สัดส่วนลดแต่น้ำหนักไม่ลด เกิดจากอะไร?

สัดส่วนลดแต่น้ำหนักไม่ลด

สัดส่วนลดแต่น้ำหนักไม่ลด เกิดจากอะไร? ใครที่เคยลดความอ้วนด้วยวิธีออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร อาจจะเคยเจอภาวะสัดส่วนลดลงแต่น้ำหนักกลับเท่าเดิม จนทำให้หลายคนเกิดความไม่สบายใจว่าแล้วสรุปเราผอมลงจริงไหม? ตัวเลขบนตาชั่งหลอกเราหรือเปล่า? และแบบนี้มันเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่?

สาเหตุที่ทำให้สัดส่วนลดแต่น้ำหนักไม่ลด เกิดจากอะไร?

ก่อนอื่นเราต้องแยกจากกันก่อนนะคะ ว่าการลดน้ำหนักและการลดสัดส่วนไม่เหมือนกัน การลดน้ำหนักคือ การมุ่งเน้นทำให้น้ำหนักตัวลดลง และสิ่งที่ทำให้น้ำหนักของร่างกายเราลดลงอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพราะปริมาณไขมันในร่างกายหายไป แต่เป็นกล้ามเนื้อ (เพราะกล้ามเนื้อมีน้ำหนักมากกว่าไขมัน) ดังนั้นใครที่อยากตัวเบา เน้นลดตัวเลขบนตาชั่ง สิ่งที่ทำได้คือ การลดกล้ามเนื้อค่ะ

ในทางตรงกันข้าม การลดสัดส่วนจะเป็นการเน้นรูปร่างภายนอก วิธีลดจึงเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายเป็นหลัก หลังใช้วิธีนี้ปริมาณไขมันในร่างกายจะลดลงและร่างกายจะเห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจนขึ้น ทำให้รูปร่างดูดีสมส่วน แต่น้ำหนักตัวอาจไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก ซึ่งการลดสัดส่วนนับเป็นวิธีที่ใช้กันโดยแพร่หลาย เพราะดีต่อสุขภาพและให้หุ่นที่ดูสุขภาพดีด้วยค่ะ

สาเหตุที่ทำให้สัดส่วนลดแต่น้ำหนักไม่ลดหลังจากการลดความอ้วน จึงสรุปได้ว่า

  1. ร่างกายของเรามีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น

กล้ามเนื้อมีน้ำหนักมากกว่าไขมันเสมอ ดังนั้นแม้เราจะกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหนักตัวของเราจะลดลง จึงไม่ควรใช้ตัวเลขบนตาชั่งมาเป็นแรงผลักดันในการลดความอ้วน

ตัวอย่างของคนที่ออกกำลังกายแล้วหุ่นสวยแต่น้ำหนักเพิ่มก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เน้นปั้นหุ่นด้วยการเล่นเวทเทรนนิ่ง การออกกำลังกายแบบนี้จะทำให้ร่างกายของเรามีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้นและทำให้มวลไขมันลดลง ซึ่งกระบวนการที่ร่างกายสร้างมวลกล้ามเนื้อมากขึ้นและลดปริมาณมวลไขมันให้น้อยลง จะเรียกว่า “Body Recomposition”

นอกเหนือจากนี้ ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่าการไดเอตด้วยวิธีควบคุมอาหาร หรือการทานอาหารให้ได้ปริมาณแคลอรีน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการต่อวันจะทำให้ตัวเลขน้ำหนักลดลงได้เร็วก็จริง แต่วิธีนี้ก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ผลดีค่ะ เพราะแม้ว่าเราจะอยากหุ่นผอมบางร่างน้อย ไม่อยากเน้นสัดส่วนกล้ามเนื้อ แต่วิธีนี้จะทำให้ระบบเผาผลาญพังและสภาพร่างกายดูทรุดโทรม ไม่แข็งแรงค่ะ

  1. ร่างกายของเราอาจจะบวมน้ำ

อาการบวมน้ำ หรือ Water Retention มีผลทำให้น้ำหนักของเราสวิงขึ้นลงได้ โดยสาเหตุของอาการบวมน้ำก็เกิดขึ้นได้จากทั้งการบริโภคโซเดียมมากเกินไป ทำให้ไตกักน้ำไว้ในร่างกายมากขึ้น หรืออาจเพราะภาวะความเครียดจนทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากขึ้น มีผลให้เกิดอาการบวมน้ำได้

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวมน้ำที่ควบคุมไม่ได้คือ การมีประจำเดือนของผู้หญิง ในช่วงนี้ฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนแปลง จะสังเกตได้ว่าในช่วงวันนั้นของเดือน ร่างกายของผู้หญิงจะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่งได้ถึง 2 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่หลังจากระดับฮอร์โมนกลับมาเป็นปกติ ร่างกายก็จะขับน้ำออกมาได้เองตามธรรมชาติค่ะ

สำหรับใครที่มีปัญหาบวมน้ำ แนะนำให้หลีกเลี่ยงสาเหตุการเกิด เช่น ลดการบริโภคโซเดียมหรือหาอะไรทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด และหลังจากนั้นให้ปรับอาหารการกินให้ดีขึ้น ออกกำลังกายกระชับสัดส่วนบ้าง เพียงเท่านี้ร่างกายก็จะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติค่ะ

  1. ร่างกายอาจมีภาวะน้ำหนักค้าง

ภาวะน้ำหนักค้าง หรือ Weight Loss Plateau เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้หลังจากการลดความอ้วนไปสักระยะหนึ่ง (มักจะเป็นในช่วง 4-6 อาทิตย์แรก) นั่นเพราะน้ำหนักที่ลดลงไปในช่วงแรกจะเกิดจากการที่ร่างกายขับน้ำออกไป รวมถึงร่างกายอาจสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปด้วย แต่ไขมันจะไม่ค่อยลดลงในช่วงระยะเวลานี้ค่ะ ซึ่งภาวะน้ำหนักค้างมักเกิดจากการลดความอ้วนด้วยวิธีควบคุมอาหารที่เคร่งจนเกินไป เพราะเมื่อเราใช้วิธีนี้ไปได้สักระยะหนึ่ง ร่างกายของเราก็จะเริ่มปรับตัวให้คุ้นชิน ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าลง น้ำหนักของเราจึงเริ่มนิ่งขึ้น และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเผลอกลับไปกินเท่าเดิม ก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายที่มีชื่อว่า “โยโย่” ได้ค่ะ

ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่เราอยากลดความอ้วน พยายามควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรวัดค่าความสำเร็จจากตัวเลขบนตาชั่งเป็นหลักค่ะ เพราะตัวเลขนั้นไม่ได้บอกเลยว่าเรามีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ และมวลไขมันลดลงไปมากแค่ไหนแล้ว ให้เน้นวัดสัดส่วนที่เห็นได้จริงดีกว่า

มีวิธีลดสัดส่วน กำจัดเซลล์ไขมัน ลีนหุ่นอย่างเร่งด่วนแบบปลอดภัยหรือไม่?

นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีที่พยายามลดความอ้วนด้วยวิธีออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนักควบคู่กันไป แต่ก็รู้สึกว่าสัดส่วนลดลงช้า ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือบางครั้งก็ล้มเหลวเพราะไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งใครที่อยู่ในกรณีเหล่านี้ก็ไม่ต้องเครียดไปค่ะ เพราะยังมีวิธีอื่นที่ช่วยให้เรารูปร่างดีได้ด้วยวิธีที่ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องมีเวลาออกกำลังกายเยอะ ๆ นั่นก็คือ การใช้นวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อช่วยลดสัดส่วน ขจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายได้อย่างเห็นผลดีและปลอดภัย

Sculpsure (สคัลส์ชัวร์) คือ การใช้พลังเลเซอร์เพื่อสลายส่วนไขมันภายใน 25 นาที โดยพลังงานเลเซอร์จะเข้าเจาะจงกำจัดเม็ดไขมันโดยตรง สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้มากถึง 24% ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าใช้บริการโดยที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์อื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง จึงนับเป็นเครื่องเลเซอร์สลายไขมันที่สามารถเห็นผลได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น ทั้งยังผ่านการรับรองมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา ( US.FDA Approved ) ว่าสามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้จริงโดยไม่เป็นอันตรายอีกด้วย

เครื่องนี้จะใช้คลื่นแสงความเข้มข้นสูงที่ความยาวคลื่น 1060 นาโนเมตร ในการกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกาย โดยใช้ความร้อน (WarmSculpting treatment) อยู่ในระดับอุณหภูมิ 42 – 47 องศาเซลเซียส แต่คนไข้จะไม่รู้สึกร้อนขณะทำการรักษาเพราะมีการผสานเทคโนโลยี Contact Cooling ซึ่งสามารถส่งผ่านพลังงานความเย็นบนผิวชั้นบน ในระหว่างการรักษาเซลล์ไขมันที่ถูกแสงเลเซอร์กำจัดจะเกิดภาวะช็อกและตายไป ก่อนจะถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติผ่านระบบน้ำเหลือง

Sculpsure เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดสัดส่วนแบบเฉพาะจุดและต้องการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายแบบถาวร สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา จึงไม่ต้องกังวลว่าหลังทำเซลล์ไขมันจะไม่ถูกกำจัดอย่างแท้จริง ใครที่ต้องการลดสัดส่วนและกำจัดเซลล์ไขมันด้วยวิธีที่ทั้งปลอดภัยและรวดเร็ว อีกทั้งยังได้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ วิธีนี้ก็ตอบโจทย์มาก ๆ เลยค่ะ