ปัญหาคางบุ๋มแก้ไขด้วยวิธีไหนดี

การมีรูปคางมนสวยรับกับใบหน้า ย่อมช่วยให้ภาพรวมของใบหน้าเราสวยงามมากขึ้น หลาย ๆ คนที่มีปัญหาคางบุ๋ม คางตัด คางสั้น จึงมักเกิดความไม่มั่นใจจนอยากจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาคางบุ๋มก็มีทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด อยู่ที่ว่าเราพอใจกับวิธีแบบไหน แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งวิธีรักษาคางบุ๋มที่ดีที่สุด เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าปัญหาคางบุ๋มของเราเกิดจากอะไร เพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาที่ตรงจุดมากที่สุดค่ะ

สาเหตุของการเกิดคางบุ๋ม รู้ไว้ก่อนหาวิธีรักษา

ปัญหาคางบุ๋มเกิดจากโครงสร้างกระดูกหรือกล้ามเนื้อบริเวณคางมีการดึงรั้งผิดปกติ ทำให้คางบุ๋มเข้าเกิดเป็นร่องตรงคาง ลักษณะคล้ายก้นของลูกแอปเปิ้ล ปัจจัยนี้เป็นสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย พบได้บ่อยที่สุด บางคนอาจเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่นอกจากสาเหตุนี้แล้ว คางบุ๋มอาจเกิดได้จาก

  • เคยมีแผลบริเวณคางจนทำให้เกิดรอยแผลเป็น
  • คางบุ๋มจากการฉีดสิวบริเวณคางมากเกินไป ทำให้คอลลาเจนในผิวลดลง เกิดเป็นพังผืดใต้รอยแผลนั้น ๆ จนทำให้เกิดเป็นหลุมสิวในที่สุด
  • เคยเกิดอุบัติเหตุจนคางผิดรูป
  • เคยทำศัลยกรรมจนทำให้เนื้อเยื่อตรงนั้นไม่เรียบเนียน

ปัญหาคางบุ๋มแก้ไขด้วยวิธีไหนดี อันที่จริงคำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เนื่องจากวิธีรักษาคางบุ๋มที่ดีที่สุดก็คือ การรักษาที่สาเหตุ เช่น คางบุ๋มจากการฉีดสิวก็ควรไปตัดพังผืดที่ดึงรั้งจนทำให้คางบุ๋มออกด้วยเทคนิคการเซาะพังผืด, การเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น, การผ่าตัดศัลยกรรมคาง หรือจะใช้วิธีฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับรูปคางก็สามารถทำได้เหมือนกัน แต่ปัจจุบัน วิธีรักษาคางบุ๋มที่ได้ผลดีและรวดเร็วที่สุด เป็นที่ยอมรับและนิยมกันอย่างกว้างขวางก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์คาง” นั่นเองค่ะ

HA Filler ใช้แก้ปัญหาคางบุ๋มได้จริงเหรอ

ปัญหาคางบุ๋มอาจทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่ละมุน ไม่อ่อนโยน ทำให้ใครหลายคนคิดอยากหาวิธีรักษา ซึ่งการฉีดสารเติมเต็มคางอย่างฟิลเลอร์ จะช่วยเติมเต็มร่องคางที่บุ๋มลึกเข้าไป เป็นการปรับรูปคางให้กลับมาเป็นทรงสวย จึงช่วยแก้ปัญหาคางบุ๋มได้จริง ทั้งยังช่วยปรับรูปหน้าของเราให้ละมุนสวยเป๊ะมากขึ้นโดยไม่เป็นอันตรายและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น หลังฉีดฟิลเลอร์ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน ก่อนจะสลายออกจากร่างกายตามธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่แพทย์เลือกใช้ (เนื่องจากสารเติมเต็มแต่ละชนิดจะมีโมเลกุลแตกต่างกัน) และขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีด ซึ่งถ้าปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ผลลัพธ์ย่อมอยู่ได้นานขึ้นเช่นกัน

ข้อดีของการฉีดสารเติมเต็มแก้ปัญหาคางบุ๋ม

  • มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากฟิลเลอร์แท้ (HA Filler) เป็นสารชนิดเดียวกับโครงสร้างผิวตามธรรมชาติ จึงทำให้เข้ากับผิวได้ดี ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • สามารถปรับรูปคางให้มนสวยโดยเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด
  • ไม่ต้องนอนพักฟื้น หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • หากรู้สึกไม่พอใจในผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ข้อเสียของการฉีดสารเติมเต็มคาง

  • ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร (มีอายุจำกัดประมาณ 18-24 เดือน) เมื่อฟิลเลอร์หมดอายุก็จะสลายออกจากร่างกายได้เองตามธรรมชาติ รูปคางก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
  • ต้องระวังฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากตัวยาของปลอมอาจก่อให้เกิดอาการผิวหนังเป็นพังผืด, อาการแพ้, ฟิลเลอร์ไหลกองเป็นก้อน ไปจนถึงอาการผิวหน้าอักเสบบวมแดงได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ฟิลเลอร์จำเป็นต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ข้อปฏิบัติหลังฉีดสารเติมเต็มคาง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานขึ้น

  • งดการนวดหน้าหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำบ่อย ๆ จึงช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการนั่งเท้าคาง หรือสวมหมวกชนิดที่ต้องรัดใต้คางแน่น ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • ควรระมัดระวังการนอนคว่ำในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้คางเสียทรงได้

สรุป

การแก้ปัญหาคางบุ๋มด้วยฟิลเลอร์คางกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ็บน้อยกว่า มีความเสี่ยงน้อยกว่า และค่าใช้จ่ายถูกกว่าการผ่าตัดศัลยกรรม ทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น การดูแลตัวเองหลังฉีดก็ไม่ยุ่งยาก จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้ได้รูปสวยด้วยวิธีการที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะหันมุมไหนก็ยังเป๊ะได้อย่างไร้กังวล แต่อย่างไรก็ตาม ต้องอย่าลืมศึกษาข้อมูลก่อนเลือกใช้บริการอย่างละเอียด พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้ครอบคลุมและถี่ถ้วนก่อนเสมอ เพื่อประโยชน์ของตัวเราเองนะคะ