หลายท่านที่มีปัญหา ผิวแห้ง ขาดน้ำ ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า ผิวขาดน้ำนั้นไม่ใช่ปัญหาเดียวกันกับผิวแห้ง เนื่องจากว่ายังมีหลายท่านที่มีความสับสนระหว่าง 2 ปัญหานี้ โดยคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นปัญหาเดียวกัน อีกทั้งลักษณะของผิวแห้งและผิวขาดน้ำยังมีความคล้ายคลึงกันอีกด้วย ซึ่งผิวแห้งจากการขาดน้ำนั้นมีสาเหตุมาจากความชุ่มชื่นภายใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะภายใต้ผิวหน้าที่มีการกักเก็บน้ำได้น้อยลง และมีความมันภายใต้ผิวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวหน้าแห้งขาดน้ำ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวไม่เรียบเนียนและมีความสาก หลายท่านจึงมีความกังวลใจว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับผิวขาดน้ำกันก่อน จากนั้นเราถึงจะทราบสาเหตุ และเราจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดนั่นเอง
ปัญหาผิวแห้งขาดน้ำคืออะไร
ผิวแห้งจากการขาดน้ำ คือ ผิวที่มีสภาวะผิวหนังชั้นบนไม่สามารถผลิตเคราตินออกมาได้ จึงทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ เพราะตัวเคราตินที่ผิวหนังชั้นบนผลิตออกมานั้น จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันสิ่งสกปรก และมลภาวะต่าง ๆ ที่สัมผัสผิวหน้าของเรา อีกทั้งระบบภายในร่างกายยังคงทำงานปกติ ทำให้ผิวยังคงมีการผลิตน้ำมันออกมาตามปกติ แต่ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ จึงทำให้ผิวหน้ามีความมันออกมามากกว่าปกติ ผิวจึงไม่เรียบเนียน ดูแห้งตึง และมีความสาก นอกจากนี้ผิวแห้งจากการขาดน้ำสามารถสังเกตุได้ดังนี้
- ผิวหน้าแห้งตึง ลอกเป็นขุย สัมผัสแล้วสากมือ
- รูขุมขนขยายกว้าง และมีสิวหัวดำเพิ่มขึ้น
- ผิวหน้ามีความมันอยู่ตลอดเวลา และให้ความรู้สึกไม่สบายผิว
- มีริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ
- เกิดสิวอักเสบ และผิวแดงอักเสบได้ง่ายขึ้น
- เครื่องสำอางไม่ติดทนนาน แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางไม่ติดผิว
เมื่อสังเกตได้ดังที่กล่าวข้างต้น คุณจะพบอาการของผิวที่บ่งบอกถึงการขาดน้ำแล้วนั้น สิ่งต่อมาที่ควรทราบคือ สาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะผิวขาดน้ำ โดยมีสาเหตุดังนี้
- ล้างหน้าบ่อยจนเกินไป และใช้สารเคมีที่มีความรุนแรงต่อผิวมากเกินไป จนทำร้ายชั้นผิวหนังของเรา ทำให้ผิวของเราไม่แข็งแรง และผิวชั้นนอกถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้
- สครับผิวหน้าถี่เกินไป เมื่อเราทำการสครับผิวหน้าบ่อย ๆ จะส่งผลทำให้เซลล์ผิวชั้นนอกนั้นหลุดลอกออกไป เหลือเพียงผิวอ่อนที่ยังไม่แข็งแรง อีกทั้งการสครับติดต่อกันยังส่งผลให้ไม่สามารถสร้างผิวชั้นนอกได้ทัน ทำให้ไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้น และป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ได้นั่นเอง
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าร่างกายของคนเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำภายในผิวก็ยิ่งต่ำลง แต่กลับผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นแทน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ ไม่เรียบเนียน เกิดริ้วรอยได้ง่าย
- อุณหภูมิที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการไปโดนแดดร้อนจัด ๆ หรืออยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ ก็สามารถทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้ เพราะน้ำที่ผลิตออกมาใต้ผิวหนังถูกทำลายด้วยอุณหภูมิที่พบเจอในแต่ละวันนั่นเอง
ควรแก้ปัญหานี้อย่างไรถึงจะถูกหลัก
เมื่อเราทราบแล้วว่าผิวของเรานั้นมีปัญหาการขาดน้ำ ควรรีบบำรุงรักษาทันที และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหานี้ทันที โดยวิธีการแก้ปัญหาผิวขาดน้ำที่ถูกหลักมีดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อที่ร่างกายจะสามารถทำงานตามกลไกได้ปกติ
- ลดความถี่ในการล้างหน้า โดยล้างเพียง 1-2 ครั้งต่อวัน คือ ล้างหน้าในช่วงเช้าและก่อนนอน แต่ถ้าหากทำกิจกรรมที่ผิวหน้าเปื้อนหรือเหงื่อออกมากกว่าปกติ คุณสามารถล้างหน้าในระหว่างวันได้ โดยใช้น้ำเปล่าในการล้าง และงดการขัดถูผิวหน้าแรง ๆ
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันแสงแดดและรังสีต่าง ๆ เข้ามาทำร้ายผิว
- หมั่นทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อบำรุงและคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
- ทานผักผลไม้ และวิตามินเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม เพื่อลดการระคายเคืองผิว
- ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท Hydration ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในด้านการฟื้นฟูผิวแห้งจากการขาดน้ำและเติมน้ำลงสู่ผิว
เชื่อว่าหลายท่านคงพบเจอกับปัญหาผิวแห้งจากการขาดน้ำ หากทุกท่านได้ลองทำตามวิธีแก้ปัญหาผิวขาดน้ำตามที่ได้กล่าวไปด้านบนแล้ว ยังพบเจอกับปัญหาผิวขาดน้ำอยู่ ทางที่ดีควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคผิวหนังอื่น ๆ ได้ และสำหรับท่านใดที่มีปัญหาถึงขั้นหนักมาก ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า เรามีบริการฉีดฟิลเลอร์ที่สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยให้คุณดูดีขึ้นได้ ดูแลทุกขั้นตอนโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถติดต่อขอข้อมูลพร้อมรับคำปรึกษาได้ตามช่องทางการติดต่อที่หน้าเว็บไซต์ค่ะ