การทำเมโสแฟต (Meso Fat) ถือเป็นนวัตกรรมยุคใหม่ที่ใครหลายคนกำลังให้ความสนใจ ใครจะไปคิดว่า “อยากตื่นมาแล้วสวยเลย” จะได้ใช้ในชีวิตจริงไม่ใช่ความฝัน อยากเพรียวตรงไหนก็ฉีดตรงนั้น เรียกว่าเสกได้เสก ปั้นได้ปั้น สวยทันตา ผลลัพธ์ทันใจ แต่แน่นอนว่าสรรพคุณเว่อร์วังขนาดนี้ ใครหลายคนย่อมมีคำถามว่าเป็นการโฆษณาเกินจริงหรือเปล่า จะไม่มีผลเสียจริงเหรอ แล้ววิธีนี้เหมาะกับทุกคนจริงไหม เราเลยต้องขออธิบายก่อนว่าการฉีดเมโสแฟตใช่ว่าจะมีข้อดีเพียงอย่างเดียว ผลข้างเคียง ข้อจำกัด หรืออาการแพ้เมโสแฟตมันก็มี ใช่ว่าใครอยากทำก็ทำได้ แต่ถ้าถามว่าอันตรายไหม อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเมโสแฟตที่เราฉีดเข้าไปได้มาตรฐานหรือเปล่า คลินิกที่ใช้บริการน่าเชื่อถือไหม รวมถึงแพทย์ที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาและทำการรักษาก็จำเป็นต้องเป็นแพทย์เฉพาะด้านเท่านั้น
ลักษณะการฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน
การฉีดเมโสแฟตเป็นการฉีดตัวยาเฉพาะเข้าไปในชั้นไขมันเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน โดยตัวยานั้นจะช่วยทำลายเซลล์ไขมันให้แตกตัวออก และขับออกจากร่างกายในรูปแบบของของเสียอย่างเหงื่อ ปัสสาวะ หรืออุจจาระ ตัวยาที่ใช้ก็เป็นสารสกัดธรรมชาติจำพวกกรดอะมิโน เกลือแร่ หรือสารสกัดที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ทั้งนี้ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าสารที่เป็นอันตรายก็มี อย่างเช่น ตัวยาของปลอมหรือยาที่ไม่ได้มาตรฐานจาก อย. นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องรู้จักเลือก บ่อยครั้งที่เรามักเห็นโปรโมชันเสริมความงามหลากราคาผ่านตา ถูกบ้าง แพงบ้าง เลยอยากจะขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าเห็นแก่ของถูกเพียงอย่างเดียว เพราะมันไม่คุ้มกันหรอกหากผลลัพธ์ที่ได้จะกลายเป็นเสียมากกว่าสวย แถมยังต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลามาคอยแก้ไขปัญหาภายหลังอีก
ผลข้างเคียงและอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
ส่วนใหญ่อาการแพ้เมโสแฟตจะมีโอกาสเกิดได้ยาก เพราะแพทย์ผู้ดูแลจะประเมินก่อนการรักษาอยู่แล้วว่าสภาพร่างกายของเราสามารถฉีดได้ไหม ฉีดไปแล้วมีผลข้างเคียงหรือเปล่า แต่อาการแพ้ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ที่แพ้สารบางชนิดในตัวยา ทำให้เกิดการติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด ผิวหนังมีอาการบวมช้ำ และอาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นโรคชั้นไขมันอักเสบได้ ดังนั้นในขั้นตอนการซักประวัติจึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องตอบข้อมูลตามความจริง เคยแพ้ยาตัวไหน เคยแพ้สารอะไรบอกให้หมด ส่วนรอยฟกช้ำเล็กน้อยหรืออาการบวมในจุดที่ฉีดถือเป็นอาการปกติ เพราะมันเป็นอาการบวมจากปริมาณยาที่ฉีดเข้าไป ไหนจะไขมันที่เกิดการแตกตัวหลังฉีดเพื่อรอร่างกายระบายออกอีก ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เอง โดยยาจะซึมและยุบภายใน 3-4 ชั่วโมง ส่วนไขมันที่สลายก็จะค่อย ๆ ขับออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ อาศัยตัวช่วยอย่างการดื่มน้ำเยอะ ๆ หลังฉีดก็สามารถช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้เร็วขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายเบา ๆ อย่างการเดินเร็วหรือโยคะ สักสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30-60 นาทีก็ช่วยได้เช่นกัน นอกจากนี้หากจุดที่ฉีดมีการรักษาความสะอาดไม่มากพอ ก็อาจเกิดอาการผิวหนังติดเชื้อได้ รวมถึงมีโอกาสเกิดรอยแผลจากการฉีด นี่จึงเป็นเหตุผลที่การทำเมโสแฟตต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น
ส่วนใหญ่กลุ่มคนที่แพทย์จะประเมินว่าไม่ควรฉีดเมโสแฟตจะเป็นคนที่อายุไม่ถึง 20 ปี, สตรีมีครรภ์, ผู้ป่วยโรคเลือด, และผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคที่ต้องใช้ยาหลายขนาน นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นคนที่เคยมีประวัติแพ้ยาหรือแพ้สารบางตัว ตอนซักประวัติจึงต้องอย่าลืมตอบให้ครบถ้วน เพื่อที่คุณหมอจะได้ทำการประเมินได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
การฉีดเมโสแฟต แม้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้น้อย แต่ก็ใช่ว่าเราจะชะล่าใจได้ ดังนั้นก่อนเข้ารับบริการจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อน ไม่บิดเบือนข้อมูลในขั้นตอนการซักประวัติ และที่สำคัญคือการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตสถานประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการรักษาความสะอาด ใช้อุปกรณ์รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ พนักงานก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจ สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้เข้าใช้บริการได้ มีการติดตามผลหลังเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้แพทย์ผู้ทำการรักษาก็ต้องเป็นแพทย์เฉพาะด้าน มีประสบการณ์มากพอในการประเมินปัญหา วิเคราะห์แผนการรักษา รวมถึงวิเคราะห์การวางตำแหน่งยาได้อย่างแม่นยำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยอย่างที่สุด อะไรเซฟได้ก็ควรเซฟ จำไว้ว่าตัวเรามีแค่คนเดียวในโลก ดังนั้นก็ต้องดูแลเป็นอย่างดีหน่อย จริงไหมคะ