การฉีด Sculptra หนึ่งในนวัตกรรมด้านความงามกลุ่มปรับปรุงคุณภาพผิว ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดความงามทั่วโลก เพราะนี่คือ นวัตกรรม Collagen Biostimulator ตัวแรกและตัวเดียวของโลก ที่ผ่านการรับรองจาก US FDA และสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างล้ำลึกถึงชั้นโครงสร้าง กอบกู้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอยแห่งวัย ความเสื่อมสภาพจากการสูญเสียคอลลาเจนให้กลับมามีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องอย่างยาวนาน ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านมาล้วงลึกถึงข้อมูลของโปรแกรมสเคาต้าว่ามันคืออะไร? ดียังไง? เหมาะกับใคร? แตกต่างจากโปรแกรมกลุ่มงานผิวอื่น ๆ อย่างไร? ราคาเท่าไหร่? พร้อมรีวิวจากผู้มาใช้บริการจริง เพื่อให้ทุกท่านได้นำไปประกอบการตัดสินใจค่ะ
Sculptra คืออะไร
Sculptra คือ ผลิตภัณฑ์กลุ่มปรับปรุงคุณภาพผิวที่ผลิตขึ้นภายใต้บริษัท Galderma ประเทศอิตาลี โดยมีอนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid ที่หลายคนเรียกกันสั้น ๆ ว่า PLLA ซึ่งเป็นสารกำเนิดคอลลาเจนที่ผลิตขึ้นในรูปแบบการฉีดเข้าสู่ผิวหน้า มีคุณสมบัติพิเศษในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวกลับมาอ่อนวัยลงได้อีกครั้ง ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวตึงกระชับ มีความชุ่มชื้น พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิวได้ลึกถึงชั้นโครงสร้าง เผยผลลัพธ์ที่สุขภาพดีในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือ เป็นนวัตกรรม Collagen Biostimulator แรกและตัวเดียวของโลก ที่ได้ผ่านการรับรองด้านคุณภาพและมาตรฐานจาก US FDA
กระบวนการทำงานของ Sculptra
ผิวที่มีปัญหาหย่อนคล่อยและเกิดริ้วรอย
ฉีด Sculptra ลงใต้ชั้นผิว
ฉีดเข้าไปแล้วสาร PLLA จะทำงานผ่านระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา โดยดึงเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกัน (Macrophages) ซึ่งมันจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ที่ทำหน้าที่ช่วยสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว โดยจากงานวิจัยของการฉีด Sculptra พบว่าสามารถสร้างคอลลาเจนได้มากถึง 66.5% ทำให้ผิวในบริเวณที่ฉีดมีความตึงกระชับ ดูอิ่มฟู และยาช่วยปรับโครงสร้างชั้นผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นจากภายในสู่ภายนอก และเมื่อระยะเวลาผ่านไป PLLA จะค่อย ๆ สลายหายไปจนหมดโดยไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ไว้ในร่างกาย เหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่ร่างกายเราได้สร้างไว้ขึ้นมาแทน นี่จึงเป็นหัตถการที่ทำให้ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้นได้ในระยะยาว
คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอีกครั้ง
คอลลาเจนมีความสำคัญกับร่างกายของเราอย่างไร
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมร่างกายของเราถึงต้องการคอลลาเจน นั่นเป็นเพราะว่าคอลลาเจนคือปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวของเราแน่นกระชับ ดูอิ่มฟู เรียบเนียนไร้ริ้วรอย หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นตัวการชั้นดีที่ทำให้ผิวของเรามีสุขภาพที่ดีนั่นเองค่ะ ซึ่งเมื่อร่างกายเราขาดสิ่งนี้ไปทำให้ผิวพรรณดูหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง มีริ้วรอยแห่งวัยเข้ามาก่อกวน ปัญหานี้ส่วนมากมักจะพบในกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 25-30 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงวัยที่คอลลาเจนเริ่มผลิตน้อยลงเรื่อย ๆ เฉลี่ยปีละ 1-2% และเมื่อเข้าสู่วัย 40 ปี ร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนออกมาได้แค่ 20% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก จึงเป็นเหตุผลที่ว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มักจะมีการเสริมสร้างคอลลาเจนร่วมอยู่ด้วย และทราบกันไหมคะว่า ในร่างกายของเรามีคอลลาเจนมากมายหลายชนิดเลยทีเดียว แต่คอลลาเจนที่สำคัญและพบได้มากที่สุดก็คือ
ชนิดที่ 1 Collagen Type I : เป็นคอลลาเจนที่พบได้มากที่สุดถึง 90% ในร่างกาย เป็นโครงสร้างให้กับบริเวณผิวหนัง หลอดเลือด กระดูก และกล้ามเนื้อ ทำให้มีความแข็งแรงและเหนียวแน่น คงรูปร่างได้ดี ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียน
ชนิดที่ 2 Collagen Type II : เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าคอลลาเจนชนิดที่ 1 พบมากในบริเวณกระดูกอ่อน อย่างเช่น กระดูกซี่โครง กระดูกใบหู และมีหน้าที่รองรับน้ำหนักพร้อมให้ความแข็งแรงกับข้อตามบริเวณต่าง ๆ ช่วยให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวสะดวกมากยิ่งขึ้น
ชนิดที่ 3 Collagen Type III : มักพบได้ในบริเวณผิวหนัง กล้ามเนื้อ หลอดเลือดในผิวเด็ก ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่พบได้น้อยและทำงานร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1
ชนิดที่ 4 Collagen Type IV : คอลลาเจนชนิดนี้ มีความเฉพาะตัวและพบได้ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ห่อหุ้มไขมันและกล้ามเนื้อตามบริเวณต่าง ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด พร้อมรักษาความสมบูรณ์ของผนังหลอดเลือดตามข้อต่อ
ชนิดที่ 5 Collagen Type V : คอลลาเจนชนิดนี้ ก็สามารถพบได้เช่นเดียวกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 มีองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ โดยมักพบในบริเวณเส้นผม ผิวของเซลล์หรือเนื้อเยื่อของทารกในระหว่างการตั้งครรภ์ จะมีหน้าที่เรียงเซลล์ผิวให้เป็นระบบระเบียบ
Sculptra ช่วยอะไรบ้าง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้อย่างต่อเนื่อง
- ช่วยฟื้นฟูปรับคุณภาพผิวได้ลึกถึงโครงสร้างจากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรงสุขภาพดีในระยะยาว
- ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนวัย ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ผิวเรียบเนียน
- ช่วยเติมเต็มผิวให้ดูอิ่มฟู มีความยืดหยุ่นและแน่นกระชับ
- ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน
ใครควรฉีด Sculptra
- ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดคอลลาเจนจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น หรือผิวไม่กระชับ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่แน่น ขาดความอิ่มฟู หรือสูญเสียวอลลุ่มบนใบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือมีรอยย่นบนใบหน้า ทำให้หน้ามีอายุ
- ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ผิว ปรับคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิว หรือขาดการดูแลผิวเป็นเวลานาน
Sculptra แตกต่างจากโปรแกรมงานผิวอื่น ๆ อย่างไร
เทรนงานผิวในปัจจุบันกำลังมาแรง และมีหลายผลิตภัณฑ์มาให้ได้เลือกใช้ จนทำให้หลายท่านเกิดความสงสัยว่า ควรฉีดตัวไหนดีถึงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์ก็จะมีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ระยะเวลา รวมไปถึงกลไกการทำงานก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้น ในบทความนี้เลยจะยก 5 ผลิตภัณฑ์กลุ่มงานผิวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมาเปรียบเทียบ เพื่อให้ทุกท่านประกอบการตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
Sculptra before and after
Sculptra รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโปรแกรม Sculptra รีวิวจากผู้ที่เข้ามารับบริการที่ Doctor Mek Clinic ซึ่งหลาย ๆ คนให้ความรู้สึกประทับใจ และพึงพอใจต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังฉีด เพราะสุขภาพผิวดูดีและแข็งแรงขึ้นกว่าที่ผ่านมา อีกทั้งผิวที่เคยดูหมองคล้ำ กลับมาสดใสขึ้นเป็นธรรมชาติ
ฉีด Sculptra ราคาเท่าไหร่
ที่ Doctor Mek Clinic โปรแกรมฉีด Sculptra ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 29,000 บาท* ต่อขวด ซึ่งในแต่ละเคสอาจมีค่าบริการที่แตกต่างกันไป โดยแพทย์จะพิจารณาจากความหนัก-เบาของปัญหา รวมไปถึงอายุของคนไข้ เพื่อนำไปประกอบการวางแผนการรักษา และเลือกใช้ปริมาณที่เหมาะสมกับรายบุคคลค่ะ คนไข้สามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสอบถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้
เลือกฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
บริเวณที่เหมาะสมแก่การฉีด Sculptra ได้แก่ บริเวณขมับ กรอบหน้า หน้าแก้มหรือใต้โหนกแก้ม เพราะมันเป็นจุดที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา แต่ตำแหน่งที่แพทย์ไม่แนะนำให้ฉีด เพราะอาจก่อให้เกิดอันตราย ได้แก่ บริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบดวงตาหรือบริเวณแถว ๆ จมูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ใน T-Zone นั่นเองค่ะ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
- เตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับบริการ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการและคลินิกที่ใช้บริการอย่างละเอียด
- ในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ หลีกเลี่ยงการทำหัตถการหรือฉีดสารอื่น ๆ
- ในช่วง 2 สัปดาห์ แนะนำให้งดใช้ยาแก้ปวดหรือกลุ่มยาแอสไพริน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการฟกช้ำ
- ในช่วง 2 สัปดาห์ ควรงดการรับประทานกลุ่มวิตามินที่มีผลต่อการไหลเวียนเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นต้น
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1-3 วันก่อนเข้ารับบริการ
ขั้นตอนการทำหัตถการ
- ในขั้นตอนแรก แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวของคนไข้แต่ละเคส เพื่อวางแผนวิธีการรักษา พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาที่คนไข้กังวล
- เริ่มแปะยาชาตรงบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 45 นาที ซึ่งในขณะที่รอยาชาออกฤทธิ์แพทย์จะทำการเตรียมผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในรูปแบบ Active Form ด้วยการผสมตัวยาสเคาต้าเข้ากับ Sterile Water (น้ำกลั่นที่ปราศจากเชื้อ)
- หลังจากยาชาออกฤทธิ์และผสมตัวยาเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเริ่มทำการฉีดตัวยาเข้าไปที่ใต้ชั้นผิวในระดับที่เหมาะสม
- เมื่อฉีดเสร็จแล้ว จะมีการนวดหน้าเพื่อกระจายตัวยาทั่วทั้งใบหน้า ให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน
การดูแลหลังเข้ารับบริการ
- หลังฉีด 2-3 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าหรือแต่งหน้าได้ตามปกติ
- หลังฉีด 24 ชั่วโมง สามารถประคบเจลเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมช้ำ
- หลังฉีด 24 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการเผชิญกับความร้อนทุกรูปแบบ เช่น การเข้าซาวน่า การออกกำลังกายอย่างหนัก การออกแดดจัด
- หากต้องการทำหัตถการอื่น ๆ บริเวณใบหน้า แนะนำว่าให้เว้นช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์
- หลังฉีดแนะนำให้นวดโดยใช้หลักการ Triple 5 เพื่อให้ตัวยากระจายไปทั่วบริเวณใบหน้า ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
วิธีการนวดหน้าด้วยเทคนิค Triple 5 เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ
หลายคนเกิดข้อสงสัยว่า เรามีความจำเป็นต้องนวดไหม? บอกเลยว่าจำเป็นอย่างมาก หากต้องการให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะการนวดตามหลัก Triple 5 เป็นการกระตุ้นให้สาร PLLA กระจายตัวได้ดียิ่งขึ้นใต้ชั้นผิว แนะนำให้นวดครั้งละ 5 นาที จำนวน 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน ซึ่งหลักการนวดนี้ ก็มีทั้งหมด 4 Step ได้แก่
Step 1 : ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง นวดไปที่บริเวณขมับ โดยใช้กำปั้นค่อย ๆ นวดจากบริเวณหน้าผากเคลื่อนไปทางขมับ
Step 2 : ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาแนบกับแก้มทั้ง 2 ข้าง แล้วค่อย ๆ เคลื่อนจากหน้าแก้มไปบริเวณข้างแก้ม ออกแรงกดเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เคลื่อนที่อย่างช้า ๆ
Step 3 : ใช้อุ้งมือกดบริเวณข้างแก้มทั้ง 2 ข้าง จากนั้นค่อย ๆ นวดโดยไล่จากด้านล่างแก้มขึ้นไปบริเวณโหนกแก้ม ทำแบบนี้หลาย ๆ ครั้งเพื่อยกกระชับใบหน้า
Step 4 : ขั้นตอนสุดท้ายให้ทำมือแบบเดียวกับ Step 2 แล้วแนบไปที่บริเวณคาง จากนั้นเคลื่อนที่ไปตามแนวกราม
ข้อดีของการทำ Sculptra
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ตัวแรกของโลกที่ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกา (US FDA)
- ให้ความปลอดภัยสูงด้วยการรับรองคุณภาพมาตรฐานจาก อย.ไทย (TH FDA)
- ส่วนประกอบหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกายของเรา เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ตัวสารจะค่อย ๆ สลายตัวหายไปเองโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
- เป็นหัตถการที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen Type I ได้ถึง 66.5% ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen Type I ได้มากเท่าผลิตภัณฑ์นี้
- สามารถปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามกลไกการทำงานของร่างกาย จากภายในสู่ภายนอก
- ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานสูงถึง 2 ปี
ข้อควรระวังในการใช้บริการ
- หัตถการนี้ไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์ หรือคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาด้านผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ มีแผลเปิด หรือเป็นโรคผิวหนัง ควรรักษาให้หายดีก่อนเข้ารับบริการ หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลคีลอยด์ หรือเป็นแผลนูน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
- ผู้ที่มีประวัติเคยฉีดสารซิลิโคนบนใบหน้า ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย
หัตถการนี้อันตรายไหม
ไม่เป็นอันตรายค่ะ เพราะเป็น Collagen Biostimulator ตัวแรกและตัวเดียวของโลกที่ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกา (US FDA) ที่เป็นตัวการันตีได้เลยว่า ฉีดเข้าไปแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพผิว ไม่เป็นอันตราย และมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ไว้ในร่างกายด้วย อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามันจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย แต่การเลือกใช้บริการกับคลินิกเสริมความงามก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีด สามารถประเมิน วิเคราะห์ปัญหาแบบรายบุคคลได้อย่างชำนาญ พร้อมทั้งใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เป็นของแท้เท่านั้น
รีบเช็ก! 5 จุดสังเกต Sculptra ของแท้ดูยังไง
จุดที่ 1 : มีสติกเกอร์โมโนแกรมแปะอยู่บนกล่อง อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยการถูกเปิดออก
จุดที่ 2 : มีสัญลักษณ์ลายน้ำนูน ๆ เป็นรูปตัว S อยู่บนหน้ากล่อง
จุดที่ 3 : ภายในกล่องจะมีเอกสารกำกับยาที่เป็นภาษาไทย รวมไปถึงเลขทะเบียน อย.ติดอยู่ข้างกล่อง
จุดที่ 4 : มี QR code ที่สามารถสแกนตรวจสอบผลิตภัณฑ์แท้ ผ่านแอป eZTracker
จุดที่ 5 : ก่อนผสมยาสเคาต้าจะมีลักษณะเป็นผง ๆ ไม่มีของเหลว และต้องถูกบรรจุอยู่ในขวดแบบสูญญากาศ
เพื่อผลลัพธ์ที่มีคุณภาพควรฉีด Sculptra ที่ไหนดี
เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุด ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานตามข้อสังเกตเหล่านี้ค่ะ
- เลือกคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง สังเกตได้จากเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการ 11 หลัก ที่แสดงอยู่ด้านหน้าคลินิก และต้องมีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ ภายในควรมีความสะอาด มีกลิ่นหอม และถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ
- เลือกฉีดกับแพทย์โดยตรง ที่มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง สามารถนำรายชื่อแพทย์ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของแพทยสภาได้ นอกจากนี้ แพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการฉีด รู้หลักกายวิภาคศาสตร์เป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์ ประเมิน วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ ตรงจุดกับปัญหาที่เกิดขึ้นแบบรายบุคคล
- เลือกฉีดกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ ที่ไม่ใช่ของหิ้ว หรือนำเข้ามาไม่ถูกต้อง โดยวิธีการสังเกตของแท้นั้น มีทั้งหมด 5 จุด ที่ได้แนะนำไปข้างต้น สามารถขอนำกล่องจากคลินิกที่ใช้บริการไปตรวจสอบได้ค่ะ
- เลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีช่องทางติดต่อชัดเจน เป็นสิ่งสำคัญ หากทำไปแล้วเกิดปัญหา หรือต้องการคำแนะนำ คลินิกเหล่านั้นต้องมีช่องทางที่ให้ผู้เข้ารับบริการสามารถติดต่อสอบถามได้ง่าย
- เลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีรีวิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบรูปภาพ คลิป ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังทำหัตถการ
เราคือหนึ่งในคลินิกผู้นำเทรนด้านงานผิวกลุ่มแรก ๆ ของไทย
เรียกได้ว่า Doctor Mek Clinic เป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด้านงานผิวกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่รวบรวมนำเอาผลิตภัณฑ์เพื่องานผิวที่ได้รับความนิยมในระดับ Worldwide เข้ามาให้บริการ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหา และความต้องการของผู้มาใช้บริการไม่ว่าจะเป็นการฉีด Sculptra, Rejuran, Radiesse, Gouri, Aesthefill อื่น ๆ อีกมากมาย มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ภายใต้บริษัทที่นำเข้าผลิตภัณฑ์โดยตรง พร้อมให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้คนไข้ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุดมากที่สุด ทุกเคสจะได้รับการดูแลภายใต้มาตรฐานคุณหมอเมฆ พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าบรรดาเซเลบริตี้ชื่อดังแถวหน้าของเมืองไทย
Q&A คำถามที่พบบ่อย
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังใช้บริการ
หลังฉีดอาจมีอาการบวมแดงเกิดขึ้นเล็กน้อย ในตำแหน่งที่โดนเข็ม อาการเหล่านี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่เป็นอันตราย และจะหายไปได้เองใน 2-3 วัน หรือบางเคสหลังฉีดในช่วงแรกอาจคลำเจอก้อนเล็ก ๆ ใต้ชั้นผิว แนะนำให้นวดตาม Triple 5 หรือทำตามคำแนะนำของแพทย์ จากนั้น ก้อนดังกล่าวมันจะค่อย ๆ ยุบและหายไปเอง
ต้องฉีดกี่ขวดถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เยอะมาก แนะนำว่าให้ฉีดเพียงครั้งละ 1 ขวด ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งต้องเว้นระยะห่างประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้น ผลลัพธ์จะคงสภาพผิวอยู่ได้นานประมาณ 2 ปีเลยล่ะค่ะ แต่สำหรับใครที่มีปัญหาผิวค่อนข้างเยอะ หรือมีอายุ 30 ปีขึ้นไปแล้ว อยู่ในช่วงที่ร่างกายสูญเสียคอลลาเจน หรือมีคอลลาเจนที่ลดลง แนะนำให้ฉีดครั้งละ 2 ขวดค่ะ อย่างไรก็ตามแต่ละคนอาจใช้ปริมาณที่แตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดคือ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้านผิวหนัง เพื่อให้แพทย์ประเมินการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับสภาพผิวค่ะ
หลังฉีดแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
หลังจากฉีดแล้ว อาจจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้เลยทันทีค่ะ เนื่องจากสาร PLLA จะค่อย ๆ เข้าไปทำปฏิกิริยาใต้ชั้นผิวลึก และเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมปรับโครงสร้างผิวให้สุขภาพดีและแข็งแรง ซึ่งมันจะเริ่มเห็นผลได้อย่างชัดเจนประมาณ 2 สัปดาห์ และสามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี (*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
สามารถทำร่วมกับฟิลเลอร์ หรือโปรแกรมงานผิวอย่าง Skin Booster ได้ไหม
ในกรณีที่ฉีดคนละตำแหน่งกัน ก็สามารถทำร่วมกันได้เลยค่ะ แต่บางเคสแพทย์จะแนะนำฉีดครั้งละหัตถการ เพื่อให้ผิวได้รับตัวยาของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อย่างเต็มที่ เช่น รอบนี้ฉีดสเคาต้า ครั้งหน้าก็อาจจะกลับมาทำฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Skin Booster ตัวอื่น ๆ โดยเว้นระยะห่างประมาณ 2 สัปดาห์ไปจนถึง 1 เดือน ขึ้นอยู่กับรายบุคคล
สามารถทำร่วมกับการร้อยไหมได้ไหม
ไม่แนะนำให้ทำร่วมกับการร้อยไหมค่ะ เนื่องจากมันเป็นหัตถการที่ทำในบริเวณเดียวกัน อีกทั้งหลังฉีด Sculptra ต้องมีการนวดหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ด้วย ซึ่งการร้อยไหมจะต้องละเว้นการสัมผัสใบหน้า หรือการนวดหน้า แต่ถ้าหากว่าคนไข้ต้องการทำทั้ง 2 บริการนี้ ควรเว้นระยะห่างในการใช้บริการดังนี้
- ฉีดสเคาต้าก่อน : ควรเว้นระยะห่างไว้ประมาณ 1 เดือน แล้วค่อยทำร้อยไหม
- ร้อยไหมก่อน : ควรเว้นระยะห่างไว้ประมาณ 2 เดือน แล้วค่อยฉีด
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการใช้บริการของแต่ละท่านอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
สามารถทำร่วมกับโบท็อกได้ไหม
ไม่แนะนำให้ใช้บริการพร้อมกันค่ะ เพราะหัตถการนี้ มีความจำเป็นที่จะต้องนวดหน้าร่วมด้วยหลังฉีด แต่ในขณะเดียวกัน โบท็อกไม่สามารถนวดหน้าหรือสัมผัสใบหน้าแรง ๆ เพราะจะทำให้ตัวยากระจายไปในบริเวณอื่น ๆ ได้ ดังนั้น แพทย์จึงไม่แนะนำให้ทำหัตถการสองอย่างนี้ควบคู่กัน แต่สามารถฉีดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนได้ เช่น รอบนี้มาทำสเคาต้า เมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ก็สามารถมาฉีดโบท็อกต่อได้เลยค่ะ
สามารถทำพร้อมกับโปรแกรมเลเซอร์หรือโปรแกรมยกกระชับได้ไหม
ทำได้ค่ะ ในกรณีที่คนไข้ไม่สะดวกเข้ามารับบริการภายหลัง สามารถทำหัตถการยกกระชับผิวหน้าพร้อมฉีดหัตถการนี้ในวันนั้นได้เลยค่ะ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จะแนะนำให้ฉีดสเคาต้าก่อน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว หลังจากนั้น ค่อยกลับมาทำโปรแกรมยกกระชับอย่าง HIFU, Thermage, Ulthera หรือ PicoSure ซึ่งจะเว้นระยะห่างหลังฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ หากคนไข้ต้องการทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์และให้แพทย์ประเมินการรักษาให้ได้เลยค่ะ
สรุป
หากต้องการตัวช่วยในการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างอย่างแท้จริง ขอแนะนำฉีด Sculptra นวัตกรรมการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่ผ่านการรับรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา ให้เป็นคอลลาเจนตัวแรกของโลกที่ได้มาตรฐาน สามารถนำมาฉีดบริเวณใบหน้าได้อย่างปลอดภัย สามารถฟื้นฟู ยกกระชับ ปรับผิวให้เต่งตึงดูอ่อนเยาว์ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียด หรือเข้ารับการประเมินสภาพผิวหน้ากับทีมแพทย์ที่ Doctor Mek Clinic ได้เลยค่ะ