PRP หรือ PCT Personalized Cell Therapy

Personalized Cell Therapy (PCT) เป็นหนึ่งในเทคนิคด้านการแพทย์ที่นำเอาเกล็ดเลือดจากเซลล์ในร่างกายของเรา นำมาผ่านกระบวนการกลั่นจนได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง มาฉีดเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อฟื้นฟูผลัดเซลล์ผิวด้านในให้กลับมาแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์ลงอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาฉีดที่บริเวณศีรษะ จุดซ่อนเร้น และผิวกายได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นวิธีการฟื้นบำรุงผิวที่มีความปลอดภัยสูง เกิดผลข้างเคียงน้อยมาก หากเทียบกับการฉีดด้วยวิธีอื่น ๆ หากใครกำลังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามันคืออะไร ช่วยหน้าใสได้ไหม ราคาเท่าไหร่ มีวิธีการเตรียมตัวและการดูแลตัวเองอย่างไร ในบทความนี้ เราจะมาเฉลยทุกข้อสงสัยกันค่ะ

เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

Personalized Cell Therapy คืออะไร

Personalized Cell Therapy คือ วิธีการฟื้นฟูผิวโดยการเอาเลือดของเราเองมาปั่นด้วยความเร็วในระดับที่เหมาะสม เพื่อแยกชั้น Plasma (พลาสมา) ซึ่งแพทย์จะใช้เกล็ดเลือดในชั้นที่มีความเข้มข้นมากที่สุด เข้ามาฉีดเพื่อฟื้นบำรุงเซลล์ผิวภายใน พร้อมซ่อมแซมและสมานแผลให้หายเร็วขึ้น เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ให้ความปลอดภัยสูงและเกิดผลข้างเคียงน้อยอีกด้วยค่ะ

คุณประโยชน์ของเกล็ดเลือดที่ได้จากโปรแกรม PCT

เพราะอะไรการฉีดผิวด้วยเกล็ดเลือดจึงให้คุณประโยชน์กับร่างกายของเรา นั่นเป็นเพราะว่า เกล็ดเลือดที่เราได้จากการทำ PCT นั้น จะมีความเข้มข้นกว่าเกล็ดเลือดในกระแสเลือดทั่วไป 4 เท่า มันจะเข้าไปซ่อมแซมผิวหนังที่เสื่อมสภาพลง พร้อมรักษาเนื้อเยื่อที่จำเป็นใต้ชั้นผิวที่เต็มไปด้วย Growth Factor ทำให้มันสามารถกระตุ้นคอลลาเจน ปรับผิวให้เปล่งปลั่ง อีกทั้งยังเข้าไปเติมเต็มและยกผิวที่เป็นโพรงร่องลึกอยู่ ให้กลับมาเรียบเนียนกันอย่างสม่ำเสมอ

Personalized Cell Therapy ช่วยอะไรบ้าง

การทำ PCT เป็นหัตถการที่สามารถฟื้นฟูได้หลายตำแหน่งในร่างกาย ไม่เพียงแค่ใบหน้าแต่ยังครอบคลุมไปจนถึงศีรษะ ผิวกาย และจุดซ่อนเร้น ซึ่งในแต่ละตำแหน่งเราจะขอแยกออกเป็นดังนี้

ผิวหน้า

  • ลดเลือนรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า คืนความอ่อนเยาว์
  • ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิวหรือแม้แต่หลุมสิว
  • ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ
  • กระชับรูขุมขนให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่จำเป็นใต้ชั้นผิว
  • ช่วยให้สาว ๆ แต่งหน้าเครื่องสำอางติดทนมากยิ่งขึ้น

ศีรษะ

  • ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม
  • กระตุ้นการสร้างใหม่ของรากผมให้แข็งแรง
  • ให้เส้นผมที่ขึ้นมาใหม่ หนาและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
  • ป้องกันปัญหาผิวบางจากการขาดวิตามิน หรือกรรมพันธุ์

กระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ

  • ฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่มีการอักเสบจากการเล่นกีฬา
  • รักษาอาการอักเสบบริเวณเส้นเอ็นและข้อ
  • รักษาโรคข้อเสื่อม รวมไปถึงโรคกระดูกและข้อ
  • บรรเทาอาการเจ็บปวดจากข้อเท้าเคล็ด ขัด ยอก
  • ซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพจากการบาดเจ็บให้กลับมาแข็งแรง
  • รักษาโรคข้อเสื่อม หรือโรคที่เกิดจากกระดูกและข้อ

จุดซ่อนเร้น

  • ฟื้นบำรุงจุดซ่อนเร้นให้กลับมาฟู ดูกระชับ
  • ให้น้องสาวกลับมาเรียบเนียนและมีความอ่อนเยาว์
  • ทำให้คุณผู้หญิงไปถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น เพิ่มความรู้สึกทางเพศ
  • ฟื้นฟูช่องคลอดให้มีน้ำหล่อลื่นเพิ่มมากขึ้น

PRP หรือ PCT Personalized Cell Therapy สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง

หลายคนจะค่อนข้างรู้จักโปรแกรมนี้ จากการที่มันช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวหน้าให้ดีขึ้นได้จากภายในสู่ภายนอก แต่แท้จริงแล้ว นอกจากผิวหน้ามันยังสามารถฉีดกระตุ้นบริเวณอื่น ๆ ในร่างกายได้อีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

  • ผิวหน้า – ฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ศีรษะและเส้นผม – ซ่อมแซมรากผม พร้อมชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม
  • ข้อกระดูกและกล้ามเนื้อ – รักษาอาการอักเสบ หรือบรรเทาอาการปวดตามกล้ามเนื้อ
  • จุดซ่อนเร้น – ฟื้นบำรุงเพื่อบรรเทาปัญหาบริเวณจุดซ่อนเร้น

จะเห็นได้ว่ามันสามารถทำได้แทบจะทุกจุดในร่างกายจริง ๆ ค่ะ สำหรับใครที่ต้องการฟื้นฟูจุดไหน สามารถเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินและวางแผนวิธีการรักษาให้ตรงจุดกับตำแหน่งที่ต้องการ หรือสาว ๆ คนไหนที่ต้องการฟื้นฟูบริเวณจุดซ่อนเร้น ที่คลินิกของเรามีให้บริการฉีดจุดซ่อนเร้น ที่ดูแลโดยสูตินรีแพทย์หญิงเฉพาะทาง ภายใต้ห้องปฏิบัติการที่ให้ความเป็นส่วนตัว เพื่อให้คนไข้หญิงทุกท่านได้รับความสบายใจเมื่อเข้าใช้บริการค่ะ

เหมาะกับใคร

เป็นหัตถการที่ค่อนข้างตอบโจทย์ ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวหน้า รวมไปถึงผิวกาย ที่เรียกได้ว่าครอบคลุมมากเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

  • เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยร่องลึกทั้งผิวหน้าและผิวกาย
  • เหมาะสำหรับคนที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • เหมาะสำหรับคนที่มีรอยแผลเป็น รอยสิว และหลุมสิว
  • เหมาะสำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
  • เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับที่เกิดการเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น
  • เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง
  • เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม หรือมีอาการปวดข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ

ไม่เหมาะกับใคร

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมด้านความงามที่มีความปลอดภัยสูง และเป็นวิธีการรักษาที่ใช้เกล็ดเลือดของเราเอง แต่มันก็จะมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่ตอบโจทย์และไม่เหมาะสำหรับผู้คนบางกลุ่ม ดังนี้

  • ผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ
  • ผู้ที่มีภาวะการติดเชื้อรุนแรง หรือแพ้ภูมิตัวเอง
  • ผู้ที่อยู่ระหว่างการใช้ยาต้านภาวะการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง หรือมีโรคทางผิวหนัง
  • สตรีมีครรภ์หรือผู้ที่ให้นมบุตร

PRP ทั่วไปกับ PCT ที่คลินิกเรา มีความแตกต่างกันอย่างไร

มีบางคนเกิดข้อสงสัยว่าระหว่างการทำ PRP แบบทั่วไปกับการทำ PCT ที่คลินิกของเรานั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร หรือมีกระบวนการทำงานและการให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันอย่างไรบ้าง? ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันมีขั้นตอนที่เหมือนกันค่ะ เพียงแต่ว่าที่คลินิกของเราจะมีขั้นตอนการเก็บเกล็ดเลือดเข้มข้นแตกต่างจากที่อื่น ที่ได้มาตรฐานและให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า

การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) แบบทั่วไป

โดยทั่วไปบางคลินิกที่ให้บริการ PRP จะใช้หลอดบรรจุเกล็ดเลือดแบบธรรมดา ที่มีลักษณะคล้ายกับหลอดทดลองทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างแตกต่างจากการบรรจุด้วยหลอดแบบพิเศษ (Tube) เพราะหลอดธรรมดามันจะแยกเกล็ดเลือดได้แค่ 2 ชั้นเท่านั้น นั่นก็คือชั้นเม็ดเลือดแดงและพลาสมา (สีเหลือง) ทำให้เวลาฉีดเข้าไปแล้ว จะแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ

การทำ PCT ของที่คลินิกเรา

สำหรับการทำ PCT กับที่คลินิกของเราจะมีความแตกต่างจาก PRP ทั่วไปตรงที่ เรามีกระบวนการคัดแยกเซลล์ด้วยเครื่องนวัตกรรมที่ทันสมัย นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้เราสามารถคัดแยกเกล็ดเลือดออกมาได้ถึง 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นสีขาว สีเหลือง และชั้นที่ให้ความเข้มข้นสูง สีจะค่อนข้างค่อนไปทางดำ ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง โดยชั้นที่แพทย์จะนำมาฉีดนั้น จะเป็นชั้นสีขาวที่ด้านในนั้นจะประกอบไปด้วย Growth Factor ที่มีความสำคัญต่อผิว อีกทั้งยังมีการใช้หลอดชนิดพิเศษ (Tube) ในการเก็บเกล็ดเลือดโดยเฉพาะ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพและเห็นผลดีกว่าการทำ prp ทั่วไปถึง 9 เท่า!

Personalized Cell Therapy Before & After

จากรีวิวของคนไข้จริงจะเห็นได้ว่า หลังฉีด PRP หรือ PCT (Personalized Cell Therapy) ได้ 3 เดือน สุขภาพผิวโดยรวมดูดีขึ้น ริ้วรอยความหย่อนคล้อยต่าง ๆ ดูลดเลือนลง ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งกระชับมากขึ้น (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

รีวิวความประทับใจจากผู้มาฉีด Personalized Cell Therapy

ทั้งหมดนี้เป็นแค่รีวิวส่วนหนึ่งจากผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการฉีด PRP หรือ PCT (Personalized Cell Therapy) กับที่คลินิกของเรา หลายคนลงความเห็นว่าประทับใจทั้งวิธีการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง และผลลัพธ์ที่ได้ซึ่งมันจะค่อย ๆ ดีขึ้น และยังทำให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วย

Personalized Cell Therapy ราคาเท่าไหร่

PRP หรือ PCT – Personalized Cell Therapy ราคาเริ่มต้นที่คลินิกของเราจะอยู่ที่ 15,000 บาท* โดยแต่ละเคสอาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพผิวของแพทย์ ตำแหน่งที่ฉีด และความหนักเบาของปัญหาผิวแบบรายบุคคล นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของราคาโปรโมชั่นที่ทางคลินิกจัดขึ้นร่วมกับโปรแกรมอื่น ๆ หากใครสนใจสามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE : @doctormekclinic (มี@นำหน้าด้วยนะคะ)

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง PRP/PCT, Filler และ Rejuran ตัวไหนดีกว่ากัน

ในเมื่อมันเป็นอีกหนึ่งกลุ่มโปรแกรมที่ช่วยเรื่องการฟื้นฟูสุขภาพผิว แน่นอนว่ามันก็มักจะมีข้อเปรียบเทียบกับหัตถการอื่นที่ช่วยฟื้นฟูผิว ซึ่งในบทความนี้ ก็จะมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโปรแกรม PCT กับรีจูรันและฟิลเลอร์ว่าทั้ง 3 ตัวนี้ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร และเน้นการฟื้นฟูจุดไหนเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ที่กำลังลังเลสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นค่ะ

ถ้าจะถามว่าทำหัตถการไหนดีกว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคนไข้ต้องการเน้นฟื้นฟูจุดไหนเป็นพิเศษ เพราะทั้ง 3 บริการที่ยกตัวอย่างข้างต้น ล้วนให้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งสิ้น หากต้องการฟื้นฟูซ่อมแซมผิวจากภายใน ก็จะแนะนำให้ทำ PCT แต่ถ้าหากว่าคนไข้ต้องการเติมเต็มผิวหน้าให้มีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น หรือทำให้ผิวอิ่มฟูเรียบเนียน ก็จะแนะนำให้ฉีดสารเติมเต็มค่ะ

PRP หรือ PCT Personalized Cell Therapy ดีไหม

เป็นนวัตกรรมด้านความงามที่มาพร้อมกับ 10 คุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพผิว ได้แก่

  1. เป็นหัตถการที่ทำให้ภาพรวมของผิวมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
  2. ลดรอยเหี่ยวย่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง
  3. ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ดูลดเลือนลง ช่วยปรับสมดุลการสร้างเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ซ่อมแซมผิวจากการถูกทำลายจากมลภาวะ ฝุ่นละออง แสงแดด หรือความเครียดสะสม
  5. มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  6. ปรับผิวหน้าให้ดูกระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ
  7. ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น และเติมเต็มออกซิเจนให้กับผิว
  8. ฟื้นฟูหนังศีรษะและเส้นผมให้กลับมามีสุขภาพดี ลดอาการผมร่วงผมบาง
  9. รักษาอาการบาดเจ็บ หรืออาการที่เกิดจากกระดูกและข้อ
  10. เป็นเทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยสูงและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดแนะนำว่าให้ทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียง หรือผลกระทบอื่น ๆ ตามมา และควรฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาด้วยนะคะ

การเตรียมตัวก่อนทำ PCT (Personalized Cell Therapy)

  • เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสภาพผิว และให้แพทย์ช่วยประเมินว่าปัญหาผิวของคนไข้เหมาะสมต่อการทำโปรแกรมหรือไม่
  • แนะนำให้หลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดปริมาณ 2 ลิตร
  • ก่อนใช้บริการ 2-3 วัน ไม่แนะนำให้รับประทานยากลุ่มต้านการอักเสบและการแข็งตัวของเลือด
  • ก่อนใช้บริการ 2-3 วัน งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และอาหารที่มีไขมันสูง
  • ไม่แนะนำให้แต่งหน้าเข้ามาในวันที่ใช้บริการ

การดูแลหลังทำหัตถการ

  • หลังทำเสร็จ 5 ถึง 8 ชั่วโมง ให้งดการล้างหน้า หากคนไข้ทำการฉีดที่บริเวณผิวหน้า
  • สามารถทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นต่อผิว
  • ก่อนออกจากบ้านหมั่นทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • หลังทำ 1-2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องพบเจอกับแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน
  • หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของการผลัดเซลล์ผิว

รวมคำถามที่พบบ่อย

ฉีดแล้วจะเป็นอันตรายไหม

หลายคนค่อนข้างเกิดความกังวลว่า การทำ pct หรือ prp ปลอดภัยไหม? โปรแกรมนี้มีความปลอดภัยสูง เพราะว่าเป็นวิธีการฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายใน โดยใช้เกล็ดเลือดของเราเอง นำมาผ่านกระบวนการสกัดแบบพิเศษแล้วฉีดเข้าสู่ผิว อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงอีกด้วย ดังนั้น คนไข้สามารถทำได้สบายหายห่วงไปเลยค่ะ

หลังทำจะมีผลข้างเคียงไหม

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้หลังทำหัตถการนี้คือ อาการบวมรอยเข็มที่จะปรากฏขึ้นในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากนั้นมันจะค่อย ๆ หายไปเอง หรือในช่วงแรกที่ฉีดคนไข้อาจรู้สึกอุ่น ๆ เล็กน้อยเท่านั้น เรียกได้ว่าการทำ PRP หรือ PCT แทบไม่เกิดผลข้างเคียงอะไรเลยค่ะ เนื่องด้วยวิธีการรักษาที่ใช้เกล็ดเลือดที่ถูกสังเคราะห์มาจากในร่างกายของเราเอง มันจึงให้ความปลอดภัยสูงและเกิดผลข้างเคียงน้อย

หลังทำกี่วันถึงจะเห็นผล

หัตถการนี้หลังทำเสร็จแล้ว มันจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนในช่วง 3 เดือน ซึ่งมันจะไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลยทันที เพราะเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ตัวเกล็ดเลือดที่ผ่านการสกัดจะเข้าไปทำปฏิกิริยาฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายใน รวมไปถึงคอลลาเจนและอิลาสตินเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตั้งแต่ภายใน

ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม กี่เดือน

ส่วนใหญ่แล้ว หากทำอย่างต่อเนื่องจะอยู่ได้ราว ๆ 1 ปีเลยค่ะ แต่การทำโปรแกรม prp หรือ pct เป็นหัตถการที่ไม่สามารถมีระยะเวลาที่แน่นอนได้เหมือนโปรแกรมอื่น ๆ นั่นเป็นเพราะว่ามันคือการรักษาที่นำเอาเกล็ดเลือดในร่างกายของเราเอง ออกมาสกัดแล้วฉีดเข้าสู่ผิว ดังนั้น ระยะเวลาของผลลัพธ์ก็จะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย หากคนไข้มีการดูแลตัวเองอย่างดี ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้นค่ะ

ต้องทำบ่อยแค่ไหน

มีหลายคนถามเข้ามาว่า prp ทำบ่อยแค่ไหน? ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่างอยู่ที่ 4-6 สัปดาห์ค่ะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คนไข้สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา และนัดวันเวลาที่เหมาะสมต่อการใช้บริการครั้งถัดไปได้เลยค่ะ

สามารถทำร่วมกับฟิลเลอร์หรือโบท็อกได้ไหม

ไม่แนะนำให้ทำพร้อมกันค่ะ หากคนไข้ต้องการทำร่วมกัน แพทย์จะแนะนำให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน เช่น หากคนไข้ต้องการทำร่วมกับโบท็อก ก็จะต้องเว้นระยะห่างสัก 1-2 สัปดาห์ หรือคนไข้ต้องการทำร่วมกับฟิลเลอร์ ก็ให้เว้นระยะห่าง 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้เวลาที่แน่นอนจะต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาอีกครั้งตามความเหมาะสม ทั้งนี้ทั้งนั้น หากคนไข้มีความต้องการทำร่วมกับหัตถการไหน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่แพทย์จะได้วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

สรุป

โปรแกรม PRP (Platelet Rich Plasma) หรือ PCT (Personalized Cell Therapy) เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูสุขภาพผิวจากเซลล์ภายใน เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมและถูกใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติของการรักษาที่ให้ความปลอดภัยสูง เกิดผลข้างเคียงน้อย และยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย เพื่อปรับสภาพโดยรวมของผิวให้ดูดีขึ้นตามธรรมชาติ หากใครที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ Doctor Mek Clinic ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมให้การดูแลภายใต้แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง และสูตินรีแพทย์หญิงสำหรับสาว ๆ ที่สนใจดูแลจุดซ่อนเร้นค่ะ