Filler

ฟิลเลอร์ ( Filler ) คือ การฉีดสารเติมเต็มจำพวก Hyaluronic acid (HA) ที่สกัดจากธรรมชาติเพื่อยกกระชับให้หน้าเด็ก โดยเป็นสารที่ผ่านกรรมวิธีคัดแยกแบบพิเศษ ทำให้มีความปลอดภัยต่อผิว ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าการฉีดฟิลเลอร์ถือว่ามีความปลอดภัย และเป็นสารเพียงชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จึงไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบการแพ้ก่อนเข้ารับบริการ และโอกาสการเกิดการแพ้น้อยมาก ๆ ซึ่งในงานวิจัยพบว่าอาการแพ้ส่วนใหญ่นั้น คือ การแพ้ยาชา แต่กรณีที่คนไข้เคยฉีดยาชาตอนถอนฟัน หรือยาชาตอนทำแผลมาแล้ว หากไม่เกิดอาการแพ้ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เพราะเป็นยาชาชนิดเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม บริการนี้เป็นหนึ่งในการทำหัตถการที่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงซ่อนอยู่ ความปลอดภัยจึงขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ หากฉีดเข้าไปยังชั้นผิวหนังที่ตื้นเกินไป อาจจะทำให้เกิดปัญหาคางเสียรูปได้

เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

Filler คืออะไร

Filler คือ สารจำพวก Hyaluronic acid ซึ่ง Filler ถูกสกัดมาจากธรรมชาติโดยผ่านกรรมวิธีคัดแยกแบบพิเศษ จึงมีความปลอดภัยต่อผิวโดยไม่จำเป็นต้องทดสอบการแพ้ก่อนเข้ารับการฉีด และโอกาสของการแพ้ก็มีน้อยมาก นอกจากนี้ในการวิจัยยังพบว่าอาการแพ้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักเกิดจากการแพ้ยาชา ซึ่งถ้าคนไข้เคยฉีดยาตอนถอนฟันหรือเคยใช้ยาชาตอนทำแผลมาก่อนแล้ว และไม่เกิดอาการแพ้ใดใดก็ไม่มีปัญหา เพราะยาชาที่ใช้เป็นชนิดเดียวกัน แต่ทุกหัตถการที่ทำย่อมมีความเสี่ยง ความปลอดภัยในการฉีดจึงขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ หากทำการฉีดเข้าชั้นผิวหนังตื้นเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของการฉีดสารชนิดนี้เข้าไปในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า ควรเลือกรับบริการกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การเติมเต็มพร้อมทำการปรับรูปหน้า ช่วยยกกระชับใบหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์ได้อย่างปลอดภัย

ฉีดฟิลเลอร์ช่วยอะไร และฉีดตำแหน่งใดได้บ้าง

ฉีด Filler ในจุดต่าง ๆ ของใบหน้ากลายเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่มีความสำคัญ ช่วยทำให้ใบหน้ามีมิติจึงสามารถทำให้ใบหน้าแลดูละมุนมากขึ้น หน้าหวาน ดูหน้าเรียว ถ่ายรูปภาพแล้วออกมาดูดี หน้าแลดูคมชัด ในส่วนของคุณผู้ชาย การเติมฟิลเลอร์สามารถทำให้ดูคมเข้มมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับความต้องการคนไข้ และเทคนิคการฉีดของแพทย์

ฟิลเลอร์ใต้ตา

จัดการปัญหาผิวหมองคล้ำตรงจุดฟื้นฟูผิวให้เต่งตึงจากชั้นลึกเผยใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์

ฟิลเลอร์คาง

ปรับรูปทรงให้แลดูวีเชฟยิ่งขึ้น เพื่อให้รับเข้ากับใบหน้าไม่เบี้ยวหรือไม่สั้นไป

ฟิลเลอร์ปาก

ปรับรูปทรงสวยสไตล์เกาหลีเพิ่มความมั่นใจให้รอยยิ้มแลดูอวบอิ่มเป็นกระจับ

ฟิลเลอร์จมูก

ปรับรูปทรงให้แลดูโด่งเพิ่มยิ่งขึ้นจัดการความหนาได้อย่างเห็นผลช่วยเสริมบุคลิกความมั่นใจ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

อวดรอยยิ้มได้เต็มที่อย่างมั่นใจช่วยให้ปัญหาแลดูตื้นขึ้นเห็นผลอย่างชัดเจน

ฟิลเลอร์แก้มตอบ

แก้ปัญหาการยุบตัวได้อยู่มัด ปรับรูปหน้าให้ดูไม่โทรม คืนความสดใสอ่อนวัย

ฟิลเลอร์หน้าผาก

ช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้รับกับใบหน้า ลดปัญหาร่องลึกที่เคยกวนใจ ให้หน้าเนียนไร้รอยย่น

ฟิลเลอร์ขมับ

แก้ปัญหาการยุบตัวได้อย่างดี ปรับรูปทรงหน้าให้ดูเต็ม ลดอายุแลดูอ่อนวัย

ฟิลเลอร์กรอบหน้า

ปรับหน้าให้แลดูสวยสมส่วน ช่วยให้รูปหน้าดูคมชัด แลดูวีเชฟยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์มือ

ลดความแห้งกร้านและเหี่ยวย่น ให้ผิวแลดูเต่งตึง มีน้ำมีนวล คืนความเนียนนุ่มน่าสัมผัส

ฟิลเลอร์คอ

จัดการปัญหารอยเหี่ยวย่น รอยพับ รอยขีดเป็นเส้นลึกได้อยู่มัด คืนความเต่งตึงอวบอิ่ม

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

ปรับผิวขรุขระให้แลดูเรียบเนียนแก้ปัญหารอยลึกอย่างได้ผลอวดผิวสวยเนียนใสอย่างมั่นใจ

Before & After

ภาพรีวิวฟิลเลอร์จากคนไข้จริงก่อนและหลังเข้ารับบริการนี้ โดยจะเห็นได้ว่าก่อนเข้ารับบริการสามารถมองเห็นร่องลึกต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนทั้งบริเวณใต้ตา บริเวณข้างแก้ม และบริเวณข้างมุมปาก ซึ่งหลังจากเข้ารับบริการฉีดแล้ว ร่องลึกต่าง ๆ ที่เคยมีแลดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนกว่าวัย

ก่อนและหลังการทำฟิลเลอร์ขมับ
ก่อนและหลังการทำฟิลเลอร์คาง
ก่อนและหลังการทำฟิลเลอร์ยกมุมปาก
ก่อนและหลังการทำฟิลเลอร์มือ
ก่อนและหลังการทำฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ก่อนและหลังการทำฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก

รีวิวการฉีด Filler จากคนไข้จริง

ภาพรีวิวความประทับใจส่วนหนึ่งจากคนไข้จริงที่เข้ารับบริการนี้ รวมถึงงานแก้จากการฉีดของที่อื่นแล้วพบปัญหาต่าง ๆ ตามมา โดยต้องการให้แพทย์ของทางคลินิกเราซึ่งเป็นแพทย์ผู้สอนฉีดฟิลเลอร์ ช่วยทำการปรับแก้ไขให้ ผลปรากฎว่าเป็นที่ชื่นชอบและพอใจเป็นอย่างมาก

รีวิวความประทับใจหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าเด็ก
รีวิวความประทับใจการฉีดฟิลเลอร์ของเจ้าสาว
รีวิวความประทับใจของการทำฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า
รีวิวความประทับใจฟิลเลอร์ของดีราคาถูก
รีวิวความประทับใจของการฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรกไม่ผิดหวัง
รีวิวความประทับใจของการฉีดฟิลเลอร์เป็นครั้งแรก
รีวิวความประทับใจงานแก้ฟิลเลอร์
รีวิวความประทับใจงานแก้ฉีดฟิลเลอร์ที่อื่นแล้วเป็นก้อนบวม
รีวิวความประทับใจการทำฟิลเลอร์หลังฉีดไม่เขียว ไม่ช้ำ
รีวิวความประทับใจการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเตรียมเป็นเจ้าสาว
รีวิวความประทับใจฉีดฟิลเลอร์เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก
รีวิวความประทับใจการทำฟิลเลอร์กับที่นี่เห็นผลดีมาก
รีวิวความประทับใจของการทำฟิลเลอร์หน้าเด็ก

การให้บริการของที่นี่

  1. ให้บริการการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์ความชำนาญด้านผิวพรรณ ความงามมากกว่า 10 ปี
  2. ให้การดูแลทุกเคส โดย นพ.วัชพล หนึ่งในแพทย์ผู้สอนฉีดฟิลเลอร์ของประเทศไทย
  3. เป็นคลินิกความงามเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่มีแพทย์ผิวหนัง และสูตินารีแพทย์เฉพาะทางควบคุมดูแล
  4. รางวัลการันตีด้วยยอดฉีดสูงสุดอันดับ 1 ติดต่อกันหลายปีซ้อน และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
  5. ได้รับความเชื่อมั่นด้วยเสียงตอบรับจากคนไข้จริง และรีวิวจากผู้ใช้บริการอย่างล้นหลาม คนไข้สามารถไว้วางใจเข้ารับบริการได้
  6. เพื่อให้การดูแลสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด มีการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวก่อนทำการรักษา
  7. ด็อกเตอร์เมฆคลินิกเน้นความปลอดภัยของคนไข้เป็นสิ่งสำคัญ จึงเลือกใช้เครื่องมืออุปกรณ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้มีคุณภาพ และเพื่อให้เกิดความมั่นใจ คนไข้สามารถตรวจสอบได้ในทุกรายการ
  8. นำเข้าเทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งคัดสรรเครื่องที่มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารุ่นอื่น ๆ
  9. เลือกใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยอย่างถูกต้องทั้งจาก US FDA และ Thai FDA ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย
  10. ทุกปัญหาทางคุณหมอให้คำปรึกษาเอง พร้อมบุคลากรให้บริการอย่างมืออาชีพ ติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเอง บริการด้วยใจ
  11. ให้ความสำคัญในเรื่องความสะอาด เน้นความปลอดภัย ได้มาตรฐาน อยู่ใจกลางเมืองเดินทางง่าย มีที่จอดรถสะดวก

ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคพิเศษ

ในการฉีด Filler โดยอาจารย์หมอเมฆจะมีเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างจากคลินิกอื่น ๆ ดังนี้

  1. เบื้องต้นทางคุณหมอจะเป็นผู้ทำการประเมิน และวิเคราะห์ใบหน้าในจุดต่าง ๆ ของคนไข้เพิ่มเติม พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับชนิดและสัดส่วนของปริมาณสารเติมเต็มที่ต้องการใช้ โดยขั้นตอนนี้มักจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึง 30 นาที และขั้นตอนนี้ถ้าหากคนไข้มีอาการแพ้ยาชาควรแจ้งคุณหมอทันที
  2. คุณหมอจะทำการแปะยาชาเพื่อเป็นการป้องกันอาการช้ำหลังจากมีการฉีด โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
  3. เป็นขั้นตอนของการฉีดยาชาเพื่อเป็นการบล็อกเส้นประสาทบริเวณใบหน้า คล้ายกับการฉีดยาชาก่อนที่จะมีการถอนฟัน แต่ขั้นตอนนี้จะเป็นช่วงของการทำหัตถการให้คนไข้รู้สึกสบายมากที่สุด จะใช้เวลาประมาณ 5 -15 นาที
  4. หลังจากที่ยาชาออกฤทธิ์ ทางคุณหมอจะทำการฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่บริเวณใบหน้าตามจุดที่มีการวิเคราะห์ ซึ่งจะเป็นการฉีดเข้าบริเวณชั้นผิวในจุดที่ต่างกัน สำหรับขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณที่ใช้ฉีดในแต่ละครั้ง

ปัจจัยที่ส่งผลให้การฉีด Filler ได้ผลลัพธ์ที่ดี

ชนิดของสารเติมเต็มที่เลือกใช้

สารเติมเต็มชนิดนี้ที่นิยมใช้กันในเมืองไทยมีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ โดยในแต่ละยี่ห้อก็จะมีหลายรุ่นและหลายชนิดซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เช่น การที่จะทำคางให้สวยควรจะเลือกชนิดของสารเติมเต็มที่มีโมเลกุลเหมาะสม มีคุณสมบัติที่จะขึ้นทรงรูปหน้าได้สวย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการให้ โดยแพทย์ผู้ทำจะต้องเลือกชนิดของสารเติมเต็มให้เหมาะกับรูปหน้าของแต่ละเคส จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บางท่านฉีดออกมาแล้วคางเป็นก้อนกลม ๆ ไม่เป็นทรง ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าการเลือกคลินิกเข้ารับบริการที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำหัตถการ จึงถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก

เทคนิคการฉีดของแพทย์

เรื่องเทคนิคในการฉีดของแพทย์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งข้อที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ยกตัวอย่าง หากคนไข้ต้องการฉีดบริเวณคางเพื่อให้ออกมาดูสวย แพทย์จะไม่ได้ทำการฉีดในตำแหน่งตรงกลางเพียงจุดเดียวเท่านั้น แต่แพทย์จะต้องมีการใช้เทคนิคความชำนาญในการปรับทรงทั้งซ้าย-ขวาให้รับกับรูปจมูกและปากด้วย รวมถึงการฉีดออกมารูปทรงต้องสวยไม่งอน ไม่ดูเป็นทรงมะม่วงมากเกินไป หรือไม่ทำให้คางแหลมจนดูเหมือนเป็นแม่มด หรือแม้กระทั่งฉีดแล้วจะต้องออกมาไม่ดูเป็นก้อน ๆ กลม ๆ ที่บริเวณคางซึ่งจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาตินั้นเอง

ขนาดของโมเลกุล

  1. สารเติมเต็มที่มีโมเลกุลขนาดหนัก : ขนาดของโมเลกุลนี้จะสามารถคงอยู่ในชั้นผิวได้นาน และมีการกระจายตัวน้อย จึงทำให้มีโอกาสในการเคลื่อนที่ได้ยาก เหมาะสำหรับใช้ฉีดบนใบหน้าในบริเวณของผิวชั้นลึก ซึ่งจะทำให้มีประสิทธิภาพดี จึงได้รับความนิยมใช้เป็นฐานสำหรับการยกกระชับใบหน้า
  2. สารเติมเต็มที่มีโมเลกุลเบา : ขนาดของโมเลกุลนี้จะมีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการฉีดเข้าผิวหนังชั้นตื้น เพื่อให้ทำหน้าที่ในการยกกระชับใบหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์ และผิวพรรณที่แลดูเต่งตึงยิ่งขึ้น

นอกจากเทคนิคของการฉีด ยังขึ้นอยู่กับเทคนิคในการปั้นขึ้นทรงของแพทย์ผู้ดูแล เรียกได้ว่าการฉีดสารเติมเต็มมีความคล้ายกับงานศิลปะของแพทย์อย่างแท้จริง เพราะต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการออกแบบทรงให้รับเข้ากับใบหน้าของแต่บุคคลด้วย

ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรปฏิบัติของการเข้ารับบริการนี้

ข้อดี

  1. สารเติมเต็มของประเภทนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้อย่างครบครันทั้งบริเวณใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ตาโหลลึก และบริเวณถุงใต้ตา
  2. สารเติมเต็มประเภทนี้ไม่มี Downtime หรือหากมีก็น้อยมาก แต่ทั้งนี้ก็ควรทำการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถอุ่นใจในส่วนของความปลอดภัยได้มากกว่า
  3. การฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้ คุณแทบไม่ต้องทำการพักฟื้น
  4. การฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้จะใช้เวลาน้อยมาก โดยจะใช้เวลาในการฉีดประมาณ 15-30 นาทีเพียงเท่านั้น และให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดเสร็จ
  5. สารเติมเต็ม HA-Filler ประเภทนี้จะมีโมเลกุลหลายรูปแบบ จึงทำให้แพทย์ผู้เชียวชาญสามารถเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
  6. สารเติมเต็มชนิดนี้จะมีคุณสมบัติปลอดภัยมาก โดยเป็นสารชนิดเดียวกับที่ชั้นผิวของเรามีตามธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นจึงทำให้โอกาสในการแพ้มีน้อย คนที่เกิดอาการแพ้ส่วนใหญ่จึงมักเกิดจากการแพ้ยาชาในขั้นตอนของการฉีดมากกว่า แต่ถ้าคนไข้เคยฉีดยาชาเพื่อถอนฟันมาก่อนหน้านี้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ ก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจากเป็นยาชาชนิดเดียวกัน

ข้อเสีย

  1. สำหรับ HA-Filler ราคาต่อซีซี ค่อนข้างสูงกว่า FAT-Filler แต่บางเคสที่ฉีดไขมันไปแล้วมีกรณีสลายหายไปหมด ทำให้การเลือกสารเติมเต็ม HA มีความคุ้มค่ามากกว่า
  2. สำหรับบางท่านอาจมีอาการปวด บวม แต่อาการทั้งหมดเหล่านี้จะหายไปเองได้ภายใน 1 ถึง 2 วัน

ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีด

  1. ข้อปฏิบัติหลังฉีด filler ควรหลีกเลี่ยงความร้อนในรูปแบบต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น การโดนความร้อนที่เกิดจากไดร์เป่าผม การโดนความร้อนจากเตาปิ้งในขณะทานหมูกระทะ หรือการนั่งทานอาหารที่ส่งความร้อนอยู่ในบริเวณหน้า รวมไปถึงการอาบน้ำอุ่นด้วย
  2. หลังทำควรเลี่ยงการจับหรือการสัมผัสในจุดที่ผ่านการฉีดสารเติมเต็มด้วยการขัดถู เช่น การสครับผิวหรือนวดหน้า ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงกับจุดที่ทำการฉีดมานั้นเอง
  3. หลังจากที่เข้ารับการฉีด คุณไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อยเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  4. คุณควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เนื่องจากน้ำจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการทำให้สารเพิ่มเติมอิ่มเอิบและดูสวยขึ้นได้
  5. หากหลังฉีดเกิดอาการบวมหรือมีอาการเขียวช้ำ คุณสามารถทำการประคบเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการบวมได้ และคุณควรหลีกเลี่ยงการกด หรือการนวดในจุดที่ผ่านการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วันหลังทำ
  6. แนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายโดยการเคลื่อนไหวอย่างหนักในวันที่เข้ารับการรักษา เพื่อให้ร่างกายไม่เกิดการสูญเสียน้ำมาก ซึ่งจะมีผลต่อความชุ่มชื้นในบริเวณผิวหนัง และยิ่งถ้าเราเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงก็อาจทำให้มีผลกระทบต่อสารเติมเต็มบนใบหน้าที่ฉีดเข้าไปได้ แถมยังมีความเสี่ยงต่อโอกาสในการผิดรูปอีกด้วย
  7. หากมีอาการปวดบริเวณจุดที่ฉีดเล็กน้อย คุณสามารถรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลเพื่อช่วยผ่อนคลายอาการปวดได้
  8. คุณควรงดทำหัตถการอื่น ๆ รวมถึงการทำเลเซอร์เป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังฉีด นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกรูปแบบด้วย
  9. หากเกิดรอยเขียวช้ำในส่วนนี้ไม่ต้องเป็นกังวลไป เนื่องจากจะสามารถหายเองได้ในเวลา 5 ถึง 14 วัน
  10. หลีกเลี่ยงการนวดหน้าหรือการกดบริเวณผิวหน้าแรง ๆ โดยเฉพาะจุดที่ผ่านการฉีดมาแล้วเป็นเวลา 2 สัปดาห์

การฉีดสารเติมเต็ม Filler สำหรับปรับโหงวเฮ้ง

โหงวเฮ้ง คือ ศาสตร์โบราณที่ใช้ในการดูลักษณะของใบหน้าและจุดสำคัญบนใบหน้าของชาวจีน ซึ่งตอนนี้กำลังได้รับความนิยม โดยการปรับโหงวเฮ้งจะใช้การสังเกตตำแหน่งบริเวณบนใบหน้า พร้อมทั้งอธิบายถึงความหมายที่มีการซ่อนอยู่ โดยจุดที่มีความสำคัญของใบหน้าจะมีอยู่ 5 ตำแหน่งหลัก ๆ ด้วยกันก็คือ คิ้ว จมูก ปาก ตา คาง ดังนั้นเราจึงสามารถใช้องค์ความรู้ในด้านนี้ เพื่อมาปรับโหงวเฮ้งบริเวณใบหน้า
สำหรับใบหน้าของแต่ละท่านจะมีรูปทรงที่แตกต่างกัน ดังนั้นบางท่านมักจะมีปัญหาในบางส่วนบางมุมของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณคางบุ๋ม หางตาตก โดยปัญหาเหล่านี้เองสามารถใช้เทคนิคทางการแพทย์ด้านความงามมาช่วยในการปรับให้เข้ารูปได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คลินิกมีบทบาทสำคัญในการปรับรูปหน้า
นอกจากจะทำให้ดูดี แต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ ยังช่วยเพิ่มเติมในจุดที่เป็นข้อบกพร่องของใบหน้า ช่วยให้ใบหน้าสวยดูดี เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ช่วยในการเติมเต็ม แถมยังช่วยท่านที่มีความต้องการเสริมโหงวเฮ้งบนบริเวณใบหน้า

สารเติมเต็มบนใบหน้ามีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร

ใบหน้าเป็นเสมือนหนึ่งต้นทุนที่ทำให้เรามีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของคนภายนอกตั้งแต่หัวจรดเท้า จึงส่งผลโดยตรงต่อชีวิตประจำวันที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง แถมค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ครีมเฉลี่ยต่อปีจะพบว่า การดูแลใบหน้าด้วยวิธีนี้มีความคุ้มค่าเหมาะแก่การลงทุนที่สำคัญมีความปลอดภัย หากเราเลือกใช้บริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่สิ่งที่มีความสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้บริการ คือ การศึกษาเรื่องสารเติมเต็มแต่ละชนิดว่ามีรูปแบบอย่างไรบ้าง รวมถึงคุณสมบัติในการใช้งานเพื่อให้เราสามารถตัดสินใจใช้บริการได้อย่างมั่นใจ

สำหรับสารเติมเต็มที่สามารถช่วยทดแทนในส่วนที่สึกหรอมีอยู่หลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น Collagen จากสัตว์ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขข้อกระดูกเสื่อม เป็นต้น โดยในสารแต่ละตัวนั้นมีส่วนสำคัญในเรื่องการเติมเต็มที่แตกต่างกัน ขึ่นอยู่ที่จุดประสงค์ในการนำมาใช้ ซึ่งถ้าในสายงานบิวตี้เป้าหมายจะเป็นการรักษา หรือมุ่งเน้นให้เกิดความงามบนใบหน้า

สารเติมเต็ม คือ สารที่ช่วยในการเติมจุดต่าง ๆ รวมถึงแก้ไขข้อบกพร่องบริเวณผิวหน้า โดยชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า Filler สำหรับประเทศไทยนิยมใช้ 3 แบบ คือ HA-Filler, FAT-Filler และ Filler ถาวร

  1. HA-Filler ไฮยาลูโรนิค แอซิด คืออะไร
    HA-Filler คือ สารเติมเต็มประเภทกึ่งถาวร ซึ่งโดยปกติร่างกายของเราสามารถผลิตได้เองอยู่แล้ว โดยมักจะพบอยู่บริเวณกระดูกอ่อนและผิวหนัง หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ไฮยาลูโรนิค ซึ่งเมื่อมีการฉีดเข้าไปจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Collagen ขึ้นมาทดแทนจากส่วนที่สูญเสีย โดยสารชนิดนี้ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้ เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ผ่านกรรมวิธีคัดแยกแบบพิเศษตามมาตรฐาน ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูงและยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่เกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ง่ายและปลอดภัยต่อผิวหนังสำหรับสารชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบการแพ้ก่อนการฉีด แต่สิ่งที่คนไข้ส่วนใหญ่แพ้ คือ ยาชาแต่ถ้าในคนไข้ที่เคยฉีดยาชามาแล้ว ไม่มีอาการแพ้ในขณะทำฟันหรืผ่าตัดมาก่อน ก็สามารถใช้สารเติมเต็มชนิดนี้ได้

    • ระยะเวลาอยู่ได้นานแค่ไหน

    ระยะเวลาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับชนิดของประเภทที่เลือกใช้ รวมถึงตำแหน่งที่มีการฉีดลงบนใบหน้า โดยปกติแล้วจะอยู่ได้นานตั้งแต่ 1 ถึง 2 ปี และบางจุดสามารถอยู่ได้นานกว่านั้น เช่น การเลือกฉีดบริเวณคาง

    • ชนิดของ HA-Filler ที่ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย
        1. Juvéderm ผลิตภัณฑ์จากอเมริกา
        2. Restylane ผลิตภัณฑ์จากสวีเดน
        3. Neuramis ผลิตภัณฑ์จากเกาหลีใต้
        4. belotero ผลิตภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์
  2. FAT-Filler สำหรับการฉีดไขมัน (Autologous Fat Grafting) คืออะไร
    FAT-Filler คือ สารเติมเต็มประเภทกึ่งถาวรในลักษณะการฉีดไขมัน ซึ่งเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันประเภทหนึ่ง โดยจะนำเซลล์ไขมันจากบริเวณส่วนอื่น ๆ ภายในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ต้นขาสะโพกหรือหน้าท้องมาผ่านกระบวนการคัดกรองเพื่อให้เหลือเนื้อเยื่อไขมัน หลังจากนั้นจึงเอามาฉีดในจุดที่ต้องการเพื่อให้เซลล์ไขมันติดและมีชีวิตอยู่ต่อได้ ระยะเวลาหลังจากที่ฉีดไขมันอาจจะสลายไป 30 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คนไข้บางรายมีโอกาสไขมันติดน้อย บางครั้งฉีดเข้าไปอาจจะหายเกือบหมด ในการฉีดครั้งแรกอาจจำเป็นต้องฉีดเข้าไปในปริมาณที่เยอะไว้ก่อน เพื่อป้องกันการการสลาย ทำให้มีผลข้างเคียงด้วยอาการหน้าจะบวมมาก ๆ ในช่วงเดือนแรก

    • เห็นผลได้ในทันทีไหม

    การเลือกใช้เซลล์ไขมันอาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระบบภายในร่างกายของลูกค้าแต่ละท่าน เพราะอาจต้องมีการเติมไขมันเพิ่มขึ้นไปอีก 1-2 ครั้ง เพื่อจะได้เห็นผลที่สมบูรณ์ที่สุด นอกจากนี้เซลล์ไขมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยจะมีการเพิ่มหรือลดขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ฉีด

    • ข้อดีของ FAT-Filler 
        1. ค่าใช้จ่าย HAFiller เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะมีราคาถูกกว่า
        2. เป็นการสกัดจากสารภายในร่างกายของตัวเราเอง ดังนั้นทำให้ไม่มีอาการต่อต้านใด ๆ
        3. ช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่มีการดูดออกไปใช้ แต่ไม่นานไขมันก็จะกลับมาเติมเต็มส่วนที่หายไป
    • ข้อเสียของ FAT-Filler 
        1. การใช้วิธีนี้ถือเป็นศัลยกรรมขนาดเล็ก จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นนานพอสมควร
        2. บริเวณที่ได้รับการฉีดอาจมีก้อนไต หรือมีอาการเขียวช้ำ บวม โดยจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้รอยช้ำต่าง ๆ เหล่านั้นค่อย ๆ จางลง
        3. หากน้ำหนักลดลงในส่วนของไขมันอาจจะหายไปเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เซลล์ไขมันยังติดไม่ดี ซึ่งหากมีการเผาผลาญไขมันสูงก็จะทำให้ไขมันหายไปได้
        4. สำหรับการใช้วิธีนี้ค่อนข้างยากกว่าวิธีแรก เพราะจำเป็นต้องดูดไขมันออกจากร่างกายและทำการฉีดเข้าไปใหม่ โดยมีหลายขั้นตอนรวมทั้งใช้เวลานาน
        5. มีผลงานวิจัยรับรองจาก Literature Review การฉีดไขมันมีโอกาสที่จะเสี่ยงทำให้ตาบอดมากกว่าการเลือกใช้ HA-Filler
        6. สำหรับการเลือกฉีดด้วยวิธีนี้ คนไข้ต้องมาลุ้นว่าเซลล์ไขมันที่ได้ทำการฉีดเข้าไปนั้น จะมีโอกาสรอดมากน้อยแค่ไหน
        7. หากขั้นตอนนี้เลือดไปเลี้ยงเซลล์ไขมันไม่ดี ส่งผลทำให้ไขมันฝ่อและมีผลต่อผิวบริเวณนั้นที่จะเกิดเป็นคลื่นตะปุ่มตะป่ำ ทำให้ดูไม่เรียบเนียน
  3. Permanent-filler สารเติมเต็มแบบถาวรคืออะไรPermanent-filler คือ สารที่สามารถคงอยู่ในสภาพภายใต้ผิวหนังได้นาน โดยเป็นสารเติมเต็มประเภทถาวรซึ่งมีประโยชน์ต่อการนำไปรักษาโรค แต่ไม่นิยมที่จะนำมาฉีดเพื่อเสริมตกแต่งความงามบริเวณใบหน้า เนื่องจากมีความเสี่ยงและเป็นอันตรายเพราะไม่สามารถสลายเองได้ จึงอาจส่งผลโดยตรงกับผิวหนัง โดยชนิดของสารเติมเต็มที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังต่อไปนี้ซิลิโคนเหลว (Silicone) คือ หนึ่งในสารประเภทถาวรซึ่งมีชื่อค่อนข้างคุ้นหูสำหรับคนไทย เพราะในอดีตเป็นหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยม ทั้งในและต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันได้รับความนิยมลดลง เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่าเป็นสารที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่สามารถสลายตัวเองได้ เปรียบเทียบแล้วเหมือนการฉีดพลาสติกเข้าสู่ร่างกายซึ่งในช่วงแรก อาจจะดูสวย แต่ถ้าในระยะเวลาผ่านไปร่างกายจะมีการทำปฏิกิริยาต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาอยู่ในบริเวณใบหน้า ยกตัวอย่างเช่น มีอาการหน้าบวมผิดรูป มีอาการผิวขรุขระเป็นคลื่น มีอาการก้อน เกิดการห้อยย้อยลงมา หรือลักษณะก้อนแข็ง ซึ่งการรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมค่อนข้างยาก โดยปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดที่สามารถใช้ฉีดสลายซิลิโคนเหลวให้หายไปได้ มีวิธีการรักษาเพียงการรับประทานยาหรือฉีดบรรเทาอาการเพื่อประคับประคองให้อาการทุเลาลงในช่วงระยะแรก แต่การจะทำให้ซิลิโคนเหลวหายไปต้องทำการผ่าตัดเพื่อขูดเอาซิลิโคนเหลวออกพาราฟิน (Bellafill) สำหรับสารเติมเต็ม ๆ ถาวรประเภทนี้ ถึงแม้จะได้รับการรับรองจากอย. ว่าสามารถนำมาใช้ในการเติมเต็มหลุมสิวหรือบริเวณร่องแก้ม แต่แพทย์ส่วนใหญ่หลาย ๆท่านไม่นิยมที่จะนำมาฉีดเพื่อทำการตกแต่งเสริมความงามบริเวณใบหน้า เนื่องมาจากเป็นประเภทที่ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และยังไม่มียาชนิดใดที่สามารถทำการสลายได้ ส่งผลทำให้สารประเภทนี้มีสภาพการคงอยู่นาน และอาจส่งผลโดยรวมต่อผิวทำให้ผิวอาจมีอันตราย นอกจากนี้ผลข้างเคียงของการฉีดคล้ายกับการฉีดซิลิโคน ซึ่งถ้าหากต้องเอาออกจากร่างกายมีวิธีเดียว คือ ต้องทำการผ่าตัดเพื่อขูดเอาเนื้อเยื่อบริเวณนั้นทิ้งไป
    • ข้อดีของ Permanent-filler
      1. สามารถคงสภาพอยู่ได้นานไปจนถึงอยู่ถาวร
      2. มีราคาถูก
    • ข้อเสียของ Permanent-filler 
      1. เป็นสารที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
      2. ทำให้ดูดีในช่วงแรก แต่ในเวลาต่อมาผิวหนังจะเริ่มไม่สม่ำเสมอเกิดอาการเป็นคลื่น เป็นก้อน และดูผิดรูป
      3. ซิลิโคนเหลวสามารถที่จะไหลกระจายไปจุดอื่น ๆ ได้
      4. มีโอกาสเกิดการอักเสบและมีโอกาสติดเชื้อ
      5. เสียงต่อภาวะอุดตันเส้นประสาทหรือบริเวณเส้นเลือด ทำให้เกิดปัญหาเนื้อตายหรือตาบอดได้
      6. ยังไม่สามารถฉีดยาเพื่อสลายได้
      7. สำหรับการผ่าตัดในบางครั้งไม่สามารถที่จะเอาสารเติมเต็มชนิดนี้ออกไปได้ทั้งหมด เนื่องจากมีการทิ้งระยะเวลาจนนานเกินไป ส่งผลทำให้สารชนิดนี้ซึมเข้าไปอยู่ในบริเวณเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ภายในร่างกาย
    • ก่อนฉีดสารเติมเต็มความพิจารณาดังนี้
      1. คุณควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
      2. สารเติมเต็มที่ใช้จะต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
      3. สถานบริการควรมีความน่าเชื่อถือ

เช็คฟิลเลอร์ปลอม-แท้อย่างไร

หลังจากนวัตกรรมทางการแพทย์ในการพัฒนาสารเติมเต็ม เพื่อใช้ดูแลด้านความสวย ความงาม ส่งผลทำให้หลายท่านหันมาดูแลตัวเอง โดยหลังฉีดทำให้ใบหน้าเต่งตึง แลดูอ่อนเยาว์ เพราะเป็นการรักษาที่เห็นผลได้จริง เห็นผลชัดเจน ถ้าสารเติมเต็มเป็นของแท้จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติจนหมด และยังเป็นการกระตุ้นให้ผิวบริเวณนั้น เกิดการสร้าง Collagen ธรรมชาติให้ผลลัพธ์ที่ดี ทำให้ปัจจุบันมีการผลิตฟิลเลอร์ปลอม เข้ามาจำหน่ายในท้องตลาดราคาถูก และนั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่ผู้บริโภคควรระมัดระวัง ดังนั้นวันนี้เราจึงขอแนะนำวิธีการเช็คข้อมูลของแท้กันอย่างละเอียด รวมถึงรีวิวการแกะกล่องฟิลเลอร์แท้ดูกันยังไง เพื่อให้ทุกท่านเห็นรายละเอียดอย่างชัดเจน ก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการที่ไหนดี และการเลือกผลิตภัณฑ์ยี่ห้อที่ปลอดภัย

รู้เท่าทันของปลอม

เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมของการพัฒนาการสกัดสารเติมเต็มเพื่อช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึงอยู่ตลอด เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีการสร้างเส้นใย Collagen อยู่บริเวณชั้นผิว เพื่อให้ผิวพรรณรักษาความตึงและอ่อนเยาว์ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือการเผชิญสภาวะทางอากาศที่มีผลต่อผิว ทำให้ Collagen บริเวณนั้นลดน้อยลง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดริ้วรอยตามมา รวมถึงความหย่อนคล้อยตามกาลเวลา อีกทั้งในแต่ละวันที่เราแสดงสีหน้าก็มีผลต่อการเกิดริ้วรอย ดังนั้นการนำผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ หลังฉีดในจุดที่มีปัญหาจะช่วยฟื้นฟูบริเวณใบหน้าและยังช่วยยกกระชับให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น ทำให้ผิวอิ่ม มีน้ำมีนวล มีสุขภาพดีสามารถเสริมความมั่นใจในบุคลิกภาพของเราให้ดูดี

ถึงแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลดีโดยตรงด้านความงาม แต่เนื่องจากเทคโนโลยีในตอนนี้ มีการผลิตของปลอมออกมาสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลเสียหายต่อผู้บริโภค เพราะถ้าเป็นของปลอมจะไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ในบางรายถึงขั้นต้องขูดฟิลเลอร์ปลอมออกจากบริเวณชั้นผิว ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้ใช้บริการต้องระวัง ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับวิธีการดูของแท้ให้เห็นกันชัด ๆ ว่าของแท้เป็นอย่างไร

ของแท้ต้องได้รับอย.ทุกกล่อง

โดยปกติผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ถ้าหากจะได้รับอนุญาตและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐ โดยหน่วยงานที่ควบคุมในส่วนนี้ คือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งก่อนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศไทย จะมีการตรวจสอบจนถึงต้นทาง ทำให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการการันตีว่าปลอดภัย

สำหรับในประเทศไทยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมีทั้งหมด 4 ยี่ห้อ โดยเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในยุโรป อเมริกา และในแถบภูมิภาคเอเชีย วันนี้เราจะพาทุกท่านไปสำรวจพร้อมแกะกล่องคุณสมบัติของทั้ง 4 ยี่ห้อกันว่า แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และควรเลือก ฉีด Filler ยี่ห้อไหนดี ซึ่งยี่ห้อที่เราจะพาไปแกะกล่องนั้นมีดังนี้

      1. Restylane ผลิตภัณฑ์จากสวีเดน
      2. Juvederm ผลิตภัณฑ์จากสหรัฐอเมริกา
      3. Belotero ผลิตภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์
      4. Neuramis ผลิตภัณฑ์จากเกาหลีใต้

สำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติอย่างไร เรามาเจาะลึกในรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. Restylane Filler เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการควบคุมการผลิต พร้อมปรับโครงสร้างให้มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งมีขนาดที่ใกล้เคียงกับสารไฮยาลูโรนิค แอซิด โดยเป็นสารสกัดที่มีอยู่ในตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายของเราตอบสนองได้ดี จึงไม่เกิดอาการแพ้

Restylane

คุณสมบัติและความโดดเด่นของยี่ห้อ Restylane

    1. ช่วยยกกระชับบริเวณใบหน้าได้ดี
    2. เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้น้อยมาก
    3. เนื้อสัมผัสของสารเติมเติม มีเนื้อสัมผัสที่นิ่ม พร้อมกับความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถช่วยเติมเต็มในจุดที่ต้องการได้เป็นอย่างดี จึงสามารถปรับรูปหน้าให้สวยแลดูเนียนเป็นธรรมชาติ

แง่มุมการใช้งานของผลิตภัณฑ์นี้

สำหรับผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้ ในแง่มุมของการใช้งาน จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังต่อไปนี้

    1. เน้นใช้งานในการปรับรูปหน้า พร้อมกับฟื้นฟูใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์
      1. Restylane Lidocaine มีเนื้อสัมผัสที่บางเบาจากโมเลกุลขนาดเล็ก ส่งผลทำให้ซึมลึกเข้าสู่ชั้นกลางของผิวหนัง ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานประเภทเติมเต็มในบริเวณร่องน้ำหมาก บนใบหน้า
      2. Restylane Refyne เป็นรุ่นที่เหมาะกับท่านที่ผิวบาง เหมาะกับการใช้ในบริเวณร่องแก้ม หรือบริเวณร่องน้ำหมาก
      3. Restylane Defyne มีคุณสมบัติที่ดีในการซึมลึกถึงชั้นผิวกลาง และชั้นไขมัน จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณกรอบหน้า รวมถึงเน้นการยกกระชับสัดส่วน
      4. Restylane Lyft คุณสมบัติเน้นการขึ้นรูปปรับแต่งใบหน้า พร้อมยกกระชับบริเวณกรอบหน้า รวมถึงบริเวณคาง ให้ได้สัดส่วนดูดี
      5. Restylane Volyme เหมาะกับใช้บริเวณขมับหรือช่วยในการยกกระชับบริเวณใบหน้าและแก้ม
    2. เน้นการใช้งานช่วยในการฟื้นฟูผิวหน้า รวมถึงเสริมให้ใบหน้าดูขาวกระจ่างใส
      1. Restylane Vital คุณสมบัติของโมเลกุลที่บางเบา เติมเต็มใบหน้าได้ทุกจุด ช่วยเสริมให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส และยังสามารถทำให้บริเวณชั้นผิวตื้นขึ้น โดยสามารถใช้ฉีดในบริเวณคอหลังมือและบริเวณอื่น ๆ ได้
      2. Restylane Vital Light มีคุณสมบัติของโมเลกุลที่บางเบา จึงสามารถช่วยเติมเต็มใบหน้าได้ทุกจุด ให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส และทำให้บริเวณชั้นผิวแลดูตื้นขึ้น โดยสามารถนำไปใช้ฉีดในบริเวณคอหลังมือและบริเวณอื่น ๆ ได้
ภายนอกกล่อง Restylane

2 Juvederm Filler เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น ได้รับการควบคุมการผลิตจากบริษัทชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เหมาะสำหรับในการใช้ขึ้นรูปใบหน้าให้ดูสวยกลมกลืน ไม่เป็นก้อน ทำให้ดูเนียนเป็นธรรมชาติ และผลข้างเคียงหลังฉีดมีน้อย เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ยี่ห้อนี้หลังฉีดแล้วพบภาวะอาการบวมน้อยกว่า ที่สำคัญสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยม เพราะในบางรุ่นสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาฉีดซ้ำบ่อย ๆ ซึ่งแบรนด์นี้นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand (DSKH) ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองความปลอดภัยทั้ง US FDA และ Thai FDA

Juvederm

คุณสมบัติและความโดดเด่นของยี่ห้อ Juvederm

    1. ได้รับการรับรองความปลอดภัยทั้งสหรัฐอเมริกาและในประเทศไทย
    2. พบอาการบวมหลังฉีดน้อย มีผลข้างเคียงน้อย
    3. มีเนื้อสารต่าง ๆ ที่บางเบามีโมเลกุลเล็ก

แง่มุมของการใช้งานผลิตภัณฑ์นี้

สำหรับผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อนี้ ยังมีการแบ่งแยกรุ่นของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1. Juvederm Ultra คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับใช้เติมบริเวณร่องแก้ม บริเวณขมับ ซึ่งจะช่วยทำให้บริเวณที่ฉีดแลดูอิ่มน้ำ เต่งตึงขึ้น หลังทำการฉีดสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน
    2. Juvederm Ultra Plus มีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้เติมบริเวณร่องแก้ม รวมถึงในจุดร่องลึกต่าง ๆ บริเวณขมับ รวมถึงท่านที่มีปัญหาหน้าตอบ โดยหลังได้รับการฉีดสามารถคงอายุอยู่ได้นาน 6-9 เดือน
    3. Juvederm Volbella เป็นสารสกัดที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก เน้นการเติมเต็มบริเวณใต้ดวงตา ริมฝีปากเพื่อให้ทั้ง 2 จุดดูเป็นธรรมชาติ สำหรับอายุของสารเติมเต็มชนิดนี้จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
    4. Juvederm Volift มีความโดดเด่นในการเติมเต็มร่องลึกบริเวณใบหน้า ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอายุ โดยสามารถแก้ไขบริเวณจุดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ เพราะหลังฉีดแล้ว จะไม่ดูเป็นก้อน แลดูเป็นธรรมชาติ โดยเนื้อสัมผัสของสารเติมเต็มสามารถกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ได้ดี สำหรับอายุของผลิตภัณฑ์หลังฉีดสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
    5. Juvederm Voluma เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีคุณสมบัติสารพัดประโยชน์ ด้วยโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่ จึงช่วยทำให้การเพิ่มเติมในจุดต่าง ๆ บนใบหน้าทำได้เป็นอย่างดี แต่ต้องขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำหน้าที่ในการใช้ฉีด โดยรุ่นนี้ใช้ได้ทั้งบริเวณแก้ม ใบหน้า ยกกระชับ บริเวณขมับ คาง รวมถึงการปรับรูปหน้าให้แลดูเป็นวีเชฟ สำหรับอายุของผลิตภัณฑ์หลังฉีดแล้วสามารถคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี
    6. Juvederm Volite ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวเนียน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับบริเวณผิวพรรณ และยังสามารถช่วยปรับสภาพผิวให้ดูขาวกระจ่างใส เหมาะสำหรับใช้บริเวณใต้ตา รวมถึงบริเวณหลังมือ ลำคอ และช่วงอกด้วย
    7. Juvederm Volux มีขนาดโมเลกุลหนักจึงสามารถคงตัวได้ดี เหมาะสำหรับใช้ในการปรับบริเวณขากรรไกร กราม คาง เพื่อให้ดูมีความแข็งแรงและยังสามารถขึ้นรูปใบหน้าได้ง่าย
ภายนอกกล่อง Juvederm
ภายในกล่อง Juvederm

3 Belotero Filler เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการการันตีจากรางวัลด้านความงามในทวีปยุโรป เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความพรีเมี่ยมจากสวิตเซอร์แลนด์ ปลอดภัย เพราะขึ้นทะเบียนถูกต้องในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศไทย

Belotero

คุณสมบัติและความโดดเด่นของยี่ห้อ Belotero

    1. เป็นแบรนด์ที่ได้มาตรฐานจากสวิตเซอร์แลนด์
    2. หลังฉีดแล้วผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี
    3. เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในยุโรปและมีผลลัพธ์ที่ดี
    4. เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย
    5. ผลิตภัณฑ์นี้ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยี เอกสิทธิ์เฉพาะตัวจากบริษัทผู้ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์
    6. เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลการันตีด้านคุณภาพจากยุโรปถึง 2 รางวัล

การใช้งานของผลิตภัณฑ์นี้

สำหรับแต่ละรุ่น มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เหมาะกับบริเวณชั้นผิวต่าง ๆ ดังนี้

    1. Belotero Soft เป็นรุ่นที่เหมาะกับการใช้บริเวณใต้ตาและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยการใช้เทคนิค Skin Booster
    2. Belotero Balance เหมาะสำหรับการใช้เติมบริเวณริมฝีปาก รวมถึงริ้วรอยบนใบหน้าให้ดูตื้นขึ้นและแก้ปัญหาหลุมสิว
    3. Belotero Intense เหมาะสำหรับการเลือกใช้เติมบริเวณร่องแก้มรวมถึงร่องน้ำหมาก
    4. Belotero Volume เหมาะสำหรับในการเลือกใช้ปรับรูปหน้าพร้อมยกกระชับบริเวณใบหน้า คาง แก้ม และขมับ
ภายนอกกล่อง Belotero

4 Filler Neuramis เป็นผลิตภัณฑ์ชื่อดังที่ผลิตจากเกาหลี เหมาะสำหรับคุณสาว ๆ ที่ต้องการสารเติมเต็มในราคาคุ้มค่า ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย ทั้งจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย เป็นแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงจุด

Neuramis

คุณสมบัติและความโดดเด่นของยี่ห้อ Neuramis

    1. เป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐานจากประเทศเกาหลีใต้
    2. ได้รับการการันตีด้านความปลอดภัยจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย
    3. เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

รีวิวการแกะกล่องของแท้

เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใน เราได้จัดทำคลิปแนะนำให้ท่าน ขอเชิญทุกท่านรับชมการรีวิวแกะกล่องฟิลเลอร์แท้อย่างละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ

วิธีตรวจสอบของปลอมด้วย Application

เทคโนโลยีที่คลินิกเลือกใช้เพื่อความสะดวกในการเช็คข้อมูล ทำให้คุณตรวจสอบได้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นของแท้หรือไม่

คำถามที่พบบ่อย

หลังการฉีดกี่วันถึงจะเริ่มเข้าที่

เชื่อว่าหลายท่านคงเห็นความสามารถในการปรับรูปหน้า โดยการใช้สารเติมเต็มชนิดนี้กันไปแล้ว ส่วนบางท่านที่กำลังหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ก็คงกังวลอยู่ว่าหลังจากฉีดสารเติมเต็มบนในหน้าไปแล้วกี่วันถึงจะเข้าที่ เราจะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจระยะเวลากันต่อเลยค่ะ

สำหรับคำถาม “ ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่

หลายคนที่สงสัยกันว่า ฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเข้าที่ หากคุณตัดสินใจเลือกการดูแลความสวยด้วยวิธีนี้สามารถคลายกังวลได้เลยค่ะ เนื่องจากสารเติมเต็มชนิดนี้ไม่ใช่การทำศัลยกรรม เพราะฉะนั้นจึงเรียกได้ว่าแทบไม่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นเลย หากท่านใดที่เคยเห็นคลิปการฉีดโดยคุณหมอเมฆมาแล้ว ก็จะเห็นได้ว่ารูปทรงบนใบหน้าดีขึ้นหลังทำการฉีดทันทีกว่า 70-80% เลยทีเดียว

การเลือกดูแลตัวเองด้วยวิธีนี้จึงสามารถกลับไปทำงาน แต่งหน้า ปาร์ตี้ ช้อปปิ้ง ได้ชิล ๆ  เพราะไม่ต้องผ่าตัด ระยะในการพักฟื้นร่างกายจึงใช้เวลาน้อยกว่า และอีกข้อดีคือ เราสามารถดูรีวิวก่อนตัดสินใจทำได้ สำหรับระยะเวลาหลังจากที่ทำการฉีดให้เข้าที่ ดูฟูสวยงาม เซตเข้ากับรูปหน้าสามารถเห็นผลได้100% ซึ่งมีการวิจัยระบุโดยเฉลี่ยหลังจากทำใช้ระยะอยู่ที่ 1 เดือน ส่วนระยะเวลาจะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่เลือกใช้

สำหรับทริกเล็ก ๆ ที่ทางเราอยากจะแนะนำ การที่มีสารเติมเต็มบนใบหน้าจะเซตตัวเข้าที่ควรทำการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งจะช่วยเสริมให้การเข้าที่ทำได้เร็ว เพราะน้ำนอกจากจะเป็นส่วนประกอบของเซลล์ต่าง ๆ แล้ว ในร่างกายของเรา 60% มีน้ำอยู่ตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงสามารถดูดซับน้ำไว้เพื่อช่วยในการเซตตัว

บริการนี้มีความอันตรายไหม

ถึงแม้การฉีดนี้จะทำให้เราดูดี แต่ก่อนที่จะทำอะไรสักอย่างเราต้องตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด เพราะผลกระทบหรือเอฟเฟคที่ตามมาบางครั้งรุนแรงจนยากเกินจะรับได้ ยิ่งการรับการบริการทางการแพทย์ เราควรจะใส่ใจรายละเอียดสักนิดเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนอาจจะสงสัยว่า ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม

แต่สำหรับบริการภายใต้การดูแลโดยอาจารย์หมอเมฆสามารถไว้ใจได้ เนื่องจากมีประสบการณ์โดยตรงทำให้คุณหมอมีความชำนาญในการฉีดสารเติมเต็มบนใบหน้า การปรับรูปหน้าเป็นไปอย่างธรรมชาติสวยดูดีทันทีที่ทำ ซึ่งเรามีส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ของคุณหมอเมฆนำมาฝากในหัวข้อที่หลายท่านสงสัยว่าถ้าฉีดแล้วจะเป็นอันตรายหรือไม่ โดยสรุปข้อมูลได้ดังนี้

  1. ตรวจสอบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้หรือไม่
    เนื่องจากสารเติมเต็มชนิดนี้เป็นลักษณะชั่วคราว ถ้าหากเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้จะสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อรูปร่างให้ดูบิดเบี้ยวผิดรูปหรือมีอาการไหลย้อย ซึ่งเป็นคุณสมบัติของการเลือกใช้ของแท้ในข้อนี้ จึงสบายใจได้และถ้าได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญที่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่มักเจอ คือ สารเติมเต็มของปลอมที่มีจำหน่ายเลียนแบบอยู่ในท้องตลาด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และขึ้นชื่อว่าของปลอม โดยจะส่งผลทำให้เป็นอันตรายหลังรับการฉีด
  1. ตำแหน่งในการฉีด
    สำหรับสารเติมเต็มโดยชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าจะช่วยเติมเต็มในจุดที่ต้องการที่มีร่องลึก ดังนั้นประโยชน์ของสารชนิดนี้จึงช่วยทำให้สามารถเติมเติมบริเวณใบหน้า ช่วยยกกระชับและสามารถปรับรูปหน้าได้ในหลายจุด แต่ข้อควรระวัง คือ ตำแหน่งในการฉีดจะต้องเป็นจุดที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยกับคนไข้ ดังนั้นแพทย์ผู้ชำนาญจึงให้ความสำคัญในจุดนี้ และจะระวังมาก ๆ ในระหว่างที่มีการฉีด เพราะบริเวณใบหน้าของเราจะมีหลอดเลือดในจุดสำคัญ ดังนั้นจะต้องหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว จมูก ขมับ และในส่วนที่ต้องการให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น บริเวณใต้ตา คาง แก้มตอบ แก้มส้ม ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม หากเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้จักตำแหน่งนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นผู้ใช้บริการจึงสามารถมั่นใจได้เมื่อเข้ารับบริการ
  1. ประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
    การที่ผลลัพธ์จะออกมาดูดีได้ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ที่ดูแลในแต่ละเคส ถ้าหากเราได้แพทย์ที่มีความชำนาญและมีชั่วโมงในการดูแลคนไข้ที่เพียงพอ นั่นหมายถึงว่าฝีมือของผู้ดูแลจะอยู่ในระดับที่ไว้ใจได้ อย่าลืมว่ารูปแบบการทำหัตถการเป็นลักษณะการฉีดที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ เพื่อออกแบบรูปหน้าให้ดูสวยเข้ากับบุคคลที่เข้ารับการปรับรูปหน้าด้วยสารเติมเต็มชนิดนี้ เพราะทางแพทย์จะต้องมีการวิเคราะห์และอาศัยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เนื่องจากมีผลต่อเนื้อเยื่อที่มีความเกี่ยวพันกับการหย่อนคล้อย โดยเฉพาะโครงสร้างกระดูกที่มักจะยุบตามกาลเวลา จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหย่อนคล้อยตรงบริเวณใบหน้าซึ่งจะทำให้ดูโทรม ดังนั้นการใช้ศิลปะทางการแพทย์เพื่อการดีไซน์รูปหน้า รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีโมเลกุลในสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล ผนวกกับเทคนิคการวางตำแหน่งในการฉีด จึงต้องอาศัยความสามารถและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ดูแล

ฉีดไปแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังจากที่เราเห็นตัวอย่างการรีวิวก่อนและหลังทำเคสโดยอาจารย์หมอเมฆ พบว่าผลลัพธ์ดูสวยเป๊ะ หลังฉีดดูหน้าเด็กลง ซึ่งหลายท่านอาจจะยังต้องการทราบคำตอบว่า ถ้าเราฉีด filler อยู่ได้นานแค่ไหนจนกว่าสารตัวนี้จะสลายไปตามธรรมชาติ วันนี้เราจึงขอนำข้อมูลดี ๆ มาฝากสำหรับหลายท่านที่ยังสงสัยในข้อนี้

  1. สำหรับสารเติมเต็มบนใบหน้าที่เป็นของแท้ ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับ Collagen ตัวหนึ่งที่อยู่บริเวณชั้นผิวของเรา โดยสารชนิดนี้จะเป็นลักษณะเติมแบบชั่วคราว ดังนั้นระยะเวลาของการอยู่บริเวณใบหน้าของเราจึงขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ฉีดเข้าไป เพราะกรรมวิธีสำหรับการผลิตจะมีส่วนสัมพันธ์กันทั้งโมเลกุลและรุ่นที่ใช้ในแต่ละยี่ห้อ เพราะแต่ละรุ่นก็จะมีการผลิตออกมาต่างกัน ดังนั้นจึงกลายเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมแต่ละชนิดจึงมีอายุหลังฉีดไม่เหมือนกัน
  2. อายุของฟิลเลอร์หลังฉีดเข้าบนใบหน้าจะสามารถอยู่ได้อย่างน้อย 9 เดือน แต่มีอยู่หลายชนิดที่มีงานวิจัยออกมาสนับสนุนว่าสามารถอยู่บนใบหน้าของเราได้ตั้งแต่ 12 เดือน 18 เดือน ไปจนถึง 24 เดือน โดยขึ้นอยู่กับจุดที่มีการฉีด ยกตัวอย่างเช่น บริเวณคางจะพบว่าอยู่ได้นานกว่าในจุดอื่น
  3. หากเราหารค่าเฉลี่ยหลังทำจะพบว่าการยกกระชับสามารถอยู่ได้นานที่สุดถึง 2 ปี ดังนั้นราคาและผลลัพธ์ที่ได้จึงคุ้มค่ากว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อครีมกระปุกที่เราใช้ในแต่ละเดือน ซึ่งบางท่านเลือกใช้ครีมเคาเตอร์แบรนด์ราคาแพง คุณสมบัติสูง แต่ก็ค่าใช้จ่ายสูงตามไปด้วย ดังนั้นถ้าเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับการเลือกดูแลใบหน้าด้วยวิธีนี้ก็สามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณ
  4. สำหรับปริมาณในการใช้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ซึ่งจะต้องคำนวณตามสภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคล โดยในจุดนี้จะต้องได้รับการวิเคราะห์โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้การคำนวณออกมามีความแม่นยำสามารถคำนวณปริมาณที่ต้องการใช้ได้อย่างเหมาะสม โดยปริมาณในการฉีดสำหรับใช้ปรับเปลี่ยนแก้ไขบริเวณใบหน้าสามารถเริ่มต้นฉีดในปริมาณ 1-2 ซีซีไปจนถึง 20 ซีซี ซึ่งจะมีการแบ่งตามตำแหน่ง โดยผลลัพธ์จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทำให้โครงสร้างใบหน้าดูสวยอย่างลงตัว ซึ่งข้อนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ที่ดูแลในแต่ละเคสด้วยค่ะ

หลังฉีด Filler ห้ามกินอะไรบ้าง

  1. หลีกเลี่ยงการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ยกตัวอย่างเช่น Collagen วิตามินซี grape seed เนื่องจากหลังฉีดหากเรารับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทนี้เข้าไปจะทำให้หน้าของเรามีเลือดฝาด ซึ่งอาจส่งผลต่อรอยเข็มทำให้หายช้าลง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการรับประทานประมาณ 3-7 วัน
  2. งดเว้นอาหารรสเค็มจัด ยกตัวอย่างเช่น ส้มตำปูปลาร้า ปลาเค็ม เนื่องจากเป็นอาหารกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะว่าอาหารเค็มจัดจะทำให้มีการดูดน้ำกลับเข้ามาในร่างกายเยอะ บริเวณหน้าและลำตัวอาจจะดูบวมซึ่งบางท่านมักมีอาการบวมน้ำ หากเป็นไปได้ไม่ควรรับประทาน
  3. ยาที่มีผลต่อการต้านการแข็งตัวของเลือด ยกตัวอย่างเช่น aspirin หรือ warfarin ยังสามารถรับประทานได้ปกติ เนื่องจากการฉีดสารเติมเต็มเป็นหนึ่งในหัตถการขนาดเล็กที่ฉีดเฉพาะที่ ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์เลือดออกแล้วหยุดยากมีความเป็นไปได้น้อยมาก
  4. ทานไข่ไก่ได้ไหม? สำหรับข้อนี้จริง ๆ แล้วเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลว่าเป็นอาหารประเภทแสลง แต่ถ้าตามหลักวิชาการในการรับประทานไข่ไก่จัดเป็นหนึ่งในโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งจะสามารถช่วยบำรุงร่างกายให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ แถมย่อยง่าย
  5. ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้หัวใจของเราสามารถสูบฉีดเลือดได้ดี ทำให้หลอดเลือดมีการขยายตัวซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้บางท่านเวลาดื่มบริเวณใบหน้าจะแดง ตัวบวม ดังนั้นหากคุณได้รับการฉีด ควรหลีกเลี่ยงเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ถึง 7 วัน

หลังฉีดแล้วโดนแดดได้ไหม

หลังทำการฉีดแล้วสามารถโดนแดดได้ปกติ เนื่องจากตำแหน่งที่ทำการฉีดจะอยู่บริเวณผิวหนังชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกระดูก ซึ่งจะเป็นคนละส่วนกับบริเวณชั้นผิว ทำให้ห่างจากผิวชั้นนอก การทำกิจกรรมที่เกิดขึ้นจึงไม่ส่งผลต่อผิวชั้นลึกที่ทำการฉีด นอกจากนี้ทางคลินิกของเราได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันทดลอง และจัดอยู่ในกลุ่มที่สามารถอยู่ในผิวหนังของมนุษย์และทนต่อแสงแดด จึงไม่ส่งผลต่อสารเติมเต็มที่ทำการฉีดเข้าไป

สาเหตุหลังการฉีดแล้วมีอาการก้อนบวม

สำหรับปัญหาหลักหลังจากที่มีการฉีดไปแล้ว บางท่านพบว่ามีอาการฉีด filler แล้วเป็นก้อน รวมถึงมีอาการบวม เบื้องต้นจะต้องสังเกตก่อนว่าอาการนี้ใช่การติดเชื้อหรือไม่ โดยวิธีการสังเกตให้ตรวจสอบดูว่ามีอาการปวดมากกว่าปกติหรือไม่ ถ้าหากบวมกดแล้วเจ็บบริเวณก้อนฟิลเลอร์ หรือรู้สึกร้อนกว่าปกติบริเวณใบหน้า ควรรีบปรึกษาคุณหมอทันที

สำหรับอาการเป็นก้อนที่ไม่เข้าข่ายอาการติดเชื้อ ส่วนใหญ่มักพบบ่อยมาก เพราะเกิดจากสาเหตุการฉีดของแพทย์อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเทคนิคการฉีดมีผลต่อการปรับรูปหน้า ถ้าหากไม่มีความชำนาญอาจทำให้มีผลกระทบภายหลัง ดังนั้นจำเป็นต้องเลือกคุณหมอที่มีทักษะเฉพาะด้าน รวมถึงมีเทคนิคในการฉีดเฉพาะจุดเพื่อให้สารเติมเต็มบนใบหน้าเข้าในตำแหน่งที่ถูกจุดบริเวณชั้นผิว รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ในการฉีดที่เป็นของแท้และได้มาตรฐานผ่านอย. หรือมีการนำเข้าจากบริษัทยาที่ได้มาตรฐานถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับในความเชื่อที่มีคนแนะนำว่าควรนวดคลึงจุดที่มีปัญหาเป็นก้อนเพื่อบรรเทา ในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่มีประโยชน์ เนื่องจากสารชนิดนี้มักจะมีการแทรกตัวขึ้นอยู่กับรูปหน้า โดยวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ การเลือกใช้บริการกับหมอที่มีความเข้าใจในการดูแล ซึ่งจะเป็นวิธีป้องกันปัญหาที่ดีที่สุด

ฉีดสลายฟิลเลอร์ กี่วันหาย

สำหรับระยะเวลาที่ตัวยาจะมีการสลายไปนั้น โดยปกติจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ยิ่งถ้าเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศได้มาตรฐานอย. และเป็นบริษัทยาชั้นนำ ตัวยาจะอยู่ในบริเวณจุดที่ฉีดนาน โดยมีปัจจัยขึ้นอยู่กับปริมาณในการฉีดเข้าในจุดที่ต้องการ ซึ่งโดยปกติแล้ว คุณหมอจะมีการสอบถามหรือซักประวัติเพื่อคำนวณปริมาณที่เหมาะสม และเช็คตำแหน่งในการฉีดเพื่อให้ถูกจุดที่ต้องการได้อย่างลงตัว แต่ถ้าเลือกใช้ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญ อาจส่งผลทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนจนต้องให้ทางคุณหมอฉีดยาสลายเพื่อแก้ปัญหาในส่วนนี้

ยาสลายฟิลเลอร์ เริ่มออกฤทธิ์เมื่อไหร่

หลังจากที่คุณหมอเริ่มทำการฉีดยาสลายด้วย Hyaluronidase ในตัวยาจะเริ่มทำงานทันทีนับจากนั้นภายใน 48 ชั่วโมง และหลังจากที่ทำการฉีดไป 2 วัน คุณจะพบว่าก้อน Filler จะเกิดอาการยุบและหายไป แต่ตัวยายังคงออกฤทธิ์ได้นานถึง 2 สัปดาห์ หลังจากที่มีการฉีดยาสลาย ซึ่งในข้อมูลนี้จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ในแต่ละเคส

การฉีดยาสลายซ้ำสามารถทำได้ไหม

สำหรับการฉีดซ้ำสามารถทำได้ค่ะ ถ้าหากกรณีที่ยังมีอาการเป็นก้อนบวมใหญ่ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการฉีดซ้ำหลายครั้ง โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินจำนวนครั้ง โดยส่วนมากจะทิ้งระยะเวลาห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์

อาการข้างเคียงที่เรามักพบหลังฉีดยาสลาย

สำหรับอาการข้างเคียงที่มักพบได้บ่อยจะเป็นลักษณะอาการบวมแดงบริเวณจุดที่ฉีดเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าในกรณีที่มีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก มีอาการปวดมาก หรือมีอาการผื่นแดงคัน แนะนำควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

เนื้อหาบทความเรื่องการฉีด Filler เพื่อปรับรูปหน้าให้ยกกระชับแลดูหน้าเด็ก โดยอาจารย์หมอเมฆ นพ.วัชพล ธนมิตรามณี ( คุณหมอเมฆ ) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ และ พญ. พิชญานิน สื่อมโนธรรม ( คุณหมอแอร์ ) สูตินารีแพทย์เฉพาะทางจาก Doctor Mek Clinic

หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยใด ๆ ในเรื่องคลินิกเสริมความงาม สามารถติดต่อกับทางคลินิก Doctor Mek ได้โดยแอด Line หรือส่งคำถามมาได้ที่ Facebook Messenger จากปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ