ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน ดูแลตัวเองยังไงให้ฟิลเลอร์เข้าที่ไว

ฟิลเลอร์หน้าผากกี่วันเห็นผล

โปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหนึ่งในวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยปรับรูปทรงของหน้าผากให้เรียบเนียน ทำให้ใบหน้ามีมิติ และแลดูอ่อนวัย แต่หลังการฉีดสารเติมเต็มอาจทำให้หน้าผากบวม ทำให้หลายคนมักมีคำถามว่า “ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน?” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนกำลังหาข้อมูลอยู่ เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องและมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ในบทความนี้เราจะมาไขคำตอบและแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่เร็วที่สุด

สารบัญบทความ

หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน

“หน้าผากบวมเกิดจากอะไรฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน” โดยทั่วไปแล้ว หลังการทำโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากบวมเกิดจากเข็มขนาดเล็กที่ฉีดผ่านผิวหนัง ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบได้ ไม่เป็นอันตราย และมาจากการที่ฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี ซึ่งหน้าผากบวมมากสุดในช่วง 2 – 3 วันแรก หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ ยุบ ทั้งนี้ หน้าผากบวมหลังฉีดสารเติมเต็มนั้นจะมีอาการมากหรือน้อย หายเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน โดยแนะนำให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งก็จะช่วยบรรเทาอาการบวมได้

หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก กี่วันเห็นผล ฟิลเลอร์เข้าที่กี่วัน

ฟิลเลอร์หน้าผากกี่วันเห็นผล

หลังจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้เลย แต่ในช่วงแรกอาจทำให้หน้าผากบวมและมีรอยแดง ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ หายได้เองหลังจากนี้ฟิลเลอร์จะเข้าที่และทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 – 3 สัปดาห์หลังการฉีด ซึ่งจะทำให้หน้าผากดูเรียบเนียนและมีลักษณะที่แลดูเป็นธรรมชาติ

หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน หายบวมไวหรือช้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ในช่วงที่ยังมีอาการบวมอยู่ ควรงดการนวดหรือกดทับบริเวณที่ฉีดเพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่ต้องการ รวมถึงงดการออกกำลังกายหนักและการใช้ความร้อน เช่น การอบไอน้ำหรืออาบน้ำร้อน เพราะอาจทำให้เกิดการบวมเพิ่มขึ้นและทำให้การฟื้นตัวช้าลง

ฟิลเลอร์หน้าผากบวม เป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ อันตรายไหม

นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วันแล้ว ยังมีสิ่งที่หลายคนอยากรู้นั่นก็คือ อาการหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากบวมและเป็นคลื่นจะเป็นอันตรายหรือไม่ สำหรับหลังการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หากเกิดอาการบวมเป็นคลื่นหรือผิดรูป อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง ฉีดผิดชั้น การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการดูแลหลังฉีดที่ไม่เหมาะสม

ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่หลายคนอาจไม่ทราบ เพราะฟิลเลอร์ประเภทนี้อาจมีสารอันตรายเจือปน ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น การแพ้ฟิลเลอร์ที่นำไปสู่อาการบวมแดงผิดปกติ หรือหน้าผากแล้วบวมเป็นก้อนแข็ง นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ และอาจไหลไปกดทับเส้นเลือดหรือเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย

ดังนั้น หากพบว่าหน้าผากแล้วบวมเป็นคลื่นหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและทำการแก้ไขอย่างถูกวิธี

อาการบวมหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากที่เป็นอันตราย

โดยปกติแล้ว การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจบวมได้เล็กน้อยและค่อย ๆ ยุบบวมจนหายเป็นปกติในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการบวมที่ผิดปกติและไม่ลดลงตามระยะเวลาที่ควร อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย อาการหน้าผากบวมที่อันตรายหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ได้แก่

  • บวมขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นนานกว่า 2 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
  • ปวดและร้อนผิว กดที่ผิวแล้วเจ็บมาก หรืออาจรู้สึกร้อนที่ผิวด้วย อาจเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด หรือการอักเสบภายในชั้นผิวหนัง
  • บวมแข็งเป็นก้อนผิดรูป อาจเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการฉีดผิดชั้นผิว ซึ่งอาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง
  • บวมร่วมกับอาการชา ในบริเวณหน้าผากหรือรอบดวงตา อาจบ่งบอกถึงการที่ฟิลเลอร์ไปกดทับเส้นประสาท ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบประสาทได้
  • สีผิวม่วงคล้ำหรือซีดผิดปกติ อาจเป็นอาการของการขาดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อจากการที่ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด

หากพบหน้าผากบวมผิดปกติตามอาการข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีและลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายมากขึ้น

วิธีป้องกันตัวเองจากอาการบวมที่เป็นอันตราย

ป้องกันฟิลเลอร์หน้าผากบวมเป็นอันตราย

นอกจากจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน อาการบวมแบบไหนที่ถือว่าปกติและผิดปกติ การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวและการเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงจากอาการหน้าผากบวมที่เป็นอันตราย โดยวิธีการป้องกัน ดังนี้

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่ามีมาตรฐานการรักษา
  • ทำการรักษาโดยแพทย์ ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และมีรีวิวหรือผลงานที่สามารถตรวจสอบได้
  • เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน แสดงฉลากชัดเจน และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อประเมินสภาพผิว ประวัติการแพ้ และเลือกประเภทฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของอาการบวมและผลข้างเคียงอื่น ๆ
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดอาการหน้าผากบวมที่อาจเกิดขึ้น

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม เป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่าง ๆ ช่วยให้อาการหน้าผากบวมหายเร็ว โดยมีวิธีดูแลตัวเองดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณหน้าผาก เป็นเวลาอย่างน้อย 3-5 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือผิดรูป
  • ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งหรือเจลประคบเย็นเบา ๆ บริเวณหน้าผากในช่วง 24 – 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการหน้าผากบวมและรอยแดง
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าร้อน เช่นอบซาวน่า อาบน้ำร้อน การออกกำลังกายหนัก หรือการตากแดดเป็นเวลานาน ๆ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้การฟื้นตัวช้าลง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้ฟิลเลอร์คงรูปได้ดีขึ้นและช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำยาวนานขึ้น
  • นอนในท่าที่เหมาะสม ควรนอนหงายและใช้หมอนรองศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อยในช่วง 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณหน้าผากและลดอาการหน้าผากบวม
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า รวมถึงงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิวหรือกรด AHA, BHA อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ
  • สังเกตอาการผิดปกติ เช่น หน้าผากบวมแดงรุนแรง ปวดมากผิดปกติ หรือสีผิวเปลี่ยนไป ควรรีบพบแพทย์

อาหารที่ควร-ไม่ควรรับประทานหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน หากอยากให้อาการบวมหายได้เร็ว หลังจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากควรรับประทานอาหารที่เหมาะสมก็จะช่วยลดอาการบวมอักเสบได้ และช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น โดยสามารถแบ่งประเภทอาหารที่ควรและไม่ควรรับประทาน ดังนี้

อาหารที่ควรรับประทาน

  1. ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง บรอกโคลี และพริกหวาน เพราะช่วยลดอาการอักเสบและเสริมสร้างคอลลาเจน
  2. อาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และเมล็ดแฟลกซ์ เพื่อช่วยลดอาการหน้าผากบวมและส่งเสริมการฟื้นตัวของผิว
  3. โปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไก่ ตับ และไข่ขาว เพื่อช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  4. น้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวได้ดีขึ้น
  5. อาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ถั่วอัลมอนด์ บลูเบอร์รี่ และชาเขียว ซึ่งช่วยลดหน้าผากบวมอักเสบและป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระที่ทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

อาหารที่ไม่ควรรับประทาน

  1. อาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะอาจทำให้หน้าผากบวมและยุบช้า
  2. อาหารที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและทำให้การฟื้นตัวช้าลง
  3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัวและเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการบวมมากขึ้น
  4. อาหารไม่สุกและของหมักดอง ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อ
  5. อาหารรสจัดและเผ็ดจัด ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบและทำให้ร่างกายฟื้นตัวช้ากว่าปกติ

ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากที่ Doctor Mek Clinic ดีอย่างไร

สรุป ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บวมกี่วัน โดยทั่วไปหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากจะบวมไม่กี่วัน และจะค่อย ๆ ยุบลงจนเข้าที่สมบูรณ์ภายใน 2 – 3 สัปดาห์ ทั้งนี้การดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เช่น หลีกเลี่ยงความร้อน งดแอลกอฮอล์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยลดอาการหน้าผากบวมและทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามยิ่งขึ้น หากคุณต้องการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย

แนะนำ Doctor Mek Clinic ที่มีทีมแพทย์ที่มีทักษะและมีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบได้ทุกกล่อง พร้อมเทคนิค Triple Layer Lift ตอบโจทย์ปัญหาหน้าผากของแต่ละบุคคล มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่สวยอย่างเป็นธรรมชาติ

References

Funt, D. K. (2022, June 20). Treatment of Delayed-onset Inflammatory Reactions to Hyaluronic Acid Filler: An Algorithmic Approach. ncbi. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9208893/

Colon, J., Mirkin, S., Hardigan, P., Elias, M. J., & Jacobs, R. J. (2023, April 29). Adverse Events Reported From Hyaluronic Acid Dermal Filler Injections to the Facial Region: A Systematic Review and Meta-Analysis. ncbi. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10226824/