หลายคนอาจจะพอทราบว่า ปัญหาขมับยุบตอบนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดขึ้นมาจากกรรมพันธุ์ที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้กระดูกยุบตัวลง แต่ก็มีอีกหนึ่งสาเหตุที่ยังเป็น topic ชวนสงสัยนั่นก็คือ น้ำหนักลดทำให้ขมับยุบลงได้จริงไหม? เพราะบางคนอาจจะมองว่าบริเวณขมับไม่ได้เป็นจุดที่มีไขมัน หรือกล้ามเนื้อสะสมเยอะเหมือนกับช่วงแก้มหรือบริเวณใต้คาง การที่น้ำหนักลดลงก็อาจไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก บทความนี้ก็เลยจะพามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันว่า น้ำหนักลดทำให้ขมับทั้งสองข้างลดลงไปด้วยจริงไหม
น้ำหนักลดลงเกิดจากอะไร
น้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็วนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่เราจะขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ น้ำหนักที่ลดลงตามกลไกที่ถูกต้อง เช่น การควบคุมปริมาณการกิน ลดของมันของทอด หรืองดน้ำตาลก็มีส่วนให้น้ำหนักลดลงไปได้ บางรายมักจะควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ซึ่งถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ถูกวิธีไม่ก่อให้เกิดอันตราย และส่วนที่สองก็คือน้ำหนักที่ลดลงแบบผิดปกติ ได้แก่ การลดน้ำหนักที่ผิดวิธี มีโรคประจำตัว โรคแทรกซ้อน หรือแม้แต่ภาวะความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าก็มีส่วนทำให้น้ำหนักตัวของเราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วได้เช่นเดียวกัน เพราะอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลงหรือมีความอยากอาหารลดลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้น้ำหนักตัวของเราลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดเราต้องหาสาเหตุก่อนว่ามันลดลงจากปัจจัยใด หรือเข้าไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการและเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ
ทำไมน้ำหนักลงถึงทำให้ขมับยุบตอบ
มีหลายคนที่กังวลว่า หากเราลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก จะทำให้ขมับยุบตัวลงไปด้วยไหม ขอบอกตรงนี้เลยว่าหากเป็นการลดน้ำหนักที่ถูกวิธี มีสัดส่วนปริมาณการรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ และควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย จะไม่ส่งผลให้เกิดปัญหาขมับยุบตอบอย่างแน่นอน อีกทั้งยังทำให้ผิวดูตึงกระชับมากยิ่งขึ้นด้วย แต่สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผิวยุบเป็นร่องได้นั่นก็คือ การลดน้ำหนักที่ผิดวิธี เช่น การอดอาหาร หรือน้ำหนักลงที่เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย เพราะมันทำให้ไขมันบริเวณใบหน้าฝ่อตัวลง และเมื่อไขมันในบริเวณนั้นหายไป ก็จะไม่มีส่วนที่ช่วยพยุงผิวให้ดูเต่งตึง กระชับ และทำให้ผิวในบริเวณนั้นดูซูบตอบลงได้ค่ะ
มีปัญหาขมับยุบตอบ แก้ไขยังไงได้บ้าง
ขมับที่ยุบตัวลงจากน้ำหนักที่ลดลงไป นอกจากจะทำให้องค์รวมของใบหน้าดูซูบตอบลงไปแล้ว ยังทำให้หน้าดูแก่กว่าวัยอีกด้วย แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ เพราะปัญหาจะถูกแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีเหล่านี้ แต่บอกก่อนว่าวิธีที่เรามาแนะนำในบทความนี้ มีทั้งวิธีที่เราสามารถจัดการฟื้นฟูได้เอง และวิธีที่เราต้องใช้เทคนิคทางการแพทย์เข้าไปช่วยฟื้นฟู ใครสะดวกวิธีไหน เลือกทำได้เลยค่า
- ออกกำลังกาย – ก่อนออกกำลังกายควร warm up เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และเพื่อยืดเส้นยืดสายเพื่อปรับระดับความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อพร้อมรับสำหรับการออกกำลังกาย และในช่วงแรกแนะนำให้เริ่มออกกำลังกายแบบเบา ๆ ง่าย ๆ ก่อนสัก 30-40 นาที เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อ จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรหักโหมมากจนเกินไป เพราะนอกจากจะเป็นการออกกำลังกายที่ผิดวิธีแล้ว ยังทำให้เราเหนื่อยง่ายและหมดกำลังใจได้ค่ะ
- ควบคุมปริมาณการกินให้ถูกวิธี – การควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารแนะนำให้ทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายได้เลยค่ะ ให้เน้นอาหารประเภทโปรตีน เช่น ไข่ น่องไก่ อกไก่ ปลาแซลมอน นมสด หรือคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวกล้อง ถั่วลันเตา ขนมปังธัญพืช ข้าวโพด ที่เปลี่ยนไปด้วยคุณค่าทางอาหาร เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักและเพิ่มสัดส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี
- เติมเต็มขมับด้วยฟิลเลอร์ – เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับนำมาเติมขมับได้ดีเลยทีเดียวค่ะ เพราะฟิลเลอร์ขมับเป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด เข้าไปที่บริเวณขมับ เพื่อเติมเต็มร่องแอ่งลึกให้ดูตื้นขึ้น อีกทั้งยังช่วยยกคิ้วหรือเปิดหางคิ้ว และทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดน้อยลง หลังทำจะเห็นได้ว่าใบหน้าดูหวานละมุน และดูอ่อนเยาว์ลง ลดความแข็งกระด้างของใบหน้าได้ดี เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยเพราะตัวสารยังสามารถสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วย
- เติมเต็มขมับด้วยไขมัน – เป็นการฉีดไขมันที่ได้จากในร่างกายของเราเองตามหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขาหรือสะโพก นำมาปั่นคัดแยกเฉพาะสเต็มเซลล์มาฉีดบริเวณขมับที่มีการยุบตัว ซึ่งวิธีนี้จะมีความปลอดภัยสูงและมีอาการแพ้น้อย เนื่องจากเป็นไขมันของตัวเราเองไม่ได้มาจากสารทดแทนอื่น ๆ แต่ไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ จึงมีความจำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำอีกเรื่อย ๆ
- ศัลยกรรมเสริมซิลิโคน – วิธีสุดท้ายเป็นการผ่าตัดนำแผ่นซิลิโคนเข้าไปที่บริเวณขมับในจุดที่มีช่องว่างหรือจุดที่มีแอ่งลึกลงไป ซึ่งในปัจจุบันก็จะมีซิลิโคนที่ถูกออกแบบมาสำหรับบริเวณขมับโดยเฉพาะ เป็นการเสริมขมับแบบถาวรไม่ต้องกลับมาทำซ้ำเหมือนกับ 2 วิธีด้านบน แต่จำเป็นต้องมีการพักฟื้น มีการดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงในอนาคต และอาจมีแผลบริเวณไรผม
โดยสรุปก็คือ การที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดขมับยุบตอบได้ ซึ่งก็มีแนวทางการแก้ไขไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการโดยเน้นโปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ เรายังสามารถพึ่งเทคนิคการรักษาของแพทย์ได้อีกเช่นเดียวกัน ซึ่งก็มีให้เลือกหลายวิธี แต่สำหรับใครที่กลัวการผ่าตัดศัลยกรรมจะขอแนะนำเป็นเทคนิคการฉีดสารเติมเต็ม Filler เพราะเป็นวิธีที่จะทำให้ขมับเราดูเต็มขึ้น ฟูขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำโดยไม่ต้องพักฟื้น หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถทักเข้ามาสอบถามหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ LINE : @doctormekclinic