ประเภทของผิว การดูแลรักษาและปัญหาที่หลายคนมองข้าม

ประเภทของผิว การดูแลรักษาและปัญหาที่หลายคนมองข้าม

นอกจากโครงหน้าที่ได้รูป สมส่วน อีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ ผิวพรรณ เพราะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์ น่าดึงดูด ทำให้คนอยากพูดคุยเข้าหามากขึ้น ทั้งยังเสริมความมั่นใจให้กับเราได้อีกด้วย หากผิวมีปัญหาก็จะทำให้ผิวดูโทรม หมองคล้ำ หน้าไม่มีออร่า ซึ่งผิวของเรามีด้วยกันหลายแบบ ทั้งยังมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพผิวของแต่ละคนด้วยค่ะ เอาล่ะไปรู้จักสภาพผิวแต่ละแบบกันก่อนดีกว่าค่ะ แล้วลองเช็กผิวของเราตามไปด้วยนะคะว่าเป็นผิวแบบไหนกันบ้าง

สภาพผิวแต่ละประเภท และปัญหาที่มักพบได้บ่อย

สภาพผิวแต่ละประเภท และปัญหาที่มักพบได้บ่อย

ผิวของเรานั้นมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละรายบุคคล เพราะผิวมีความแตกต่างกันออกไป โดยแต่ละสภาพผิวก็มีปัญหาเฉพาะที่ไม่เหมือนกันด้วยค่ะ การดูแลก็มีความแตกต่างกัน จึงต้องดูแลให้เหมาะสมและถูกต้อง เพื่อให้ผิวได้รับประโยชน์มากที่สุด เพราะถ้าหากละเลยไป บอกได้เลยค่ะว่าแย่แน่นอน ทั้งริ้วรอย จุดด่างดำ หน้าโทรม ไม่สดใส ผิวไม่เรียบเนียน เป็นของแถมเลยล่ะค่ะ ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของผิวได้ดังนี้

Normal Skin – ผิวธรรมดา

เป็นสภาพของผิวที่ไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่งหรือก็คือผิวสมดุล ไม่แห้งเกินไป ไม่มันเกินไป โดยภาพรวมจะต้องมีความมันและความชุ่มชื้นที่พอดีกัน ผิวนุ่มลื่น เรียบเนียน รูขุมขนเล็ก ผิวมีความชมพูระเรื่อ ไม่หมองคล้ำ ไม่มีสิว และเลือดไหลเวียนดี เรียกได้ว่าเป็นผิวสุขภาพดีเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าหากไม่ดูแลให้ดีก็มีโอกาสเสี่ยงที่สภาพผิวจะเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วยเช่นกันค่ะ

การดูแลผิวธรรมดา

สิ่งที่ควรทำของคนผิวธรรมดานั่นก็คือ การรักษาความสมดุลของผิว โดยเฉพาะความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงสภาพของผิวให้สุขภาพดีไปได้ตลอด และอย่าลืมที่จะทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาค่าความสมดุลของผิวให้บาลานซ์ด้วยนะคะ รวมถึงปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยการทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกนอกบ้าน

Dry Skin – ผิวแห้ง

เป็นผิวที่มีความมันน้อยกว่าผิวธรรมดา การรักษาน้ำในผิวได้ไม่ดี ผิวจึงขาดความชุ่มชื่น โดยมีโอกาสที่จะแห้งมากขึ้นสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งผิวจะรู้สึกแน่น หยาบกร้าน มีความหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยบนผิวได้ง่ายและเห็นได้ชัดเจน มีตั้งแต่ระดับความแห้งน้อยไปจนถึงแห้งมาก ผิวเกิดความด้าน ผิวแตก ลอกเป็นขุย เกิดอาการคัน ผิวเกิดริ้วรอย ไม่เรียบเนียน ผิวไม่สม่ำเสมอตามมา

การดูแลผิวแห้ง

สิ่งที่สำคัญคือ การเติมมอยส์เจอไรเซอร์ให้กับผิวด้วยคุณสมบัติที่สามารถเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ จึงทำให้ผิวเกิดการสมดุลและอิ่มน้ำมากขึ้น เมื่อเกิดอาการผิวลอกสิ่งที่ไม่ควรทำคือ การแคะ แกะ หรือเกา จะทำให้ผิวเกิดแผลขึ้นมาได้ค่ะ

Oily Skin - ผิวมัน

ลักษณะของผิวที่ผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ผิวเยิ้มมีความมันเงา ผิวมีความหนา เห็นรูขุมขนใหญ่ชัดเจน โดยมีโอกาสที่จะเกิดสิวหลายประเภทขึ้นได้ง่าย มีตั้งแต่ปัญหาน้อยไปจนถึงปัญหาหนัก โดยสิ่งที่มีผลต่อคนผิวมันได้มากคือ กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ความเครียด เป็นต้น ผิวก็จะยิ่งหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำบนผิวได้ง่าย

การดูแลผิวมัน

สำหรับคนที่ผิวมัน การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวควรเลือกที่เป็นประเภทเนื้อบางเบา ซึมลงผิวง่าย อย่างพวก เซรั่ม หรือโลชั่น ก็ถือว่าเหมาะมากกว่าพวกที่เนื้อเข้มข้นแบบครีมค่ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยคือ การล้างหน้าให้สะอาดทุกวัน เพราะน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อโรคและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี เป็นต้นเหตุของสิว และควาหมองคล้ำบนใบหน้า

Combination Skin - ผิวผสม

มีสภาพผิวที่มากกว่าหนึ่งประเภทอยู่บนผิวหน้าเรา โดยสามารถเห็นความแตกต่างในบริเวณแก้มและ T-zone ได้อย่างชัดเจน เช่น ส่วนที่มีความมันเกิดการผลิตน้ำมันที่มากเกินพอดี ผิวจึงมีความมันบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง มีรูขุมขนที่ใหญ่ ส่วนบริเวณแก้มมีความแห้ง เกิดจากขาดของน้ำมันบนผิว ผิวเกิดความไม่สมดุลขึ้น เป็นต้น

การดูแลผิวผสม

เป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละจุดของผิวหน้าเรา หรือเลือกสูตรที่เหมาะกับผิวผสม เพราะหากเราเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลยอาจจะทำให้ผิวไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เช่น หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้ง จะทำให้ในบริเวณที่เป็นผิวมันเกิดอาการมันหนักขึ้นไปอีก ตามมาด้วยปัญหาสิวอุดตัน หน้ามันเยิ้มกว่าที่เป็น

Sensitive Skin – ผิวแพ้ง่าย

เป็นผิวที่ค่อนข้างบอบบาง ไวต่อสิ่งกระตุ้นได้ง่าย เช่น การสัมผัสกับฝุ่น, สารต่าง ๆ ที่ผสมในครีมบำรุง เป็นต้น จึงมักเกิดความระคายเคือง อักเสบ เป็นผื่นแดงคัน ผิวลอก เพราะเกราะที่ปกป้องผิวอ่อนแอ จึงรับมือกับปัญหาที่เข้ามากระทบได้น้อยลง

การดูแลผิวแพ้ง่าย

อาจจะค่อนข้างยุ่งยากและละเอียดอ่อนพอสมควรค่ะ เพราะผิวของเราไวต่อสารเคมีและสิ่งกระตุ้นได้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ รวมถึงเลือกสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย เน้นไปที่การช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง เป็นการเพิ่มเกราะป้องกันให้กับผิวได้อีกทางหนึ่งค่ะ

บอกได้เลยว่าถ้าหากไม่ดูแลให้ดีหรือดูแลได้ไม่ตรงกับความต้องการของผิว จะยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามหนักขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะทั้งเรื่องของรูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ หน้าหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย รวมถึงจุดด่างดำต่าง ๆ ขึ้นมาบนใบหน้า แต่หากเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมาแล้วไม่ต้องกลัวค่ะ เพราะเรามีวิธีดี ๆ มาแนะนำนั่นก็คือ พิโคเลเซอร์ นวัตกรรมเลเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถช่วยดูแลผิวของคุณได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยี picosecond ส่งพลังงานตรงเข้าจัดการปัญหาผิวได้มากถึง 1 / ล้านล้านวินาที ได้อย่างแม่นยำและตรงจุด มาพร้อมกับความยาวคลื่น 755 nm ความยาวคลื่นที่ดีที่สุด ดีกว่าความยาวคลื่น 1064 nm มากถึง 3 เท่า ใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อยกว่าเครื่องเลเซอร์รุ่นเก่า นอกจากนั้นที่ Doctor Mek Clinic ยังเลือกใช้หัวเลนส์พิเศษ Focus Lens Array ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก เพื่อให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจริง เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทำให้เกิดแผล ไม่ตกสะเก็ด ทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เส้นใยแน่นขึ้น ผิวจึงเรียบเนียน เต่งตึงกระชับ ผิวละเอียด กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น พร้อมเผยผิวสวยได้อย่างมั่นใจ หน้าใส ไม่ต้องโบ๊ะกันเลยค่ะ