนได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังอีกด้วย โดยค่า PA จะมีการเรียงระดับตั้งแต่ PA+ ไปจนถึง PA++++ ขึ้นไป และแน่นอนว่าการเรียงระดับประสิทธิภาพการป้องกันรังสีคล้ายกับค่า SPF อย่างเช่น ค่า PA+ จะแสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ในระดับต้นหรือเบื้องต้น แต่ถ้าเป็นค่า PA++++ขึ้นไปจะสามารถป้องกันรังสี UVA ในระดับสูงจนถึงสูงที่สุด
เลือกตามประเภทผิวของแต่ละคน
โดยส่วนใหญ่แล้วคนไทยมักให้ความสำคัญกับการป้องกันแสงแดดบริเวณใบหน้ามากที่สุด อีกทั้งการเลือกใช้ครีมบำรุงหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มีการคำนึงถึงประเภทและสภาพผิวก่อนอยู่เสมอ ครีมกันแดดก็เช่นกัน หากต้องการใช้ครีมกันแดด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวแต่ละคน โดยผิวจะมีอยู่ทั้งสิ้น 5 ประเภทดังนี้
- ผิวธรรมดา : เป็นผิวที่สุขภาพค่อนข้างดี เพราะว่าไม่มันเกินไปหรือแห้งเกินไป ทำให้สามารถใช้ได้กับครีมกันแดดทุกประเภท
- ผิวแห้ง : ควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นเนื้อลิควิดหรือเนื้อครีม เพราะจะไม่ทำให้ผิวแห้งลอกเป็นขุยและแห้งตึงจนทำให้เจ็บผิวบริเวณนั้น
- ผิวมัน : หากใครที่เป็นคนผิวมันสามารถใช้กันแดดเนื้อลิควิดหรือแมทก็ได้ และต้องดูว่าครีมกันแดดตัวนั้น ๆ มีประสิทธิภาพในการควบคุมความมันด้วยหรือไม่ เพื่อควบคุมความมันบนใบหน้าและยังคงสภาพผิวให้ปราศจากความมันบนใบหน้า
- ผิวผสม : อาจใช้แบบเนื้อลิควิดหรือแบบครีม แต่ตรวจดูว่ามีสารควบคุมความมันหรือไม่ และเมื่อใช้แล้วต้องไม่รู้สึกแห้งตึงจนเกินไป
- ผิวแพ้ง่ายหรือผิวเป็นสิว : ส่วนใหญ่ควรเลือกใช้กันแดดที่ไม่มีสี ไม่ผสมแอลกอฮอล์หรือพาราเบน ซึ่งสารเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักในการก่อให้เกิดสิวทั้งสิ้น
จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น เชื่อว่าหลายท่านสามารถนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจเลือกครีมกันแดด ให้เหมาะสมกับผิวของตัวเอง และเหมาะกับผิวคนไทยมากที่สุด คือ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA++++ และอาจจะเป็นสูตรกันน้ำเพื่อป้องกันการไหลของเหงื่อ หรือครีมกันแดดไม่ให้หลุดออกจากผิวหน้าไปได้ง่าย ๆ และควรทาก่อนออกแดด 30 นาทีอย่างเป็นประจำ
ถึงแม้จะปกป้องผิวได้ดีแค่ไหนแต่ต้องยอมรับว่าแสงแดดในเมืองไทยค่อนข้างอันตราย การป้องกันที่ไม่ดีอาจจะส่งผลต่อผิวทำให้หมองคล้ำ ซึ่งท่านที่มีปัญหานี้อยู่สามารถเลือกใช้บริการเลเซอร์หน้ากระจ่างใส อีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยปลุกผิวของคุณให้กลับมาขาวกระจ่างใส ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาจากอาการหมองคล้ำสะสม และยังมีคุณสมบัติช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง เห็นผลชัดเจนทันใจ เนื่องจากเป็นการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย และดูแลโดยอาจารย์หมอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลพร้อมรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ตามช่องทางการติดต่อที่หน้าเว็บไซต์ค่ะ