โบท็อกโหนกแก้ม

นวัตกรรมความงามที่มาพร้อมกับความปลอดภัย โดยจะช่วยทำให้โหนกแก้มบนใบหน้าที่ดูใหญ่ กลับมาดูเนียนตา ภายใต้บริการ โบท็อกโหนกแก้ม (Botox cheek) เพราะจุดนี้จะทำให้ใบหน้าดูแข็ง ดูดุดัน หน้าโหด แลดูไม่อ่อนหวาน ดูไม่เป็นมิตร ทั้ง ๆ ที่ส่วนตัวเป็นคนอ่อนโยน โดยปัญหานี้หลายท่านเกิดความกังวล แต่สามารถแก้ปัญหาได้โดยอาศัยนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยการ ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม ซึ่งทุกขั้นตอนดูแลโดยคุณหมอผู้มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คุณจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นของแท้ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย

พบกับบริการฉีดสารโบท็อกบนใบหน้าที่จะช่วยลดบริเวณโหนกแก้มของคุณให้ดูเล็กลง ซึ่งสามารถลดขนาดกล้ามเนื้อในจุดนี้ได้อย่างเห็นผล ดูแลทุกขั้นตอนด้วยความปลอดภัย และควบคุมโดยคุณหมอที่มีประสบการณ์ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ รวมถึงเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอ ช่วยให้เรามั่นใจได้หลังการฉีด อีกทั้งเป็นหนึ่งในบริการด้านหัตถการที่ช่วยให้คนไข้พักฟื้นได้เร็วโดยไม่จำเป็นต้องเข้าห้องผ่าตัด

โบท็อกโหนกแก้มคืออะไร

ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม คือ การฉีดสารโบท็อกเพื่อเข้าไปลดขนาดกล้ามเนื้อ (zygomaticus) ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ส่งผลทำให้บริเวณโหนกแก้มมีขนาดเล็กลงได้ แต่จะมองเห็นจุดนี้ขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลาที่คุณยิ้ม

โหนกแก้มถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งของใบหน้าที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน สำหรับใครที่มีปัญหาโหนกแก้มใหญ่ จนกระทั่งส่งผลให้ใบหน้าแลดูไม่สมส่วน ดูแข็ง ดูดุ เมื่อยิ้มแล้วเกิดความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ยิ่งในกรณีที่มีปัญหาแก้มตอบลดลงด้วยจะยิ่งทำให้มองเห็นได้ชัด และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าแลดูโทรม ซึ่งการลดขนาดโหนกแก้มลงจะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูมีมิติ หน้าเรียวยิ่งขึ้น ดูอ่อนกว่าวัยได้

สำหรับท่านที่สนใจทางเลือกนี้ ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการฉีดควรปรึกษาคุณหมอที่มีความชำนาญด้านการปรับรูปหน้าก่อน เพื่อให้คุณหมอทำการประเมินก่อนว่าโหนกที่ใหญ่นั้นเกิดจากอะไร เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก หรือไขมัน เพื่อแนะนำและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

การฉีดโบท็อกลดโหนกแก้มใหญ่ได้อย่างไร

อยาก “ลดโหนกแก้มใหญ่” ต้องทำยังไง.. ในวันนี้เราจะมาเพิ่มความเข้าใจในส่วนนี้กัน เพราะก่อนจะเข้ารับบริการทำหน้ากันจริง ๆ ลองกลับมาเช็คปัญหาดูก่อนว่า จุดที่ทำให้เราต้องเสียความมั่นใจเกิดที่ตำแหน่งใด

ตามหลักการวัดสัดส่วนบนใบหน้า

หลายคนคงรู้บ้างแล้วว่าการแบ่งสัดส่วนตามแนวยาว 5 ส่วน มีดังนี้

1. ข้างแก้มซ้ายถึงหางคิ้วซ้าย
2. หางคิ้วซ้ายถึงหัวคิ้วซ้าย
3. ปีกจมูกซ้ายถึงปีกจมูกขวา
4. หัวคิ้วขวาถึงหางคิ้วขวา
5. หางคิ้วขวาถึงข้างแก้มขวา

ซึ่งบริเวณตั้งแต่หางคิ้วไปจนถึงบริเวณข้างแก้ม (หรือแนวกรอบหน้า) คือ จุดที่กำหนดและบ่งบอกความกว้างของใบหน้าเรา แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีพื้นที่ของโหนกแก้มที่ไม่เหมือนกัน แต่จะเหมาะกับการลดโหนกแก้มรึเปล่านั้น ลองมาเช็คกันต่อเลย

Botox Cheeks Before & After

ภาพรีวิว โบท็อกโหนกแก้มก่อนได้รับการฉีด และภาพหลังทำการฉีด botox โหนกแก้มเสร็จแล้ว จากคนไข้จริงที่มีความไว้วางใจเลือกใช้บริการกับคลินิกของเรา โดยจะสังเกตเห็นขนาดของโหนกแก้มแลดูเล็กลง

รีวิวการฉีดโบท็อกเพื่อลดโหนกแก้มจากคนไข้จริง

ภาพส่วนหนึ่งของบริการฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม รีวิวจากคนไข้จริงที่เลือกทำหัตถการกับทางคลินิกของเรา โดยคนไข้ส่วนใหญ่ต่างพอใจในผลลัพธ์หลังทำ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฉีดโบลดโหนกแก้มแล้วทำให้โหนกแลดูเล็กลงได้

ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม ราคาเท่าไร

ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม ราคาค่าบริการจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำ เพราะปัญหาของคนไข้แต่ละท่าน การรักษาจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้วิเคราะห์อย่างละเอียดแบบ Case By Case สำหรับท่านที่สนใจสามารถปรึกษาอาจารย์แพทย์เพื่อทำการประเมินก่อนใช้บริการได้ค่ะ

เช็คลิสต์ก่อนเข้ารับบริการลดโหนกแก้มใหญ่

ลองหารูปหน้าตรงของตัวเองหรือจะเซลฟี่ขึ้นมาใหม่ 1 ภาพ แต่ขอแบบหน้าจริงไม่ผ่านแอป จากนั้นเรามาเริ่มแบ่งสัดส่วนใบหน้าออกมาเป็นข้างละ 3 ส่วน (ตามสัดส่วน) คือ

• ส่วนที่ 1 นับตั้งแต่บริเวณหัวตาถึงบริเวณกลางดวงตา
• ส่วนที่ 2 นับตั้งแต่บริเวณกลางดวงตาถึงบริเวณหางตา
• ส่วนที่ 3 นับตั้งแต่บริเวณหางตาถึงบริเวณโหนกแก้ม (ตำแหน่งที่ยื่นออกมากที่สุด)

เมื่อเช็คแล้วพบว่าส่วนที่ 3 แคบกว่า ส่วนที่ 2

กรณีที่เกิดขึ้นหมายความว่า บริเวณโหนกแก้มของคุณไม่ได้ใหญ่ แต่ตรงกันข้ามอาจมีขนาดที่เล็กกว่าหรือแคบเกินไปด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากคุณโอเคกับไซซ์ประมาณก็ไม่ต้องเก็บมาคิดให้วิตกเป็นปัญหา เพราะโดยรวมบนใบหน้าถือได้ว่าเป็นกรอบหน้าในฝันของใครหลาย ๆ คน แต่ก็มีข้อเสียของความแคบนี้อยู่บ้าง ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าของคุณดูหน้าตอบ ฝ่อ จนดูเหมือนไม่สดใสได้ โดยคุณสามารถทำการแก้ไขได้ด้วยการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ การฉีดไขมัน หรือการแก้ปัญหานี้ด้วยการผ่าตัดเสริมโหนกแก้ม

เมื่อเช็คแล้วพบว่าส่วนที่ 3 กว้างกว่า ส่วนที่ 2

กรณีที่เกิดขึ้นหมายความว่า บริเวณโหนกแก้มของคุณใหญ่จริง ซึ่งถ้าหากกว้างเกินส่วนที่ 2 ไปได้ไม่มาก ก็ยังถือว่าโหนกใหญ่ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ระดับปกติ แต่ถ้าหากวัดแล้วได้สัดส่วนที่ 3 กว้างกว่าส่วนที่ 2 เกือบเท่า แปลว่าโหนกแก้มใหญ่ที่แท้จริง ซึ่งวิธีในการแก้ไขก็ยังมีหลายระดับตามความเหมาะสมของใบหน้าแต่ละคน

การเลือกใช้สารโบท็อกซ์เพื่อลดโหนแก้มใหญ่ทำได้ แต่ข้อเสียอย่างเดียวนั้นคือ ไม่คงทนถาวร นอกนั้นปลอดภัยสบายใจได้ ซึ่งควรเป็นของแท้และได้รับการฉีดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริง ๆ ด้วยนะคะ แต่โบท็อกซ์ไม่ใช่ยาที่ต้องอาศัยแพทย์มากประสบการณ์ โดยสามารถขอคำปรึกษาฟรี พร้อมคำแนะนำวิธีแก้ปัญหาอย่างตรงจุด

เทคนิคการลดโหนกแก้มใหญ่ด้วยวิธีทางการแพทย์

สำหรับปัญหานี้อาจจะไม่สามารถใช้สารโบท็อกแก้ไขได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอาการใหญ่ที่เกิดจากกระดูก ซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัด โดยเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้ศัลยแพทย์ตกแต่งในโรงพยาบาลเท่านั้น

แต่ในกรณีที่ไม่อยากผ่าตัด แนะนำการฉีดสารฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาโหนกแก้มใหญ่ได้ โดยการเติมในบริการขมับ ใต้ตา และลดแก้มตอบ เพื่อให้เติมเต็มส่วนที่ลึกให้มีเนื้อขึ้นมา ก็จะช่วยทำให้ความสูงของโหนกแก้มดูลดลง ดูกลมกลืนรับกับกรอบหน้ามากขึ้น

บริการที่นี่…ดีกว่าอย่างไร

1. บริการที่นี่ดูแลทุกเคส และทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
2. มีการวิเคราะห์กายวิภาคใบหน้าของคนไข้ก่อนทำ
3. แพทย์มีความชำนาญจึงมือเบาและรวดเร็ว
4. ทางคลินิกมีการติดตามผลหลังทำ
5. ทางคลินิกใช้เคสรีวิวจากคนไข้จริง
6. พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาอย่างเป็นกันเอง

ข้อควรปฏิบัติและข้อควรระวังของการใช้บริการนี้

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีด

ผู้เข้ารับบริการฉีดโบโหนกแก้มควรแจ้งให้ทราบถึงกรณีที่เคยเข้ารับบริการอื่น ๆ มาก่อนหน้านี้ หรือได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกครั้งก่อน ๆ ดังนี้

1. การมีภาวะของเลือดหยุดยาก หรือมีการเขียวช้ำง่าย
2. การมีกำหนดการที่จะต้องผ่าตัดอื่น ๆ
3. การเคยได้รับการผ่าตัดที่ใบหน้ามาก่อน
4. การมีภาวะของหนังตาตกอยู่
5. หัตถการต่าง ๆ ที่ได้เคยทำบนใบหน้ามาก่อนนี้ เช่น โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เมโส เลเซอร์ต่าง ๆ
6. การอยู่ในภาวะของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งในปัจจุบันอาจยังไม่มีการศึกษายืนยันออกมาว่าสารโบท็อกเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่
7. การเป็นคุณแม่ที่ให้นมบุตร ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษายืนยันออกมาว่าสามารถผ่านไปทางน้ำนมได้หรือไม่

ข้อควรระวังที่ควรแจ้งแพทย์ เกี่ยวกับยาที่คนไข้ใช้อยู่ในปัจจุบัน

ยาที่คนไข้ใช้อยู่ในปัจจุบัน เมื่อได้รับพร้อมกับการทำโบท็อกแล้วเกิดอันตราย (Major side effect) ได้แก่

1. กลุ่มยาฆ่าเชื้อประเภทฉีดบางตัว ไม่ใช่เป็นเพราะเชื้อโบท็อกจะโดนทำลายอย่างที่เข้าใจกันผิด ๆ ตามความรู้ผิด ๆ ที่มีการเผยแพร่ในอินเตอเน็ต แต่ยาฆ่าเชื้อบางตัวก็สามารถเสริมฤทธิ์ให้กับโบท็อกแล้วเกิดเป็นอันตรายได้ ดังนั้นจึงห้ามใช้ร่วมกับการทำโบท็อก : amikacin, colistin, polymyxin E, gentamicin, kanamycin, neomycin, netilmicin, plazomicin, polymyxin B, spectinomycin, streptomycin, tobramycin.
2. กลุ่มยาประเภทคลายกล้ามเนื้อ atracurium, cisatracurium, doxacurium, metocurine, mivacurium, pancuronium, pipecuronium, rapacuronium, rocuronium, succinylcholine, tubocurarine, vecuronium.

สำหรับยาฆ่าเชื้อและยาประเภทคลายกล้ามเนื้อที่อยู่นอกเหนือรายการข้างต้นนี้ คุณสามารถใช้ร่วมกับการทำโบท็อกได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย

โดยกลุ่มยาที่ใช้ร่วมกับการทำโบท็อกแล้วอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงแบบปานกลาง ไม่ถึงกับอันตราย เช่น ตาพร่า ปากแห้ง รอยช้ำ (ซึ่งถ้าหากเกิดอาการรุนแรงก็สามารถขอเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อปรับชนิดยาที่ใช้ได้) ได้แก่ กลุ่มยาชนิดแก้แพ้ ยาแก้หวัด, กลุ่มยานอนหลับ, กลุ่มยาชนิดต้านเกล็ดเลือด และหลังจากทำการฉีดไปแล้วในระยะ 4 เดือน ถ้าจะรับยาอื่น ๆ เพิ่มเติม คุณควรต้องแจ้งแพทย์ที่จะจ่ายยาให้ทราบด้วยว่าเพิ่งทำการฉีดสารโบท็อกซ์มาค่ะ

คำถามที่พบบ่อย

ฉีดแล้วกี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน

เมื่อคุณหมอทำการวิเคราะห์แล้วว่าอาการส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อ หลังทำหัตถการ botox cheeks หรือการฉีดเพื่อลดโหนกแก้มก็จะเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยกล้ามเนื้อโหนกแก้มจะค่อย ๆ เกิดการนิ่มตัวลง เล็กลง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้แค่เพียงชั่วคราว และต้องกลับมาทำการฉีดซ้ำอีกทุก ๆ 3-6 เดือน

บทสรุปของการฉีดโบท็อกโหนกแก้มบนใบหน้า เป็นหนึ่งในวิธีการที่สามารถช่วยลดส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อได้ ซึ่งสิ่งสำคัญของการฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม คือ การปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินถึงปัญหาก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการนี้ ซึ่งคุณจะได้รับความปลอดภัย และผลลัพธ์ภายหลังทำการฉีดที่คุ้มค่าที่สุด

หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับ Botox สามารถแอด Line หรือส่งคำถามมาได้ที่ Facebook Messenger จากปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

บทความโดยแพทย์ Doctor Mek Clinic