การฉีดฟิลเลอร์หัตถการเพื่อการเติมเต็มผิวให้ใบหน้าดูสมส่วนกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนทำให้หลายคนให้ความสนใจและเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการนี้กันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่ ? บทความนี้ก็เลยจะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลที่ควรรู้ก่อนฉีด รวมไปถึงราคาในการฉีดฟิลเลอร์ ว่าแต่ละตำแหน่ง แต่ละยี่ห้อมีราคาที่แตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้ทุกท่านนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ค่ะ
สารบัญบทความ
- การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่ง ราคาเท่าไหร่
- การฉีดฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ราคาเท่าไหร่
- การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งใช้กี่ cc
- หลังฉีดฟิลเลอร์ กี่วันถึงจะเห็นผล
- หากฉีดฟิลเลอร์ในราคาถูกจะเป็นอันตรายไหม ควรเลือกอย่างไรดี
- ข้อควรพิจารณาเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
- ฉีดฟิลเลอร์ ราคาพิเศษที่ Doctor Mek Clinic มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่ง ราคาเท่าไหร่
ในการฉีดฟิลเลอร์จะมีราคาที่ไม่เหมือนกันในแต่ละจุด เนื่องจากแต่ละตำแหน่งแพทย์จะมีการประเมินการใช้สารเติมเต็มในยี่ห้อ รุ่น และปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งที่ Doctor Mek Clinic มีรายละเอียดค่าบริการเริ่มต้นดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา cc ละ 13,900 บาท*
- การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคา cc ละ 13,900 บาท*
- การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคา cc ละ 13,900 บาท*
- การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคา cc ละ 25,000 บาท*
- การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ราคา cc ละ 13,900 บาท*
- การฉีดฟิลเลอร์คาง ราคา cc ละ 13,900 บาท*
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคา cc ละ 20,000 บาท*
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ราคาเท่าไหร่
การฉีดฟิลเลอร์ราคาก็จะแตกต่างกันออกไปตามยี่ห้อที่เลือกใช้ โดยแต่ละยี่ห้อก็ยังมีการผลิตรุ่นย่อย ๆ แตกแขนงออกไปเพื่อรองรับการเติมเต็มผิวในปัญหาที่แตกต่างกัน อีกทั้งการคงสภาพของสารเติมเต็มยังมีระยะเวลาที่ไม่เท่ากัน ซึ่งยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ Doctor Mek Clinic นำเข้ามาให้บริการมีรายละเอียดดังนี้
ราคาฟิลเลอร์ Juvederm
- รุ่น Ultra xc – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12 เดือน
- รุ่น Ultra Plus xc – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Restylane
- รุ่น Classic – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
- รุ่น Lyft – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12 เดือน
- รุ่น Vital – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 8 เดือน
- รุ่น Vital Light – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-8 เดือน
- รุ่น Volyme – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 18 เดือน
- รุ่น Refyne – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 8-12 เดือน
- รุ่น รุ่น Defyne – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12 เดือน
- รุ่น Kysse – ราคา cc ละ 20,000 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Belotero
- รุ่น Volume – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 18 เดือน
- รุ่น Revive – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 9 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Neuramis
- รุ่น Deep – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-8 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Yvoire
- รุ่น Volume Plus – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 9-12 เดือน
- รุ่น Classic Plus – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-9 เดือน
- รุ่น Contour – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Revolax
- รุ่น Fine – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
- รุ่น Deep – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
- รุ่น SUB-Q – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Teoxane
- รุ่น RHA 1 – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12 เดือน
- รุ่น RHA 2 –ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
- รุ่น RHA 3 – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
- รุ่น ULTRA DEEP – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
- รุ่น REDENSITY 1 – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 3 เดือน
- รุ่น REDENSITY 2 – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 12 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Mesofiller
- รุ่น Intense – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 9-12 เดือน
- รุ่น Global – ราคา cc ละ 13,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 9-12 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler
- รุ่น Fine – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-8 เดือน
- รุ่น Medium – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 8-16 เดือน
- รุ่น Hard – ราคา cc ละ 9,900 บาท* ผลลัพธ์อยู่ได้ 16-24 เดือน
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งใช้กี่ cc
การฉีดฟิลเลอร์สามารถทำได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า โดยแต่ละตำแหน่งแพทย์ก็จะประเมินปริมาณ cc แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น สภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข อายุ รวมไปถึงยี่ห้อที่เลือกใช้ ทำให้ฟิลเลอร์มีราคาไม่เท่ากัน ซึ่งแพทย์จะต้องประเมินตามหลักกายวิภาคศาสตร์ให้เหมาะสมกับแต่ละคน
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้น 1-2 cc
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เริ่มต้น 1-2 cc
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เริ่มต้น 1-2 cc หรือบางเคสต้องการเพิ่มความโหนกนูนแพทย์จะเลือกใช้ 3 cc ขึ้นไปในปริมาณที่เหมาะสมกับใบหน้า
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เริ่มต้น 1 cc
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เริ่มต้น 1-2 cc แต่สำหรับคนที่มีอายุเยอะและมีปัญหาร่องแก้มลึกแพทย์จะประเมินอยู่ที่ราว ๆ 3-4 cc
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เริ่มต้น 1-2 cc แต่บางเคสที่มีระดับความลึกค่อนข้างเยอะจะอยู่ที่ 3-4 cc
- ฉีดฟิลเลอร์คาง เริ่มต้น 1 cc แต่เคสไหนที่มีปัญหาคางตัด คางสั้นแพทย์จะประเมินที่ 2 cc ขึ้นไป
หลังฉีดฟิลเลอร์ กี่วันถึงจะเห็นผล
หลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่ในช่วง 3-7 วันสารเติมเต็มจะยังไม่เข้าที่มากนัก รวมไปถึงอาจมีรอยบวมหรือแดงเกิดขึ้นได้เล็กน้อย แต่หลังจากฉีดไปแล้ว 2 สัปดาห์สารเติมเต็มก็จะเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
หากฉีดฟิลเลอร์ในราคาถูกจะเป็นอันตรายไหม ควรเลือกอย่างไรดี
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักมองหาคลินิกที่ฉีดฟิลเลอร์ในราคาถูก หรือมีการซื้อฟิลเลอร์มาเองจากช่องทางออนไลน์เพราะให้ราคาที่ดีกว่าคลินิก ซึ่งการฉีดในราคาที่ถูกกว่าคลินิกความงามทั่วไปอาจเป็นไปได้ว่าสารเติมเต็มที่ฉีดไปไม่ได้มาตรฐาน เป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มีส่วนประกอบของ HA Filler ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และไม่ได้มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ทำให้ฉีดเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้ ระคายเคือง เป็นก้อนบวม อักเสบ ติดเชื้อ อาจหนักถึงขั้นทำให้เซลล์ผิวหนังตายหรือตาบอดได้
ดังนั้นควรพิจารณาฟิลเลอร์ในราคาที่เป็นมาตรฐานกับคลินิกทั่วไป เช่น หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ปาก เราควรเข้าไปสอบถามหลาย ๆ คลินิกว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากราคาเท่าไหร่ มียี่ห้อไหนบ้าง หรือมีบริการฉีดปาก 1 cc ราคาเท่าไหร่ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ไม่ควรฉีดในราคาที่ถูกจนเกินไป เพราะการฉีดฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกอาจเกิดอันตรายตามมาได้
ข้อควรพิจารณาเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
ใครที่กำลังมีความลังเลว่าควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีที่ฉีดแล้วปลอดภัย ได้มาตรฐาน มีการใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และไม่ตกเป็นเหยื่อหมอกระเป๋า ซึ่งเราสามารถเลือกได้จากปัจจัยเหล่านี้
- คลินิกได้มาตรฐาน – มีใบรับรองอนุญาตประกอบกิจการแปะไว้หน้าคลินิกที่ผู้เข้ารับบริการสามารถมองเห็นได้ง่าย
- แพทย์มีประสบการณ์ในการรักษา – มีใบประกอบวิชาชีพ หรือมีรายชื่อในหน้าเว็บไซต์ของแพทยสภา และแพทย์ต้องมีทั้งทักษะ ประสบการณ์ในการรักษาให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละคน
- เช็กกล่องฟิลเลอร์ได้ – คลินิกที่ให้บริการอย่างโปร่งใสจะต้องอธิบายข้อมูลการเช็กบริการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานว่ามีจุดเช็กตรงไหน มีการแกะกล่องใหม่ต่อหน้าคนไข้ และให้นำกล่องกลับบ้านได้
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ – รีวิวที่น่าเชื่อถือไม่ใช่แค่รีวิวที่มาจากช่องทางของคลินิกเพียงเท่านั้น แต่ต้องเป็นรีวิวที่มาจากหลายแพลตฟอร์มของผู้เคยใช้บริการ
- มีการติดตามผลหลังทำ – ทุกเคสจะต้องมีการติดตามว่าหลังฉีดไปแล้วมีปัญหาหรือไม่ สารเติมเต็มเข้าที่หรือยัง พร้อมให้แนะนำอย่างใกล้ชิด มีช่องทางติดต่อที่ชัดเจน
- มีฟิลเลอร์ที่ราคาตามมาตรฐาน – ไม่มีการจัดโปรโมชั่นลดราคาถูกจนเกินไป หรือมีราคาฟิลเลอร์ที่สมเหตุสมผล
การฉีดฟิลเลอร์ ราคาพิเศษที่ Doctor Mek Clinic มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง
สรุป การฉีดฟิลเลอร์ราคาขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ปัญหาที่เกิดขึ้น ผลลัพธ์ที่อยากได้ และยี่ห้อหรือรุ่นที่เลือกใช้ รวมไปถึงเทคนิคการฉีดของแพทย์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ค่าบริการในแต่ละเคสไม่เท่านั้น หากต้องการฉีดฟิลเลอร์แนะนำให้เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีราคาตามมาตรฐานคลินิกอื่น ๆ ไม่ถูกจนเกินไป เพราะสารเติมเต็มที่มีราคาถูกอาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเถื่อนได้ นอกจากราคาแล้วควรเช็กด้วยว่าแพทย์มีความชำนาญ มีทักษะหรือมีประสบการณ์ในการฉีดสารเติมเต็มมากน้อยแค่ไหน เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ ไม่เกิดอันตรายตามมาภายหลัง
Doctor Mek Clinic เป็นคลินิกเสริมความงามที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ ที่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่เข้ากับใบหน้าของแต่ละคนมาพร้อมกับการดูแลให้ปลอดภัย ภายใต้แพทย์ที่มีองค์ความรู้และทักษะในการเติมเต็มใบหน้า แก้ไขปัญหาตามหลักกายวิภาคศาสตร์ พร้อมใช้เทคนิค Triple Layer Lift ร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มที่ได้มาตรฐาน สามารถกลับกล่องกลับไปตรวจสอบได้ทุกเคส นอกจากนี้แล้วยังมีการจัดโปรฟิลเลอร์ ร่วมกับหัตถการความงามอื่น ๆ สามารถเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือให้แพทย์ช่วยประเมินใบหน้าได้ฟรีค่ะ
อ้างอิง
Liu, K. (2020, January 7). Dermal fillers: The good, the bad and the dangerous. Health. harvard. https://www.health.harvard.edu/blog/dermal-fillers-the-good-the-bad-and-the-dangerous-201907152561
The Dangers of Getting Cheap Fillers. (2024, April 2). Culturamed. https://culturamed.com/blog/the-dangers-of-getting-cheap-fillers/