ถ้าจะพูดถึงหัตถการความงามที่โดดเด่นในด้านการยกกระชับปรับรูปหน้าและแก้ไขปัญหาริ้วรอย คงต้องยกให้การฉีดฟิลเลอร์และการฉีดโบท็อกซ์ แต่หลายคนอาจยังสงสัยอยู่ว่าฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร ในบทความนี้จะขอพาทุกคนไปดูข้อมูลเปรียบเทียบกันว่า Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร แต่ละหัตถการเหมาะกับใครบ้าง มีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร ฉีด Filler กับ Botox พร้อมกันได้ไหม โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์เลือกแบบไหนดี ถ้าพร้อมแล้วเดี๋ยวเราไปหาคำตอบเหล่านี้กันเลย!
สารบัญบทความ
- ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร
- โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร
- เปรียบเทียบระหว่าง Filler กับ Botox
- ข้อดี-ข้อจำกัดของ Filler กับ Botox มีอะไรบ้าง
- Filler กับ Botox เหมาะกับใครบ้าง
- Filler กับ Botox ทำพร้อมกันได้ไหม ทำอันไหนก่อน-หลัง
- Filler กับ Botox อันไหนดีกว่ากัน
- Filler กับ Botox ราคาต่างกันไหม
- ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ ต่างกันยังไง Doctor Mek Clinic สรุปให้!
ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือเรียกสั้น ๆ ว่า HA) ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเลียนแบบกรดไฮยาลูรอนที่มีอยู่ในร่างกายคนเราตามธรรมชาติ หลังจากฉีดฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน 6 – 24 เดือน* ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ, รุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้, สภาพผิว และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล ซึ่งหลังจากนี้สารเติมเต็มจะสลายได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัย ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย สำหรับกรณีที่ฉีดไปแล้วยังไม่พึงพอใจ หรืออยากแก้ไขก็สามารถทำได้ด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก
ฟิลเลอร์ถูกนำมาฉีดเติมเต็มเพื่อเพิ่มวอลลุ่มหรือเสริมใต้ชั้นผิวหนังที่มีการยุบตัวและขาดความยืดหยุ่น ทำให้บริเวณนั้น ๆ ซูบตอบ อย่างการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หลังฉีดแล้วจะช่วยให้ผิวกลับมาอิ่มเอิบ ช่วยแก้ไขใต้ตาดำให้กลับมากระจ่างใสด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กรณีที่ผิวมีริ้วรอย การฉีดจะช่วยเติมเต็มริ้วรอยให้ตื้นขึ้น ผิวมีความเต่งตึงขึ้น
นอกจากนี้ สารเติมเต็มยังมีคุณสมบัติที่ช่วยอุ้มน้ำส่งผลให้ผิวชุ่มชื่น ช่วยป้องกันริ้วรอยบนใบหน้า และยังสามารถฉีดเพื่อการปรับรูปหน้า เช่น ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อเพิ่มความนูนโค้ง, ฉีดปากเพื่อปรับรูปทรงได้หลากหลายสไตล์, ฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อช่วยให้ใบหน้าได้สัดส่วน รูปคางมีความเรียวยาวขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องพักหน้า
โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร
โบท็อกซ์ (Botox) คือ สารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) เมื่อฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องการแล้วจะทำหน้าดักจับกับเส้นประสาท ซึ่งมีผลต่อการขัดขวางหรือยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่อยู่ภายในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลงชั่วคราว เมื่อคนที่มีกรามขนาดใหญ่ฉีดโบท็อกซ์แล้วจะช่วยให้กรามมีขนาดที่เล็กลง ฉีดเพื่อลิฟท์กรอบหน้าช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าที่มีการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าซึ่งมักอยู่ส่วนบนของใบหน้า เช่น รอยย่นระหว่างคิ้ว รอยย่นหน้าผาก ริ้วรอยที่หางตาหรือตีนกา
แต่ทั้งนี้ การฉีดโบท็อกซ์จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากโครงสร้างผิวภายในที่เสื่อมสภาพ กระดูกและชั้นไขมันยุบตัวจากอายุที่มากขึ้นได้ เพราะสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ จะออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อเท่านั้น ด้วยกลไกในการออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อนี้เอง สำหรับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้างยังสามารถใช้การฉีดโบท็อกซ์เพื่อกระชับรูขุมขน ลดปีกจมูกกว้าง และนำมาฉีดลดกล้ามเนื้อแขนและกล้ามเนื้อน่องขา
ด้วยคุณสมบัติของสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ ยังออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ จึงนำมาใช้ฉีดรักษาภาวะกล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติ และลดอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น บริเวณรักแร้, ฝ่ามือ และฝ่าเท้า รวมถึงยังสามารถนำมาฉีดเพื่อบรรเทาและลดความรุนแรงของอาการปวดหัวไมเกรน ฉีดโบท็อกซ์รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังหรือออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย หลังฉีดโบท็อกซ์จะเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน* ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ, ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองของแต่ละคน โดยเมื่อระยะเวลาผ่านไปสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือตกค้าง
เปรียบเทียบระหว่าง Filler กับ Botox
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ต่างกันยังไง? สำหรับในแง่ของการลดริ้วรอยนั้น ทั้ง Botox และ Filler มีคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้เหมือนกัน แต่จะมีความแตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมากทั้งในเรื่องของตัวยา, หลักการทำงาน, เทคนิคการฉีด, จุดประสงค์ในการรักษา และผลลัพธ์ที่ได้ ดังข้อมูลการเปรียบเทียบในตารางด้านล่าง
ความแตกต่าง | ฟิลเลอร์ | โบท็อกซ์ |
ชนิดตัวยา |
|
|
หลักการทำงาน |
|
|
เทคนิคการฉีด |
|
|
จุดประสงค์ในการรักษา |
|
|
ผลลัพธ์ที่ได้ |
|
|
เวลาในการเห็นผลลัพธ์ |
|
|
ระยะเวลาของผลลัพธ์ |
|
|
ข้อดี-ข้อจำกัดของ Filler กับ Botox มีอะไรบ้าง
ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ สิ่งสำคัญที่เป็นตัวช่วยในการพิจารณาว่าเราเหมาะกับวิธีใดและเพื่อเป็นการทำความเข้าใจ รวมถึงเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำหัตถการ นั่นก็คือ ข้อดีและข้อเสีย / ข้อจำกัดของการฉีดโบท็อกและฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์
ข้อดี
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เร็ว
- เป็นเทคนิคความงามที่ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด เจ็บน้อย ไม่มีแผลผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ผิวเรียบเนียน
- แก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า เติมเต็มผิว พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิว
- เป็นการรักษาที่ยืดหยุ่น หากไม่พึงพอใจหรือต้องการเอาฟิลเลอร์ออกสามารถใช้วิธีแก้ฟิลเลอร์ได้ หรือสามารถฉีดเติมเพิ่มได้เช่นกัน
ข้อจำกัด
- ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรเพราะฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ (ทั้งนี้คนไข้สามารถกลับมาฉีดเติมซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อคงผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ)
- ฉีดได้ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น หากต้องการฉีดเสริมคางเพื่อเพิ่มความยาวจะฉีดให้ยาวขึ้นได้ไม่เกิน 1 เซนติเมตร
- คนที่มีประวัติแพ้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับการทำหัตถการนี้
- หากเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์และมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอมอาจส่งผลเสียร้ายแรงตามมา เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน มีอาการอักเสบติดเชื้อ หรือทำให้มีการอุดตัน เนื้อตาย และถึงขึ้นตาบอดได้
การฉีดโบท็อกซ์
ข้อดี
- เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วใน 1 – 2 สัปดาห์
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- แก้ไขปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าได้
- ช่วยลดกล้ามเนื้อและงดเหงื่อโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ลดกรามปรับรูปหน้า, ลดกล้ามแขน, ลดน่อง, ลดเหงื่อที่รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
- การฉีดโบท็อกซ์ราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
ข้อจำกัด
- ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรเพราะโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐานจะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ (ทั้งนี้แนะนำให้คนไข้กลับมาฉีดซ้ำตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เพื่อคงผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพได้ยาวนาน)
- คนที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์ไม่เหมาะกับหัตถการนี้
- หากเลือกฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น ฉีดมากเกินไปทำให้หน้าแข็งทื่อ ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ, คิ้วตก, ปากเบี้ยว หรือยิ้มได้ไม่สุด รวมถึงภาวะดื้อโบ
Filler กับ Botox เหมาะกับใครบ้าง
ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์เหมาะกับคนที่ต้องการให้ใบหน้าดูอ่อนวัย อยากแก้ไขปัญหาริ้วรอย ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่ทั้งนี้ อย่างที่อธิบายไว้ในข้างต้นว่าทั้ง Filler และ Botox นั้นมีความแตกต่างกันทั้งในด้านของตัวยา, หลักการทำงาน, ระยะเวลาของผลลัพธ์ และสิ่งสำคัญเลยคือ จุดประสงค์ในการรักษา ดังนั้นหากไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดโบท็อกซ์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินจากลักษณะปัญหาผิวและร่วมพูดคุยถึงความต้องการของคนไข้
ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับคนที่สูญเสียคอลลาเจน อิลาสติน ไฮยาลูรอนตามอายุที่มากขึ้น โครงสร้างผิวเสื่อมสภาพ มีภาวะกระดูกทรุดตัวและชั้นไขมันที่บางลง ต้องการแก้ไขริ้วรอย เติมผิวบริเวณที่เป็นร่องลึก อยากปรับรูปหน้าหรือรูปทรงริมฝีปาก ต้องการปรับปรุงผิวให้ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ และอยากชะลอการเกิดริ้วรอยที่เป็นร่องลึกในอนาคต โดยไม่ต้องการผ่าตัด อยากเห็นผลลัพธ์ได้เลยทันที ไม่อยากพักหน้า
โบท็อกซ์เหมาะกับใคร
การฉีดโบท็อกซ์ เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอย เช่น ริ้วรอยหน้าผาก, ริ้วรอยหางตา (ตีนกา), ริ้วรอยระหว่างคิ้ว และริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การยิ้ม, หัวเราะ, เลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้วบ่อย ๆ ซึ่งทำให้มีการขยับกล้ามเนื้อและเห็นเป็นริ้วรอย รอยยับ รอยเหี่ยวย่น รวมถึงเหมาะกับคนที่มีกรามใหญ่ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวและเก็บกรอบหน้าให้กระชับ นอกจากนี้ การฉีดโบท็อกซ์ยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยที่เป็นร่องลึกในอนาคตได้อีกด้วย
Filler กับ Botox ทำพร้อมกันได้ไหม ทำอันไหนก่อน-หลัง
ระหว่าง Botox กับ Filler ทำอันไหนก่อน? เป็นคำถามที่เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ก่อนตัดสินใจทำ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์สามารถทำพร้อมกันได้ หากเป็นการแก้ไขปัญหาคนละอย่างกัน ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีปัญหาใต้ตาดำ มีริ้วรอยและร่องลึกใต้ตา ร่วมกับมีรอยหางตาหรือรอยตีนกาด้วย แพทย์อาจพิจารณาให้ฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขขอบตาดำ เติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยใต้ตา ผสานกันการฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหารอยตีนกาได้ในคราวเดียวกัน
แต่หากในกรณีที่คนไข้มีปัญหาร่องแก้ม แพทย์อาจต้องตรวจประเมินก่อนว่าร่องแก้มที่มีอยู่เกิดจากสาเหตุของกระดูกที่ทรุดตัวหรือเกิดจากการแสดงสีหน้าบ่อย ซึ่งอาจต้องพิจารณาเลือกใช้วิธีและเทคนิคที่แตกต่างกันไป ส่วน Botox กับ Filler ทำอันไหนก่อนดีนั้นจะต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินตามลักษณะปัญหาและความเหมาะสมในคนไข้แต่ละรายอีกครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น แนะนำให้คนไข้เข้าพบและปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเองก่อน
Filler กับ Botox อันไหนดีกว่ากัน
หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลกันไปแล้วว่า ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร สำหรับทั้ง Filler กับ Botox สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอย ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนวัยโดยที่ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดทั้งคู่ และเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยเมื่ออยู่ภายใต้การรักษาโดยแพทย์ รวมถึงใช้ฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่ของปลอม แต่หากจะถามว่าแบบไหนดีกว่ากันก็ต้องพิจารณาว่าคนไข้มีปัญหาผิวแบบไหนและมีสาเหตุจากอะไร เนื่องจากทั้งฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ต่างก็มีจุดประสงค์ในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป
Filler กับ Botox ราคาต่างกันไหม
การฉีดฟิลเลอร์จะคิดราคาตามปริมาณ cc ของสารเติมเต็มที่ใช้ และโบท็อกซ์จะคิดตามจำนวนยูนิตที่ใช้เช่นเดียวกัน สำหรับฟิลเลอร์ราคาประมาณ 13,000 บาท*ขึ้นไป (*ราคาเริ่มต้น) และโบท็อกซ์ราคาประมาณ 6,000 บาท*ขึ้นไป (*ราคาเริ่มต้น)
แต่ทั้งนี้ ปัจจัยที่อาจทำให้ราคาฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ที่ในการรักษาแต่ละคนและแต่ละครั้งมีความแตกต่างกัน ได้แก่ ยี่ห้อฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ที่เลือกใช้, ปริมาณที่ใช้, ตำแหน่งที่ฉีด, สภาพผิว รวมถึงเทคนิคการฉีดที่แพทย์พิจารณาเลือกใช้ โดยแพทย์จะต้องมีการพูดคุยแนะนำรวมถึงสอบถามความต้องการของคนไข้ เพื่อการเลือกใช้ยี่ห้อและชนิดของ Filler และ Botox ที่เหมาะสมในคนไข้แต่ละรายเพื่อการแก้ไขปัญหาที่มีได้อย่างตรงจุดและตรงกับงบประมาณที่คนไข้ตั้งเอาไว้
ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ ต่างกันยังไง Doctor Mek Clinic สรุปให้!
การทำหัตถการฟิลเลอร์ (Filler) กับโบท็อกซ์ (Botox) ให้ผลลัพธ์ในด้านของผิวพรรณที่มีความอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอย ซึ่งเป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ฟิลเลอร์เหมาะกับ “เติมเต็ม” ผิวพรรณให้อิ่มเอิบ เต่งตึง เติมริ้วรอยร่องลึกให้ตื้นขึ้น ปรับคุณภาพผิวให้ชุ่มชื่น ยกกระชับปรับรูปหน้า ส่วนโบท็อกซ์เหมาะกับ “การลด” การทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า ยกกระชับกรอบหน้า ลดกราม เพื่อรูปหน้าที่เรียวสวย โดยทั้ง 2 หัตถการมีความแตกต่างกันในด้านของตัวยา, การออกฤทธิ์, จุดประสงค์ในการรักษา รวมถึงผลลัพธ์
ทั้งนี้แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ของ Doctor Mek Clinic เพื่อรับการประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเบื้องต้นแบบ Case by Case ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและแนะนำว่าคนไข้เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวด้วยฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ หรือสามารถใช้ทั้ง 2 วิธีร่วมกันได้ในคราวเดียว เพื่อการแก้ปัญหาได้ตรงจุดและตอบโจทย์กับความต้องการของคนไข้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอดูรีวิวเคสคนไข้จริงได้ที่ LINE : @doctormekclinic (มี @ นำหน้า)
References
Cable, M. M. (2010, December). On The Front Lines: What’s New in Botox and Facial Fillers. ncbi. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6188240/
Berry, J. (2023, May 24). What is the difference between Botox and dermal fillers?. medicalnewstoday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/320510