Botox

หากคุณต้องการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน โบท็อก (Botox) เป็นหนึ่งในบริการที่ฉีดเพื่อลดริ้วรอยได้อย่างปลอดภัย หากได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญ โดยคุณหมอที่มีประสบการณ์ในการ ฉีดโบท็อก จะเข้าใจจุดที่มีความสำคัญบริเวณต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง ทำให้สามารถแก้ไขข้อบกพร่องในบริเวณที่ต้องการอย่างได้ผล เห็นได้จากรีวิวคนไข้หลังการฉีด นอกจากนี้เรายังมีข้อเสนอโปรโมชั่นดี ๆ อีกมากมาย

การฉีดโบท๊อกซ์ คือ หนึ่งในนวัตกรรมที่มีการพัฒนามาเพื่อทำให้คุณสาว ๆ กลับมาดูดีอีกครั้ง เช่น การนำมาใช้เพื่อการลดริ้วรอยโดยคุณสมบัติพิเศษของสารชนิดนี้ทางการแพทย์นำมาใช้รักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง หรือคลายกล้ามเนื้อในจุดที่ต้องการรักษา ซึ่งการฉีดจะไม่เป็นอันตรายหากอยู่ภายใต้การดูแลโดยคุณหมอที่มีความชำนาญ เพราะตัวยาเป็นการสกัดจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่มาจากแบคทีเรีย จึงจำเป็นต้องได้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อการวิเคราะห์อย่างแม่นยำและใช้ปริมาณในการฉีดที่เหมาะสม จึงจะสามารถป้องกันปัญหาการเกิดผลข้างเคียงจากกรณีที่ได้รับการฉีดในจำนวนยูนิตที่มากเกินไป

เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

โบท็อก คืออะไร

โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือ โบท็อก คือ โปรตีนบริสุทธิ์ซึ่งสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) มีคุณสมบัติพิเศษช่วยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทั้งนี้มักถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์เพื่อรักษาอาการไมเกรน ตาเข และหนังตากระตุก รวมถึงอาการผิดปกติต่าง ๆ ของร่างกาย แต่สำหรับในแวดวงเสริมความงามนั้น มักนิยมนำมาใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยและยกกระชับผิวในบริเวณต่าง ๆ

ในความเป็นจริงมีอยู่ทั้งหมด 7 ชนิด ตั้งแต่ชนิด A ไปจนถึงชนิด G ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป แต่ชนิดที่ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์นั้นมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันนั่นคือ โบท็อกซ์ชนิดเอ (Botulinum Toxin type A) โดยส่วนใหญ่ใช้ในแวดวงเสริมความงามเพื่อลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า โดยเฉพาะรอยย่นต่าง ๆ บนใบหน้า รอยย่นที่หางตา รอยย่นระหว่างคิ้ว ฯลฯ ส่วนชนิดบี (Botulinum Toxin type B) มักจะออกฤทธิ์เร็ว ตัวยากระจายเป็นวงกว้าง จึงไม่ค่อยนิยมนำมาใช้ ทั้งนี้ Botulinum Toxin ที่ผ่านอย. ไทยนั้น ก็มีเพียงแค่ชนิด A เท่านั้นค่ะ

การฉีดโบท็อกเพื่อเสริมความงาม ลดริ้วรอย

สำหรับหัตถการโบท็อกซ์ริ้วรอยนั้น สามารถช่วยลดริ้วรอยผิวหนังที่หย่อนคล้อยบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าได้ เช่น รอยตีนกา ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยบนใบหน้า รวมไปถึงช่วยลดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังบริเวณอื่น ๆ โดยเมื่อทำการฉีดโบท็อก ลดริ้วรอยเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการ จะช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจากที่เคยหดตัวเกิดการคลายตัวขึ้นมา ส่งผลทำให้ริ้วรอยและรอยย่นแลดูเรียบเนียนขึ้น ซึ่งสามารถฉีด botox ริ้วรอยได้ตามตำแหน่งดังต่อไปนี้

โบท็อกกราม

แก้ปัญหากล้ามเนื้อใหญ่ให้นิ่มตัวและเล็กลงอย่างได้ผล

โบท็อกจมูก

ปรับรูปทรงให้แลดูสมส่วนเพื่อรับเข้ากับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

โบท็อกหน้าเรียว

เติมความมั่นใจให้ใบหน้าปรับรูปทรงให้วีเชฟสวยทันใจ

โบท็อกใต้ตา

ลดรอยคล้ำหรือรอยตีนกาให้คุณฉีกยิ้มเต็มที่ได้อย่างมั่นใจ

โบท็อกรักแร้

ลดกลไกในการผลิตเหงื่อแก้ปัญหากลิ่นตัวได้ผลหมดห่วงกับใต้วงแขน

โบท็อกหน้าผาก

ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นตรงจุดปรับให้มีความโหนกนูนสวยสไตล์เกาหลี

โบท็อกน่อง

ลดการทำงานกล้ามเนื้อทำให้กลับนิ่มและเล็กลงแก้ปัญหาอย่างตรงจุด

โบท็อกโหนกแก้ม

ลดขนาดกล้ามเนื้อเล็กลงใบหน้าสวยสมส่วน ไม่ดุหน้าแลดูไม่โทรม

โบท็อกยกคิ้ว

เสริมโหวงเฮ้ง ความมั่นใจช่วยปรับระดับความสูง แลดูเฉี่ยวคม มีเสน่ห์

โบท็อกรูขุมขน

ช่วยปรับกระชับให้เล็กลง ผิวหน้าแลดูเนียนเรียบ อวบอิ่ม ดูดีได้ทันใจ

ตำแหน่งในการฉีดที่ฮิตมากที่สุด

การฉีด botox สามารถทำได้หลายตำแหน่ง แต่ตำแหน่งที่นิยมทำกันมากที่สุดมีด้วยกันทั้งหมด 6 ตำแหน่งดังนี้

  1. กราม : ช่วยลดกราม ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กมากขึ้น
  2. รอยตีนกา : ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตา
  3. รอยย่นหน้าผาก : ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นตามแนว ซึ่งเป็นจุดที่เด่นชัดที่สุดบนใบหน้า
  4. รอยย่นระหว่างคิ้ว : ช่วยลดรอยพับระหว่างหัวคิ้ว
  5. ริ้วรอยใต้ตา : ช่วยลดเส้นริ้วรอยบริเวณใต้ตา
  6. ผิวหน้าหย่อนคล้อย : ทำให้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อย แลดูยกกระชับมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างการฉีดเพื่อความงาม

  1. การฉีดยกมุมปาก
    เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากคว่ำ มองแล้วดูเหมือนหน้าบึ้งหน้างออยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้การแก้ไขรูปปากด้วยการฉีดจะช่วยให้มุมปากที่โค้งลงมานั้นยกตัวขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าจากที่เคยดูเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นดูสดใสขึ้น
  2. การฉีดแก้ปัญหาหน้ามัน
    นอกจากจะปรับเปลี่ยนรูปหน้าและยกผิวให้กระชับได้แล้ว ยังมีคุณสมบัติลดการทำงานของต่อมเหงื่อ และต่อมน้ำมันให้ทำงานน้อยลงได้ด้วยค่ะ จึงส่งผลให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าเรียบเนียน รวมถึงความมันบนใบหน้าก็ลดลง จึงทำให้รูขุมขนมีความกระชับ ผิวแลดูเรียบเนียน และยังสามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าลงได้อีกด้วย
  3. การฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว
    เหมาะกับคนที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติโดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และเท้า ซึ่งก่อให้เกิดปัญหากลิ่นตัวตามมา แต่ในปัจจุบันได้มีวิธีที่สามารถลดเหงื่อแล้วได้ผลดี โดยการฉีดจะออกฤทธิ์ไปยับยั้งเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ผลิตต่อมเหงื่อให้ทำงานลดลง ส่งผลให้บริเวณที่ฉีดมีเหงื่อน้อยลง
  4. การฉีดลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่
    เอาใจคนยุคโรคออฟฟิศซินโดรมครองเมืองกันสักหน่อย หลาย ๆ คนอาจไม่รู้ว่าสารชนิดนี้สามารถระงับอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า และไหล่ ซึ่งเป็นจุดที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อแทบจะตลอดเวลา ทั้งนี้หากรักษาด้วยการฉีดก็ทำให้อาการปวดเมื่อยในบริเวณที่ฉีดนั้นลดลง และรู้สึกสบายตัวขึ้นในทันที

กระบวนการทำงาน

การทำงานของโบท็อกเกาหลี หลังจากฉีดเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการ โดยจะออกฤทธิ์เข้าไปจับส่วนปลายของเซลล์ประสาท เพื่อยับยั้งการหลั่งสารที่เรียกว่า อะซิติลโคลีน (Acetylcholine) เพื่อไม่ให้สารดังกล่าวนี้หลั่งออกมาที่กล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวหรือทำให้กล้ามเนื้ออยู่ในภาวะอัมพาตชั่วคราว จึงทำให้ผิวแลดูเรียบเนียน ไร้ริ้วรอย

Before & After Botox

ภาพก่อนทำการฉีดโบ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบริเวณรอบดวงตาเกิดริ้วรอยขึ้นเมื่อยิ้ม จึงทำให้แลดูมีอายุ และภาพหลังทำการฉีดโบท็อก รีวิวจากคนไข้จริงที่มีความไว้วางใจเลือกใช้บริการกับทางคลินิกเรา โดยพบว่าแม้จะทำการยิ้มเหมือนเดิม แต่ริ้วรอยต่าง ๆ บริเวณรอบดวงตาแทบมองไม่เห็น จึงทำให้แลดูหน้าเด็กอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

ก่อนและหลังการทำโบท็อกซ์หน้าผาก
ก่อนและหลังการทำโบท็อกช่วงระหว่างคิ้ว
ก่อนและหลังการทำโบท็อกระหว่างคิ้ว
ก่อนและหลังการทำโบท็อกขาเรียว

รีวิวการฉีดโบท็อกจากคนไข้จริง

นี้เป็นภาพส่วนหนึ่งของรีวิว โบท็อก คนไข้จริงที่เลือกเข้ารับบริการกับทางคลินิกของเราแล้วเกิดความประทับใจ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ต่างชื่นชอบในผลลัพธ์หลังทำกันเป็นอย่างมาก

รีวิวความประทับใจหลังฉีดโบท็อก ตึงแล้วค่ะ
รีวิวความประทับใจของการทำโบท็อก ไม่มีรอยช้ำ
รีวิวความประทับใจหลังฉีดโบท็อก
รีวิวความประทับใจหลังฉีดโบท็อก แม่ปลื้มมาก Botox หมอเริ่ดค่ะ

ฉีดโบท็อก ราคาเท่าไหร่

สำหรับหัตถการโบท็อก ราคาของการฉีดในแต่ละครั้งจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งในการฉีดโบท็อก ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณและยี่ห้อที่แพทย์เลือกใช้ รวมถึงบริเวณที่คนไข้ต้องการฉีดด้วย ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินการฉีด botox ราคาให้กับคนไข้ตามรายบุคคล

Botox ยอดนิยมในไทยมีกี่ยี่ห้อ

ท่านใดที่มีความกังวลใจว่าควรเลือกโบท็อก ยี่ห้อไหนดี โดยส่วนมากที่แพทย์เลือกใช้มีทั้งของอเมริกา อังกฤษ และเกาหลี ซึ่งแต่ละสัญชาตินั้น มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป รวมถึงเรื่องของคุณภาพและราคา ทั้งนี้เราจึงได้รวบรวม botox ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นยี่ห้อยอดฮิตมาทั้งหมด 7 ยี่ห้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. Botox Allergan (Botulinum toxin อเมริกา)
    เป็นบริษัทเจ้าแรกที่ผลิตสารโบท็อกซ์ขึ้นมา และนับว่าเป็นยี่ห้อที่คนนิยมเลือกฉีดกันมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นแบรนด์ Original แล้ว ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด อีกทั้งมีโอกาสที่จะเกิดการดื้อโบท็อกซ์น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ

    • คุณสมบัติ / ลักษณะ : ยากระจายตัวเป็นวงเล็กและมีอายุนานถึง 8 เดือน *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
  1. Dysport (Botulinum toxin อังกฤษ)
    เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและเห็นผลรวดเร็ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลิฟติ้งหน้าหรือยกกระชับผิวแบบเร่งด่วนด้วยเทคนิค Dermolift อีกทั้งยังเหมาะกับการฉีดเพื่อลดเหงื่อ ลดกล้ามเนื้อต้นแขน และลดน่อง

    • คุณสมบัติ / ลักษณะ : ยากระจายตัวเป็นวงกว้าง ไม่กระจุกตัว และมีอายุนานถึง 6 เดือน *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
  1. Xeomin (Botulinum toxin เยอรมัน)
    มีการพัฒนาโดยการนำคุณสมัติเด่นของ Allergan กับ Dysport มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ตัวยาไม่กระจุกตัวจนเกินไปและมีความบริสุทธิ์สูง จึงทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูสวยเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่ายี่ห้อนี้ช่วยลดโอกาสดื้อยาในระยะยาวอีกด้วย

    • คุณสมบัติ / ลักษณะ : ตัวยากระจายเป็นวงแคบเหมาะกับเคสที่ดื้อยา และมีอายุนานประมาณ 4-6 เดือน *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
  1. Nabota (Botulinum toxin เกาหลี)
    เป็นยี่ห้อที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% เหมาะกับการฉีดหน้าให้เรียวเล็กและลดริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงช่วยกระชับต้นแขนและน่องขาให้เรียวได้อีกด้วย ทั้งนี้ยังให้ผลการฉีดที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงหรือแข็งจนเกินไป รวมถึงยังลดโอกาสการดื้อยาได้ดีอีกด้วย

    • คุณสมบัติ / ลักษณะ : ตัวยากระจายเป็นวงแคบ และมีอายุนานประมาณ 6-8 เดือน *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
  1. Botulax (Botulinum toxin เกาหลี)
    เป็นยี่ห้อแบบสุญญากาศ เหมาะแก่การฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้เล็กลง เช่น ลดกราม ลดน่องขา เป็นต้น รวมถึงยังมีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยบนใบหน้า หางตา ระหว่างคิ้ว ทั้งนี้ยังมีราคาถูกกว่าของอเมริกาอีกด้วย

    • คุณสมบัติ / ลักษณะ : ตัวยากระจายเป็นวงกว้างกว่ายี่ห้อจากอเมริกา ซึ่งส่งผลให้ความแม่นในการฉีดมีน้อย รวมถึงระยะเวลาคงสภาพสั้นกว่า Nobota ( โบท็อกซ์จากเกาหลี ) โดยจะมีอายุเพียง 4-6 เดือน แต่จะออกฤทธิ์ไวกว่า Neuronox (เป็นยี่ห้อจากเกาหลีเหมือนกัน) *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
  1. Neuronox (Botulinum toxin เกาหลี)
    เป็นยี่ห้อที่มีความใกล้เคียงกับโบท็อกซ์ Allergan มากที่สุด รวมไปถึงผลลัพธ์ภายหลังการฉีดก็ไม่ต่างกันมากนัก แต่ข้อเสียคือ ออกฤทธิ์ไวและหมดฤทธิ์เร็ว ซึ่งมีราคาถูกกว่าโบท็อกซ์อเมริกาหลายเท่าตัว

    • คุณสมบัติ / ลักษณะ : ยากระจายตัวเป็นวงแคบให้ความแม่นยำในการฉีดเทียบเท่ากับโบท็อกซ์อเมริกา และมีอายุประมาณ 4-5 เดือน *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
  1. Aestox (Botulinum toxin เกาหลี)
    เป็นยี่ห้อสัญชาติเกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จุดเด่นอยู่ที่เน้นให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะแก่การฉีดเพื่อปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ รวมถึงยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย อีกทั้งยังลดโอกาสดื้อยาอีกด้วย

    • คุณสมบัติ / ลักษณะ : ยากระจายตัวเป็นวงแคบให้ความแม่นยำในการฉีดสูง และมีอายุประมาณ 3-6 เดือน *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง

ข้อแนะนำ ข้อปฏิบัติ และข้อควรระวังในการเข้ารับบริการ Botox

การฉีด botox เกาหลี เพื่อลดเลือนริ้วรอยด้วยโบท็อกถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยผู้เข้ารับบริการควรศึกษาข้อแนะนำในการปฏิบัติตนทั้งก่อนและหลังฉีด รวมถึงข้อควรระวังในการฉีด

ข้อแนะนำก่อนฉีด

  1. งดทานอาหารเสริมจำพวก Vitamin A, น้ำมันตับปลา, ยาต้านการอักเสบชนิด NSAIDs และแอสไพริน ซึ่งส่งผลให้เลือดไม่หยุดไหล รวมถึงอาจเกิดรอยฟกช้ำได้ ทั้งนี้แนะนำให้งดทานก่อนฉีดประมาณ 1 สัปดาห์
  2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
  3. หากมีโรคประจำตัวหรือเคยแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
  4. ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง, หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรงดเว้นการฉีด

ข้อปฏิบัติหลังฉีด

  1. การฉีดโบท็อก ข้อห้ามหลังฉีดภายใน 3 ชั่วโมง ไม่ควรประคบเย็น เพราะความเย็นจะทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ภายใน 4 ชั่วโมงหลังฉีดใหม่ ๆ ไม่ควรนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าระดับอก เพราะจะทำให้ตัวยากระจายไปผิดตำแหน่ง หากจำเป็นจะต้องนอน แนะนำให้นอนท่าศีรษะยกสูง
  3. ภายใน 2 วันหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการอบซาวน่า ทำเลเซอร์ ออกกำลังกายหนัก ตากแดด หรือการอยู่หน้าเตาเป็นเวลานาน เพราะความร้อนจะส่งผลให้สลายตัวเร็ว
  4. ภายใน 2 สัปดาห์หลังฉีด ไม่ควรบีบนวดในบริเวณที่ทำการฉีด เพราะอาจจะทำให้เกิดการกระจายไหลไปตามจุดต่าง ๆ ที่ไม่ได้ทำการฉีด อาจเป็นเหตุทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ เช่น หางคิ้วชี้ หรือผิวหน้าตึงผิดปกติ เป็นต้น
  5. ภายใน 14 วันหลังฉีด ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ อาหารรสจัด อาหารหมักดอง หรือแม้แต่การสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้รอยแผลจากเข็มหายช้ากว่าปกติได้
  6. ริ้วรอยจะกลับมาช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า หากมีการแสดงสีหน้ามากเกินไปก็จะกระตุ้นให้ริ้วรอยกลับมาเร็ว แต่ถ้าแสดงสีหน้าไม่ค่อยมากก็จะทำให้ริ้วรอยกลับมาช้านั่นเอง

ข้อควรระวังในการฉีด

  1. ระวังโบท็อกซ์ปลอม
    ปัจจุบันโบท็อกซ์ปลอมระบาดหนักพอกับ ๆ เชื้อไวรัสเลยทีเดียว อีกทั้งยังจับผิดได้ยากขึ้นทุกวันอีกด้วย เพราะของปลอมทำเลียนแบบของจริงได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว ดังนั้นถ้าไม่อยากโดนของปลอม แนะนำว่าให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ให้ดีเสียก่อน ซึ่งวิธีการตรวจสอบแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีวิธีแตกต่างกันไป โดยเบื้องต้นให้สังเกตว่าผ่านการรับรองจากอย.หรือไม่ หมดอายุหรือยัง สามารถตรวจสอบหมายเลข Lot กับทางบริษัทได้หรือเปล่า อีกทั้งเมื่อฉีดเสร็จแล้วแนะนำให้ขอกล่องและขวดผลิตภัณฑ์กลับบ้าน เผื่อในกรณีเกิดข้อผิดผลาดจะได้มีหลักฐานเก็บไว้
  2. ระวังโบท็อกซ์หิ้ว หรือจำหน่ายผ่านอินเตอร์เน็ต
    สำหรับของแท้ที่มีการขนส่งต่อกันหลายทอด ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศโดยหลีกเลี่ยงภาษีหรือการซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต โดยมีขั้นตอนการส่งตั้งแต่บริษัท > พ่อค้าแม่ขาย > คนไข้ > ผู้ที่ทำการฉีด ซึ่งกว่าจะถึงวันที่ฉีดก็อาจทำให้ยาเสื่อมคุณภาพได้ เนื่องจากจะต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำอยู่ตลอดเวลา แต่การซื้อขายในรูปแบบนี้จะไม่สามารถเก็บให้อยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำตลอดเวลาได้ จึงทำให้สามารถหมดอายุและหมดประสิทธิภาพลงได้ ดังนั้นหากจะถามถึงแนวทางการป้องกันนั่นก็คือ ควรเลือกใช้บริการจากสถานเสริมความงามจะดีที่สุด เนื่องจากสถานบริการเหล่านี้มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลโดยตรง ทั้งเรื่องความงามและความปลอดภัยในด้านของผลิตภัณฑ์นั่นเอง

โบท็อกปลอมเป็นอย่างไร

นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผิวพรรณและใบหน้าแลดูอ่อนโยน ซึ่งมีสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ การเลือกใช้บริการ โดยเฉพาะท่านที่ต้องการฉีดสารโบท็อกบนใบหน้า ควรทำการตรวจสอบก่อนเข้าใช้บริการ เนื่องจากปัจจุบันมีการนำ โบท็อก ปลอม มาให้บริการในหลายพื้นที่ จึงทำให้เกิดอันตรายและผลข้างเคียงตามมาไม่ว่าจะเป็นอาการปากเบี้ยว หนังตาตก หนังตาแข็ง ฉีดแล้วอยู่ได้ไม่นาน บางรายถึงขั้นเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ ดังนั้นก่อนเลือกใช้บริการควรเลือกสถานที่บริการที่มีความสะอาด และได้รับการรับรองความปลอดภัยทางการแพทย์ เพื่อให้คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่เราต้องลงทุน และให้ได้ความสวยที่จะอยู่กับเราต่อไปได้อย่างยาว ๆ

สารโบท็อกของแท้จะเป็นโปรตีนจากธรรมชาติ ซึ่งมีความบริสุทธิ์ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งยังเป็นสารที่สามารถสลายได้เองเมื่อถึงเวลาอันสมควร และถ้าได้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเข้าใจในสรีระบนใบหน้า รวมถึงมีประสบการณ์ในการฉีดมากพอ ก็จะทำให้ใช้ปริมาณในการฉีดที่น้อยแต่ได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม ซึ่งคุณสมบัติในสารที่เป็นของแท้จริง ๆ จะเป็นสารที่สกัดมาจากแบคทีเรียประเภท Clostridium Botulinum โดยมีคุณสมบัติออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปยับยั้งเซลล์ประสาท เพื่อไม่ให้มีการผลิตสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า acetylcholine ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมกล้ามเนื้อ ควบคุมการหดเกร็ง โดยคุณสมบัตินี่เองที่ทางการแพทย์ได้นำมาใช้ในการลดรอยเหี่ยวย่นตามบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า รวมถึงจุดต่าง ๆ ที่ต้องการรักษาเพื่อให้จุดที่ฉีดเข้าไปเกิดอาการตึงขึ้น

ผลิตภัณฑ์ปลอมมาจากที่ไหน

สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดของปลอมระบาด เนื่องจากบริการนี้ได้รับความนิยมในวงกว้าง ซึ่งยอมรับในผลการรักษาที่ทำได้ตามเป้า และยังสามารถช่วยให้การวางแผนรักษาเป็นไปตามการประมาณการของแพทย์ จึงทำให้เกิดความต้องการในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้กันเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันกลับมีผู้ผลิตสารชนิดนี้ที่ได้มาตรฐานทั่วโลกเพียงแค่ 7 บริษัทเท่านั้น ส่งผลทำให้การผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผู้ผลิตรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทในประเทศจีนและในบริเวณแถบเอเชียที่ได้รับใบอนุญาตในการผลิตสารโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งเป็นสารที่มีความบริสุทธิ์ต่ำ ทำออกมาเพื่อเน้นทดลองทางวิทยาศาสตร์ จนกลายเป็นช่องว่างทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ของปลอม ราคาถูก ออกมาจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ซึ่งของปลอมนี้ยังแอบแฝงอันตรายร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ไว้อย่างมากมาย

สำหรับสารโบทูลินั่มท็อกซินของปลอม จัดเป็นสารอันตรายร้ายแรง เพราะถ้าหากร่างกายของเรามีการสูดดมเข้าไปจะมีฤทธิ์ในการทำลายระบบประสาทอย่างรุนแรง ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต มีผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหัวใจเกิดการหยุดเต้นได้ และอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา ถึงแม้ว่าร่างกายจะรับเข้าไปในปริมาณเพียงแค่ 1 กรัมเท่านั้น ส่วนผู้ผลิตบางรายที่ทำการผลิตของปลอมออกมาในลักษณะเป็นน้ำใส ๆ คล้ายน้ำเปล่า บางผลิตภัณฑ์เป็นลักษณะน้ำเกลือหรือวิตามิน ที่ไม่มีการผสมสารโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งอาจจะไม่เป็นอันตรายแต่ผลที่ได้รับเมื่อฉีดเข้าไปแล้วไม่เห็นผลในการรักษา

อันตรายหลังฉีดโบท็อกปลอม

บริเวณใบหน้าของคนเราจะมีเส้นประสาทและเส้นเลือดที่มีความสำคัญ ส่งผลต่ออวัยวะส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่บนใบหน้า เพราะฉะนั้นหากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหา ขอแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเลือกแหล่งให้บริการที่ใช้ของปลอม ก็จะส่งผลเสียต่อตัวคุณโดยตรง ซึ่งในตอนนี้เทคโนโลยีทางด้านการผลิตยังไม่มีเทคโนโลยีไหนที่สามารถเลียนแบบสินค้าของแท้ได้ เนื่องจากตัวยาชนิดนี้มีความละเอียดอ่อน ถ้าฉีดเข้าไปแล้วจะเกิดการกระจายตัวไปตามจุดต่าง ๆ บริเวณร่างกายของเรา ซึ่งอาจมีผลกระทบโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น

  1. ฉีดแล้วโดนกล้ามเนื้อมัดที่ส่งผลต่อการแสดงสีหน้า ทำให้การขยับหน้าเพื่อแสดงออกอาการสีหน้า ขยับคิ้ว ขยับมุมปากไม่ได้
  2. บางรายฉีดแล้วมีอาการปากเบี้ยว
  3. บางรายฉีดแล้วมีการกระจายไปโดนกล้ามเนื้อบริเวณหลอดอาหาร ส่งผลทำให้การกลืนอาหารเป็นไปด้วยความยากลำบาก
  4. บางรายฉีดแล้วเกิดการกระจายไปบริเวณหลอดลม อาจจะทำให้หายใจไม่สะดวก จนหายใจไม่ออก มีโอกาสทำให้อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
  5. ในบางรายมีผลข้างเคียง คือ เกิดภาวะดื้อยา

เมื่อมีการฉีดสารโบท็อกซ์ซึ่งตามปกติจะสามารถคงอยู่ได้นาน แต่ถ้าเกิดอาการดื้อยาอาจจะลดลงเหลือเพียงแค่ 3 เดือน จนกระทั่งร่างกายเกิดการต่อต้าน ทำให้การฉีดสารชนิดนี้จะไม่ได้ผลอีกต่อไป

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์

สำหรับอาการที่ร่างกายเกิดการต่อต้าน มีสาเหตุมาจากร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหรือสร้างแอนติบอดี้ เพื่อมาต่อต้านสารโบท็อกซ์ จนกระทั่งส่งผลทำให้เวลาที่ได้รับบริการหลังฉีดเข้าไปแล้ว ตัวยาจะถูกทำลายไปเกือบหมด ไม่ว่าเราจะทำการฉีดเข้าไปสักกี่ครั้งก็จะไม่ได้ผลอีกต่อไป

แนวทางการแก้ไขปัญหา

  1. สำหรับในกรณีที่เกิดความร้ายแรงมากที่สุด คุณจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะไม่มีหนทางรักษา
  2. ในกรณีที่เกิดจากการดื้อยาประเภท Accessories Protein อาจพอแก้ไขได้โดยวิธีการเปลี่ยนยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้
  3. สำหรับในกรณีที่เกิดจากร่างกายสร้างสารแอนติบอดี้ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ในการต่อต้านสารโบท็อกซ์ที่มีการฉีดเข้าไปในร่างกาย โดยปกติแล้วจะต้องรอประมาณ 10 ปี กว่าที่ภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติของร่างกาย จะหมดฤทธิ์ในการป้องกันสารโบท็อกซ์ ไปเอง
  4. สำหรับกรณีที่เกิดอาการดื้อในช่วงระยะแรก แต่ยังมีความจำเป็นในการฉีดก็สามารถใช้วิธีแก้ไขด้วยการเพิ่มปริมาณที่ต้องฉีดได้ โดยจะสามารถทำการเพิ่มในปริมาณไม่เกิน 3 เท่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าโดยปกติฉีดอยู่ที่ 50 ยูนิต แพทย์อาจจะต้องปรับเพิ่มเป็น 100 ถึง 200 ยูนิต โดยวิธีการแก้ไขลักษณะนี้จะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

จะเห็นได้ว่าปัญหาการใช้ของปลอม ส่งผลเสียในระยะยาวให้กับตัวคนไข้เองเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นถึงแม้จะเป็นการฉีดครั้งแรกและครั้งเดียว แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อไปในระยะยาวของคุณเองได้ ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน ดูแลควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงจะช่วยทำให้เราปลอดภัยจากปัญหาเหล่านี้ได้ แถมยังสามารถสวยได้อย่างมั่นใจอีกด้วย

วิธีเช็คความแตกต่างระหว่างโบท็อกแท้กับของปลอม

หากเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยปกติทางคุณหมอจะให้ลูกค้าตรวจสอบผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการยืนยันผลิตภัณฑ์เป็นของแท้ ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน โดยคุณสามารถตรวจสอบ Serial Number และข้อมูลได้อย่างละเอียด เมื่อทำการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย ทางคุณหมอจะทำการฉีดในขั้นตอนต่อไป ซึ่งข้อสังเกตที่สำคัญของ โบท็อก แท้ มีดังนี้

  1. ทุกกล่องจะมีการลงทะเบียนเลขกำกับที่กล่องยา เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ที่มีความปลอดภัย ผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก อย. ทั้งในและต่างประเทศ
  2. หากเป็นคลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน ก่อนเริ่มต้นให้บริการจะมีการนำกล่องผลิตภัณฑ์มาให้ลูกค้าตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ต่อหน้าเสมอ และให้ลูกค้ามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยังไม่เคยผ่านการใช้งาน เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่แกะกล่อง
  3. หลังจากทำการแกะผลิตภัณฑ์ออกมา แนะนำให้สังเกตบริเวณขวด รวมถึงฉลากของผลิตภัณฑ์ โดยจะต้องมีสีที่ปกติ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม

วิธีเลือกใช้บริการเพื่อหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ของปลอม 

  1. เลือกคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ รวมถึงเป็นสถานให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ
  2. แพทย์ผู้ให้บริการจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ พร้อมแสดงข้อมูลให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงจำนวนปีของการให้บริการ ยิ่งมีการดูแลในด้านนี้มานานแค่ไหน นั่นหมายถึงประสบการณ์ของคุณหมอที่เราสามารถมั่นใจได้
  3. คุณสามารถตรวจสอบที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ โดยปกติผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะมีแถบสีเงินขึ้นอยู่บริเวณข้างกล่อง เพื่อให้ทำการขูดเช็ค QR Code เป็นอีกหนึ่งความปลอดภัยที่ผู้ผลิตคิดค้นขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยตนเอง โดยคิวอาร์โค้ดนี้หลังทำการสแกนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะแสดงชื่อผลิตภัณฑ์รุ่นที่ได้รับการผลิต รวมถึงวันหมดอายุ และชื่อของบริษัทผู้นำเข้า
  4. เลือกสถานที่ให้บริการที่มีเครื่องมือทันสมัย เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ ช่วยทำให้การรักษาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะต้องมีความปลอดภัยและรวดเร็วในการให้บริการ
  5. พื้นที่โดยรอบคลินิกควรมีความสะอาด และมีทีมงานพนักงานที่มีความเป็นมืออาชีพคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และควรจะสามารถแนะนำข้อมูลต่าง ๆ ที่เราต้องการทราบได้ทันที

คำถามที่พบบ่อย

ฉีดโบท็อก อันตรายไหม

จากสถิติพบว่าคนไข้ทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนมากที่เคยได้รับสาร Botulinum toxin A ไม่มีใครเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยในส่วนของผลข้างเคียงจะพบเพียงเฉพาะจุด เช่น หนังตาตก หน้าไม่สมมาตรกัน กลืนอาหารลำบาก หรือมีเลือดออกในบริเวณที่ฉีด ทั้งนี้ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะคำนึงถึงกายวิภาคใบหน้าของคนไข้ตลอดจนปริมาณที่เหมาะสมต่อการใช้ยาค่ะ

ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำการฉีดในทุก ๆ ครั้ง ขอแนะนำให้คุณเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และควรเป็นแพทย์ที่มีใบรับรองที่ถูกต้อง รวมถึงตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีดจะต้องผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อความปลอดภัยในตัวคุณเอง

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

อีกหนึ่งคำถามยอดนิยมที่ใครหลาย ๆ คนมักสงสัยกันว่า โบท็อก อยู่ได้กี่เดือน สำหรับการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอยจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ซึ่งหากมีการฉีดไปยังบริเวณที่ไม่เหมาะสมหรือใช้ยูนิตในจำนวนที่เยอะเกินไป อาจส่งผลให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ เช่น คิ้วตก มุมปากเบี้ยว เป็นต้น

botox ฉีดบ่อยแค่ไหน

หลาย ๆ คนอาจตั้งคำถามว่าควรฉีด botox ฉีดบ่อยแค่ไหน ทุก ๆ กี่เดือน? หรือควรฉีดซ้ำอีกครั้งได้เมื่อไหร่? โดยปกติแล้วจะคงอยู่ได้นานประมาณ 4-8 เดือน (ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและยี่ห้อรวมถึงการดูแลตัวเอง) ซึ่งควรเว้นระยะห่างในการฉีดแต่ละครั้งอย่างน้อย 4-6 เดือน เพราะหากฉีดบ่อยเกินไปอาจทำให้มีโอกาสดื้อยาได้

การฉีดกี่วันเห็นผล

เชื่อว่าหลายท่านคงสงสัยและมีคำถามว่าการฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผล และหลังทำการฉีดแล้วทำไมถึงไม่เห็นผลในทันที ทั้งนี้ก็เพราะว่าร่างกายของคนเราต้องรอให้สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ชุดเดิมหลั่งสารออกมาให้หมดก่อน แล้วตัวยาที่ฉีดเข้าไปจึงจะเริ่มออกฤทธิ์ซึ่งจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและตำแหน่งที่ฉีด

ระยะเวลาการออกฤทธิ์ในแต่ละตำแหน่ง

  • บริเวณหน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, หางตา : ออกฤทธิ์ภายใน 3-7 วัน
  • กราม : ออกฤทธิ์ภายใน 1-2 สัปดาห์
  • กรอบหน้า เหนียง ลำคอ : ออกฤทธิ์ภายใน 1-2 สัปดาห์
  • น่องขา : ออกฤทธิ์ภายใน 4-6 สัปดาห์

ข้อควรพิจารณาในการเลือกฉีดที่ไหนดี

หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าควรเลือกฉีดโบท็อก ที่ไหนดี เนื่องจากในปัจจุบันมีเปิดให้บริการมากมาย สำหรับสถานที่หรือคลินิกที่เหมาะสมก็ควรเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด ทันสมัย มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และมีผลงาน โดยคลินิกของเราขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คุณสามารถทำการฉีดโบท็อกได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกขั้นตอน

  1. ก่อนฉีดแพทย์จะทำการวิเคราะห์รูปหน้ารายบุคคล
  2. มีการติดตามผลหลังทำทุกเคส
  3. เน้นการฉีดที่ให้ลุคแบบธรรมชาติ (Natural looks)
  4. ปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ โดยแพทย์จะเลือกใช้ชนิดที่เหมาะกับสภาพหน้าของคนไข้แต่ละคน
  5. ก่อนฉีดมีการสอนนวดคลึงให้ทุกเคส (ในกรณีที่ฉีดกรามแล้ว บริเวณที่ฉีดยังยุบลงไม่หมด)
  6. บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ภายหลังการฉีดที่ 3-4 สัปดาห์
  7. ก่อนฉีดคนไข้สามารถขอตรวจสอบ Serial Number ได้ทุกผลิตภัณฑ์เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทางคลินิกใช้ของแท้
  8. การันตีเห็นผลทุกเคส ไร้กังวลเรื่องยูนิตที่ใช้
  9. เน้นให้บริการที่เป็นกันเอง

หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยใด ๆ ในเรื่องคลินิกเสริมความงาม สามารถติดต่อกับทางคลินิก Doctor Mek ได้โดยแอด Line หรือส่งคำถามมาได้ที่ Facebook Messenger จากปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ