ชวนรู้จัก “คางบุ๋ม” คืออะไร มีวิธีแก้ไหมให้ใบหน้าสมดุล

วันนี้เราจะพามารู้จัก “คางบุ๋ม” เกิดจากอะไร และมีวิธีแก้หรือไม่ ปัญหาคางเป็นร่องหรือที่เรียกว่า “Cobblestone Chin” แม้มันจะไม่ได้ส่งอันตรายใด ๆ ต่อสุขภาพ แต่ก็เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ภายนอกที่อาจสร้างความไม่มั่นใจให้กับเจ้าตัวได้ดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงเลยล่ะค่ะ สำหรับใครที่กำลังมีข้อสงสัยหรือกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ ต้องการแนวทางการแก้ไข ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยค่ะ!

คางบุ๋ม หรือ Cobblestone Chin ลักษณะรูปคางเป็นร่องลึกลงไปตรงกลาง ทำให้คางดูไม่เรียบเนียน เป็นร่องหรือเป็นคลื่นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อแสดงสีหน้าก็จะยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งคางในลักษณะนี้เรามักพบได้ทางแถบยุโรป

คางบุ๋มเกิดจากอะไร โดยสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งเราจะขอยกมา 4 สาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้มากที่สุดดังนี้

โครงสร้างใบหน้า

คางบุ๋มเกิดจากโครงสร้างใบหน้า มักเป็นมาตั้งแต่กำเนิด โดยเกิดจากกระดูกขากรรไกรเป็นรอยลึกบริเวณส่วนกลาง หรือเกิดจากกล้ามเนื้อทั้งสองข้างนั้นเชื่อมต่อกันไม่สนิท ทำให้เกิดเป็นร่อง ส่วนใหญ่แล้วปัญหานี้จะมาจากกรรมพันธุ์ในครอบครัว

อายุมากขึ้น

พออายุมากขึ้น ไขมันที่เคยอยู่บริเวณช่วงคางหรือขากรรไกรจะค่อย ๆ ก่อตัวลงไปตามธรรมชาติ จึงเป็นผลให้ผิวในบริเวณนั้นจับตัวกันเป็นลูกคลื่นหรือเป็นก้อนได้ง่าย ซึ่งปัญหาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นนี้ มักจะมาพร้อมกับร่องน้ำหมากบริเวณใกล้กับริมฝีปาก และเมื่อเวลาขยับริมฝีปากจะเกิดเป็นร่องได้อย่างชัดเจน

การสบฟันที่ผิดปกติ

การสบฟันหรือกระดูกใบหน้าส่วนล่างผิดปกติ จะมีลักษณะฟันล่างยื่นออกมาจากห้องฟันบน ทำให้มีปัญหาฟันยื่น ฟันไม่สบกัน หรือขากรรไกรที่ถอยเข้าไปด้านใน จนทำให้ใบหน้าผิดรูป ทำให้มีลักษณะปากอูมออกมา  ซึ่งใครที่มีลักษณะเช่นนี้อาจมีอาหารเกร็งกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นจนนำไปสู่ปัญหาเกิดการบุ๋มของคางได้

การเกร็งกล้ามเนื้อ

หากเราเกร็งกล้ามเนื้อส่วนล่างบ่อยมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการเม้มริมฝีปาก การแสดงสีหน้าบึ้งตึง รวมไปถึงการห่อริมฝีปากหรือการห่อลิ้น พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นเกิดการหดเกร็ง ทำให้แข็งเป็นก้อนแยกเป็น 2 ข้างบริเวณช่วงคาง โดยสาเหตุเหล่านี้มักเกิดขึ้นได้กับนักดนตรีที่ต้องใช้เครื่องเป่าอยู่เป็นประจำ

คางเป็นร่อง ทำไงดี ใครรู้สึกว่าปัญหานี้กำลังทำให้ความมั่นใจในการใช้ชีวิตของเราลดลง อยากหาทางแก้ไข ในปัจจุบันก็มีเทคนิคทางการแพทย์ที่ช่วยปรับแต่งได้หลายวิธี เราก็เลยจะมาแนะนำวิธีที่ได้รับความนิยมในวงการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูงมาฝากกันค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์

เทคนิคนี้จะใช้สาร Hyaluronic Acid หรือ Filler เติมเต็มเข้าไปที่บริเวณคาง เพื่อทำการแก้ไขปัญหารูปคางได้ทั้งคางบุ๋ม คางสั้น คางตัด หรือจะปั้นรูปคางให้เข้ารับกับใบหน้าให้ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้นได้ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางนี้ จะช่วยให้คางมีความเรียบเนียน เป็นสารบริสุทธิ์ที่ให้ความปลอดภัยสูง และได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่จะให้ผลลัพธ์ได้ไม่ถาวรเฉลี่ยอยู่ที่ 6-18 เดือน

ฉีดไขมัน

แพทย์จะใช้ไขมันบริเวณต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง หรือบริเวณอื่น ๆ ที่มีไขมันสะสมเยอะ นำมาปั่นด้วยกระบวนการคัดแยกที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นจะนำมาฉีดเติมบริเวณช่วงคางที่มีร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ แต่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรเพราะต้องกลับมาทำซ้ำเรื่อย ๆ เนื่องจากไขมันที่ฉีดเข้าไปจะสลายได้ในระยะเวลาที่ไม่เท่ากัน เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี

ศัลยกรรม

วิธีนี้จะเป็นการแก้ไขปัญหารูปคางได้แบบถาวร โดยทำได้ตั้งแต่การแก้ไขรูปคางสั้น คางยาว หรือร่องลึกกลางคางให้ดีขึ้นได้ด้วยซิลิโคน ทำให้เราได้รูปคางที่ดูเรียวละมุนมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และอาจเกิดรอยแผลเป็นขึ้นได้หากมีการดูแลที่ไม่ดีพอ ข้อดีก็คือ ทำครั้งเดียวผลลัพธ์ที่ได้ก็จะอยู่กับเราไปตลอดเลยค่ะ

ถึงแม้ว่าคางบุ๋ม คางเป็นร่องจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อร่างกาย แต่แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อจิตใจที่อาจทำให้ความมั่นใจนั้นลดลงไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีวิธีการแก้ไขหลายวิธีที่วงการแพทย์ให้การยอมรับ หากใครที่ต้องพบปะออกงานอยู่บ่อย ๆ ก็ขอแนะนำเป็นเทคนิคการรักษาที่ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ใช่การผ่าตัด แต่สำหรับใครที่ต้องการได้ผลลัพธ์แบบถาวรและมีเวลาพักฟื้นนาน ก็แนะนำเป็นการศัลยกรรมค่ะ แต่! อย่าลืมนะคะว่าทุกการรักษาเราต้องเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีแพทย์เฉพาะทาง และมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย