หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรทำยังไงให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ อยู่ได้นาน

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ไขปัญหาความหมองคล้ำหรือร่องลึกบริเวณใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น มาพร้อมจุดเด่นที่สำคัญเลยก็คือเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ได้แบบถาวร ดังนั้นการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้ก็เลยจะมาพูดถึงข้อห้ามและข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ใต้ตา พร้อมแชร์อาการที่เกิดขึ้นได้หลังฉีด เพื่อเป็นข้อมูลให้กับหลาย ๆ คนที่กำลังคิดอยากฉีดใต้ตาและต้องการศึกษาข้อมูลเพื่อนำไปปรับใช้ในการดูแลตัวเองหลังฉีดค่ะ

สารบัญบทความ

ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง

แม้ว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถกลับไปใช้ชีวิต ทำงาน หรือช็อปปิ้งได้ตามปกติ แต่มันก็จะมีข้อห้ามบางประการที่แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงเพื่อให้ filler สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากบางพฤติกรรมอาจทำให้สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปเกิดการเคลื่อนที่หรือสลายเร็วได้ ซึ่งหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามทำอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

รับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ

หลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น อาการบวม รอยแดงหรือรอยช้ำ ซึ่งแพทย์จะมีการจ่ายยาแก้ปวด ลดบวม ยาฆ่าเชื้อรวมไปถึงยาแก้อักเสบให้คนไข้นำกลับไปรับประทานตามอาการ พร้อมกับการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายอย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้สารเติมเต็มคงสภาพอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นค่ะ

หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์

ภายหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในบางรายอาจมีอาการคัน บวมแดงเกิดขึ้นเล็กน้อยอาจทำให้เผลอเอามือไปสัมผัส เกาบริเวณที่ฉีด ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส เกา นวด กดหรือขยี้บริเวณรอบดวงตาเพื่อลดการอักเสบและบวมแดง

งดสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

การสูบบุหรี่รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารเติมเต็มลดลงเนื่องจากส่วนผสมที่อยู่ในเครื่องดื่มและบุหรี่นั้นส่งผลต่อกระบวนการไหลเวียนของเลือดทำให้บริเวณที่ฉีดสมานแผลได้ช้าลง หรือทำทำให้ฟิลเลอร์ยุบบวมช้า

หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด ของหมัก ดอง ของดิบ

อาหารรสจัด เช่น อาหารที่มีรสชาติเค็มจนเกินไปอาจทำให้ฟิลเลอร์ยุบบวมได้ช้า เพราะมันทำให้ร่างกายเกิดภาวะบวมน้ำ หรืออาหารที่มีรสชาติหวาน มีน้ำตาลสูงก็ทำให้รอยเข็มหายช้าได้เช่นเดียวกัน รวมไปถึงอาหารหมักดอง ของดิบต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย ทางที่ดีแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานของพวกนี้ออกไปก่อนจะดีที่สุดค่ะ

หลีกเลี่ยงการเผชิญกับความร้อนทุกชนิด

ความร้อนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำฟิลเลอร์สลายเร็ว อีกทั้งยังอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ ดังนั้นในช่วงแรกหลังฉีดควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับความร้อนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การอบซาวน่า การอาบแดด การทำกิจกรรมกลางแจ้ง การทำเลเซอร์หน้า ไปจนถึงการอยู่หน้าเตาร้อน ๆ

หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 48 ชั่วโมงแรกควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกง่าย เช่น การวิ่ง การเล่นเทนนิส ปั่นจักรยาน เป็นต้น เพราะกิจกรรมเหล่านี้อาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดการอักเสบ บวมแดง หรือทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้

ไม่ควรนอนตะแคงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

อีกหนึ่งข้อปฏิบัติหลังฉีด filler ใต้ตาในช่วง 2-3 วันแรกหลังคือไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนคว่ำเพราะอาจเกิดการกดทับบริเวณที่ฉีดได้ แนะนำให้นอนหงายด้วยหมอนสูงกว่าระดับหน้าอก

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม เป็นคำถามที่หลายคนเป็นกังวลใจอยู่เมื่อต้องเข้ารับบริการ หลังฉีด filler ใต้ตาอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ ซึ่งแพทย์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทก็คือ อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไม่เป็นอันตรายเกิดขึ้นได้เป็นปกติ กับอาการผิดปกติหลังฉีดสารเติมเต็มที่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

  • อาการที่เกิดขึ้นได้ – เช่น รอยเขียวช้ำ หรืออาการบวมตึงบริเวณที่มีรอยเข็ม ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติหลังฉีดฟิลเลอร์อยู่แล้ว ไม่เป็นอันตรายเพราะมันจะสามารถหายเป็นปกติได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือเกิดขึ้นแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น และสามารถใช้การประคบเย็น หรือรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำเพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ค่ะ
  • อาการผิดปกติที่ไม่ควรเกิดขึ้น – เช่น อาการอักเสบที่มักจะเกิดเป็นตุ่ม บวม มีหนองบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการปวดอย่างรุนแรง และการติดเชื้อ ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ไม่สะอาด หรือแพทย์ไม่มีความชำนาญในการรักษา นอกจากนี้หลังฉีดไป 24 ชั่วโมงแล้วรู้สึกมีผื่นแดง หนังตาบวม อาจเกิดได้จากอาการแพ้ฟิลเลอร์ได้ แนะนำให้รีบกลับเข้ามาพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาหรือฉีดสลายฟิลเลอร์ออกทันที

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรดูแลตัวเองอย่างไร

โดยทั่วไปแล้วหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะไม่ได้มีขั้นตอนการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากแต่อย่างใด เนื่องจากมันเป็นหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ก็จะมีวิธีการดูแลตัวเองที่แพทย์แนะนำเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดการเกิดอาการไม่พึงไม่ประสงค์ ซึ่งข้อควรปฏิบัติหลังฉีด filler ใต้ตา มีดังนี้

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในทันที

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ครบ 1 ชั่วโมงสามารถนำปลาสเตอร์ที่แปะไว้ออกได้ หากมีอาการปวดหรือบวมสามารถรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งเพื่อบรรเทาอาการได้ค่ะ
  • หลังฉีด filler ใต้ตาอาจมีอาการบวม แดง ได้ซึ่งมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายในไม่กี่วัน แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใช้มือนวด กดบริเวณที่ฉีด

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วง 3 – 48 ชั่วโมง

  • 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกจากอุปกรณ์แต่งหน้ารบกวนผิว หรือแต่งหน้าอ่อน ๆ ได้หลังฉีดไปแล้ว 1 วัน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 48 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงการทาครีมบริเวณรอยเข็มใต้ตา
  • สามารถทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิปกติ หรือใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนต่อผิว

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วง 3 – 14 วัน

  • หลีกเลี่ยงการสครับผิว ขัดผิวบริเวณใต้ตาเพื่อป้องกันไม่ให้สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปสลายตัว
  • ในช่วง 3-5 วันแรก ไม่ควรแสดงสีหน้าเยอะจนเกินไปเพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
  • ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด ไม่ควรให้ผิวสัมผัสกับอากาศร้อน ๆ เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก การอยู่หน้าเตาร้อน ๆ การอาบแดด หรือการซาวน่า เป็นต้น
  • หากมีความรู้สึกว่าอาการบวมแดงที่เกิดขึ้นยังไม่มีท่าทีว่าจะหายดี หรือเป็นหนักขึ้นให้รีบกลับเข้ามาพบแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษา

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว 1 เดือน

  • หมั่นดื่มน้ำสะอาด และดื่มให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารที่ช่วยกักเก็บน้ำ อุ้มน้ำได้ดีทำให้ filler อยู่ได้นานขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้สารเติมเต็มสลายเร็วขึ้นได้

อาหารที่ควรเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

อีกหนึ่งข้อห้ามหลังฉีด filler ใต้ตาก็คือการเลือกรับประทานอาหาร เพราะอาหารเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งอาหารที่แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อนให้ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ filler เข้าที่ได้เร็วขึ้น ได้แก่

ข้อห้ามหลังฉีด filler ใต้ตา

  • อาหารเสริมหรือยาบางชนิด – เช่น อาหารเสริมที่มีน้ำมันตับปลา กลุ่มวิตามินอี หรือพวกสมุนไพรต่าง ๆ ที่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือด เนื่องจากส่วนผสมที่อยู่ในอาหารเสริมเหล่านี้อาจทำให้เลือดหยุดไหลได้ยาก หรือทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ช้ำ บวม และมีรอยแดงมากขึ้น
  • อาหารรสจัด –โดยเฉพาะอาหารที่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน เช่น ยำ ส้มตำ แกงต่าง ๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วอาจทำให้น้ำตาหรือน้ำมูกไหล จนทำให้มือเราไปสัมผัสกับบริเวณที่ฉีดจนก่อให้เกิดการติดเชื้อ หรือทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวออกได้ นอกจากนี้อาหารรสจัดทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ
  • อาหารที่มีโซเดียมสูง – นอกจากอาหารรสจัดแล้ว อาหารที่มีโซเดียมสูงก็ควรหลีกเลี่ยงไปก่อนในช่วงแรก เนื่องจากโซเดียมจะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดอาการบวมแดงบริเวณใต้ตา หรือทำให้เลือดเกิดการสูบฉีดมากขึ้น
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง – ของหวานเมื่อเรารับประทานเข้าไปหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้เกิดการกระตุ้นการอักเสบของผิวได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้ร่างกายมีการกระตุ้นการสร้างกรดไขมันอิสระออกมามากกว่าปกติจนทำให้เกิดการอักเสบได้เช่นเดียวกัน
  • อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ – อาหารที่ไม่ได้ผ่านการปรุงสุกหรือมีการปรุงสุกที่ไม่ทั่วถึง เช่น ตำกุ้งสด ยำปูทะเล ซาซิมิ ซอยจุ๊ มีโอกาสพบเชื้อโรคหรือมีสิ่งปนเปื้อนอยู่ได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบ แผลหายช้า หรือติดเชื้อได้ง่าย
  • แอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มคาเฟอีน – ทั้งแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ อาจทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง หรือทำให้แผลหายช้าลง ดังนั้นการดื่มน้ำเปล่าสะอาดจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
  • อาหารที่มีความร้อน – อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าหลังฉีด filler ใต้ตาไม่ควรให้ผิวสัมผัสกับความร้อน อาหารที่รับประทานก็เช่นเดียวกัน เพราะความร้อนมีผลต่อการสลายตัวของสารเติมเต็ม ยิ่งถ้าเรารับประทานอาหารที่มีอุณหภูมิสูงมาก ๆ อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ชาบู ปิ้งย่าง หมูกระทะ เป็นต้น

เทคนิคที่ช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานขึ้น มีอะไรบ้าง

Filler จะอยู่กับเราได้นานหรือไม่นั้นนอกจากการเลือกประเภทฟิลเลอร์ ปริมาณที่ฉีดแล้วการดูแลตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ เราก็เลยจะมาแชร์เทคนิคการรักษาสารเติมเต็มให้อยู่กับเรานานมากยิ่งขึ้น ดังนี้

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรรับประทานอาการที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
  • ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดด และหมั่นทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • หลังฉีดใต้ตาควรหลีกเลี่ยงการแสดงสีหน้า เช่น การขมวดคิ้ว การยกคิ้ว
  • ดื่มน้ำให้เยอะ ๆ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Doctor Mek Clinic ดีอย่างไร

ฟิลเลอร์ใต้ตาหนึ่งในตัวช่วยยอดฮิตให้กับผู้ที่มีริ้วรอยใต้ตาเป็นร่องลึก ความหมองคล้ำ ซึ่งเมื่อฉีด filler เข้าไปแล้วก็จะช่วยให้บริเวณใต้ตาดูเรียบเนียน อิ่มฟูทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ดีก็ต้องมาพร้อมกับการดูแลตัวเองที่ดีหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรปฏิบัติตนตามวิธีที่แนะนำไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหาร การหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้า หรือการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามที่ใจเราต้องการ

และสำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกฉีด Filler ใต้ตาหรือไม่รู้จะไปฉีดที่ไหนดี Doctor Mek Clinic เรามีบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ปรับรูปหน้า ด้วยเทคนิคพิเศษอย่าง Triple Layer Lift ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านฟิลเลอร์ที่มีความรู้ และประสบการณ์ในการเลือกใช้ชนิดของสารเติมเต็ม รู้หลักการฉีดให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน พร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาอย่างใกล้ชิด หากใครสนใจสามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา หรือให้แพทย์ช่วยประเมินใบหน้าเบื้องต้นได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายตามช่องทางการติดต่อของคลินิก หรือที่ LINE : @doctormekclinic

References 

Dermal Filler Aftercare. (n.d.).themanseclinic https://themanseclinic.com.au/dermal-filler-aftercare/ 

Kristina Cadwell. (2021, November 23). Dermal Fillers Aftercare: What to Do After a Dermal Filler Treatment. vibrant skin bar. https://vibrantskinbar.com/blog/dermal-fillers-aftercare/