ฟิลเลอร์หน้าผาก เพิ่มความนูนโค้งสวย แก้ไขหน้าผากแบน บุ๋มยุบ

 

ฟิลเลอร์หน้าผาก

ฟิลเลอร์หน้าผาก นวัตกรรมความงามในการปรับรูปทรงหน้าผากให้นูนโค้งสวย แก้ไขหน้าผากแบนเรียบผิดรูป ลดริ้วรอยร่องลึกบนหน้าผาก ซึ่งจุดที่ได้รับการฉีดจะฟูดูอวบอิ่ม ทำให้ถ่ายรูปออกมาดูสวยขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อย สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอยู่ ในบทความนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับหัตถการนี้กันแบบเจาะลึก รวมถึงใครที่อยากดูเคสฉีดหน้าผากรีวิวจากเคสคนไข้จริง มาติดตามได้ในบทความนี้กันค่ะ

Key Takeaway 

  • ฟิลเลอร์หน้าผากเป็นการแก้รูปหน้าให้มีมิติ แก้ไขปัญหาริ้วรอย เติมร่องหน้าผาก ด้วยการใช้สารเติมเต็มใบหน้าประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด 
  • สารเติมเต็มใบหน้าหรือฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่ตกค้าง
  • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ผลลัพธ์อยู่ได้ราว ๆ 12 – 24 เดือน
  • ฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าผากแบน มีรอยบุ๋ม หน้าผากแคบ มีริ้วรอย รอยย่น และอยากปรับแก้หน้าผากให้ดูดีขึ้น
  • ฟิลเลอร์หน้าผากต้องฉีดกับแพทย์ที่มีองค์ความรู้และมีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย

สารบัญบทความ

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร

ฟิลเลอร์หน้าผาก คือ การฉีดสารเติมเต็มใบหน้าประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA Filler) เพื่อเติมเต็มผิวให้มีวอลลุ่ม ช่วยให้หน้าผากโหนกนูน มีส่วนโค้งที่สวยรับกับใบหน้า เติมความชุ่มชื่นให้ผิว ทำให้หน้าผากเต่งตึงขึ้น รวมถึงแก้ไขการสูญเสียวอลลุ่มหน้าผากและข้อบกพร่องต่าง ๆ ของหน้าผาก อีกทั้งยังปรับโหงวเฮ้งหน้าผากให้ดีขึ้น

สำหรับสารเติมเต็มใบหน้าประเภทอย่าง “ฟิลเลอร์” ที่นำมาใช้กันในประเทศไทย เป็นสารเติมเต็มใบหน้าชนิดเดียวที่ผ่านการรับรองจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทย (อย.) ซึ่งตัวสารชนิดนี้ถูกสังเคราะห์เลียนแบบไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายคนเรา มีคุณสมบัติในการเก็บกักความชุ่มชื่นของผิว ช่วยทดแทนการสูญเสียของคอลลาเจนจากอายุที่มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปจะสามารถสลายตัวได้เอง ไม่ตกค้าง และยังสามารถกลับมาฉีดเติมฟิลเลอร์หน้าผากได้เรื่อย ๆ เพื่อคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บริเวณหน้าผาก ดังนี้ค่ะ

  1. ปัญหาหน้าผากยุบ
  2. ปัญหาหน้าผากแคบ
  3. ปัญหาหน้าผากแบน
  4. ปัญหาหน้าผากเป็นรอยบุ๋ม
  5. ปัญหาหน้าผากไม่เท่ากัน
  6. ปัญหาหน้าผากเป็นคลื่น (เนื่องจากฉีดไขมันแล้วสลายตัวไม่หมด)
  7. ปัญหาริ้วรอยหน้าผาก
  8. ปัญหารอยย่นบนหน้าผาก

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะกับใครบ้าง

ฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปทรงหน้าผากและแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยผู้ที่เหมาะกับหัตถการนี้ ได้แก่

  1. ผู้ที่ต้องการปรับแก้ไขรูปหน้าผากให้สวย ดูมีมิติ
  2. ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าผากให้สมดุลกับใบหน้า
  3. ผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย รอยบุ๋ม รอยแผลเป็น
  4. ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากปรับโหงวเฮ้ง
  5. ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

ถึงแม้ว่าฟิลเลอร์หน้าผากจะมีคุณสมบัติแก้ไขปัญหาหน้าผากได้ครอบคลุม แต่การฉีดเติมหน้าผากอาจไม่เหมาะกับคนไข้ในบางกรณีที่มีข้อจำกัดบางอย่าง ดังนี้

  • ผู้ที่มีสิวหัวช้าง สิวอักเสบ หรือสิวเม็ดใหญ่บริเวณหน้าผาก
  • ผู้ที่มีภาวะผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ
  • ผู้ที่มีภาวะแผลฟกช้ำง่ายหรือเลือดหยุดไหลยาก
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ
  • สตรีมีครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร ยังไม่แนะนำให้ใช้บริการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเท่าไร

ที่ Doctor Mek Clinic ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากราคาเพียง 18,900 บาท* ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยในแต่ละเคสอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณ cc ของสารเติมเต็มใบหน้าที่ใช้ ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ นอกจากนี้ การฉีดหน้าผากราคาอาจไม่เท่ากันซึ่งขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่ทางคลินิกจัดขึ้นเป็นประจำ โดยแนะนำให้คนไข้เข้ามารับการตรวจเช็กสภาพผิว วิเคราะห์ปัญหาหน้าผาก วางแผนการรักษาอย่างละเอียด รวมถึงประเมินค่าใช้จ่ายค่ะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาฟิลเลอร์ที่นี่

การเตรียมตัวก่อนทำฟิลเลอร์หน้าผาก

ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แนะนำให้คนไข้มีการเตรียมตัวและเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น

  • เลือกฉีดกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจเลือกดูรีวิวการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • แนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเอง เพื่อรับการตรวจสภาพผิว ประเมินปัญหา รวมถึงวางแผนการรักษา
  • แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเช็กฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อสังเกตรายละเอียดเบื้องต้นก่อนเข้ารับบริการ
  • หากมีโรคประจำตัว มีประวัติการแพ้ยา หรือกำลังรับประทานยารักษาโรคประจำตัวอยู่ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน
  • ควรงดทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันพริมโรส โสม กระเทียม เป็นต้น เพื่อป้องกันการเกิดอาการช้ำได้ง่าย
  • ก่อนเข้ารับบริการ 1 สัปดาห์ ควรงดทานยาแอสไพริน และยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan เป็นต้น
  • ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากประมาณ 3 วัน ควรงดการทายา ทาครีม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอล, วิตามินเอ, AHA, BHA เป็นต้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ใช้เวลาในการทำหัตถการเพียงไม่นาน โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ให้แพทย์ประเมินกายวิภาคใบหน้า เพื่อเลือกใช้สารเติมเต็มและใช้เทคนิคการรักษาที่ตรงกับปัญหา
  • ทำความสะอาดใบหน้า หากคนไข้แต่งหน้ามาก่อน จะต้องทำการเช็ดเครื่องสำอางบริเวณหน้าผากออก
  • ก่อนฉีดจะมีการแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
  • หลังจากแปะยาชาเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะฉีดยาชาทิ้งไว้อีก 15 นาที เพื่อบรรเทาอาการเจ็บระหว่างทำหัตถการ
  • เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มฉีดตามจุดต่าง ๆ ที่ได้วางแผนไว้ในชั้นผิวที่แตกต่างกัน 
  • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเสร็จ แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดีและอยู่ได้นาน

การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้อาการบวมช้ำหายได้เร็วขึ้น และยังช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ไว โดยมีคำแนะนำในการดูแลตัวเองดังนี้ค่ะ

  • ใน 24 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อาจทำให้มีอาการบวมจากเข็ม แต่หลังจากนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการจะค่อย ๆ บรรเทาลงและหายเป็นปกติ
  • ควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าและนอนตะแคงประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ 
  • งดการสัมผัสอย่างรุนแรงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก รวมถึงงดการเอามือก่ายหน้าผากและการสวมหมวก เพื่อไม่ให้หน้าผากเสียรูปทรง
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญกับความร้อน เช่น การทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซาวน่า โยคะร้อน ออกกำลังกายหนัก รวมถึงการนั่งหน้าเตาปิ้งย่าง เป็นต้น
  • ควรดื่มน้ำปริมาณมาก เพื่อให้สารเติมเต็มอุ้มน้ำได้ดียิ่งขึ้น ส่งเสริมผลลัพธ์ที่ดี
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ใน 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้หลอดเลือดขยายตัวซึ่งอาจทำให้อาการบวมจากเข็มหายได้ช้า
  • งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารที่ปรุงไม่สุก เนื่องจากอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและอักเสบได้
  • งดรับประทานอาหารรสชาติเผ็ดร้อน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่ใบหน้า ผิวแดง
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

ข้อดีและข้อควรระวังของฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

ฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัดบ่างอย่าง ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดหน้าผากจึงควรศึกษาทั้งข้อดีและข้อควรระวังอย่างถี่ถ้วนค่ะ

ข้อดี

  • ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น โดยคุณสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • เมื่อสารเติมเต็มครบอายุก็สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% และสามารถกลับมาฉีดฟิลเลอร์หน้าผากได้ใหม่
  • หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พึงพอใจหรือเกิดข้อผิดพลาด สามารถใช้วิธีการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ จากนั้นทำการฉีดเติมหน้าผากใหม่ได้
  • ไม่เจ็บและไม่เสียเลือดเยอะ เพราะไม่ใช่การผ่าตัด
  • ผลลัพธ์ดูเนียนเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย ปรับรูปหน้าให้มีมิติ

ข้อควรระวัง

  • เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ไม่ถาวร แต่คนไข้สามารถกลับมาฉีดเติมได้เรื่อย ๆ
  • หากเลือกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกับคนที่ไม่ใช่แพทย์ หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญอาจทำให้เกิดอันตรายตามมาได้
  • ต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้การรับรองมาตรฐานอย่างถูกต้องเท่านั้น 

ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

หลังทำการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คนไข้บางรายอาจมีอาการบวมแดงหรือช้ำ ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดได้จากรอยเข็ม โดยอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในเวลา 3-4 วัน และหายเป็นปกติใน 1 – 2 สัปดาห์ ระหว่างนี้คนไข้สามารถรับประทานยาแก้ปวดหรือทานยาลดบวมได้ตามที่แพทย์แนะนำ 

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานเท่าไหร่

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากควรเลือกใช้สารเติมเต็มใบหน้าชนิดที่มีความคงตัวสูง เป็นเนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ไม่เป็นก้อน ซึ่งแต่ละยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ต่างก็มีอนุภาคความเข้มข้น และระยะเวลาของผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป รวมถึงมีหลายยี่ห้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอย.ของไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้

Restylane

Restylane

  • Restylane Vital เป็นรุ่นที่มีความละเอียด เนื้อค่อนข้างนิ่ม ฉีดแล้วเกลี่ยง่าย ปั้นทรงหน้าผากได้สวย ฉีดแล้วอยู่ได้ราว ๆ 12 เดือน

Juvederm

Juvéderm

  • Juvéderm Volbella ฟิลเลอร์ Juvederm มีเนื้อเจลมีความละเอียด เนื้อนิ่มและให้ความเรียบเนียน เมื่อนำมาฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ฉีดแล้วอยู่ได้ราว ๆ 12 เดือน

Belotero

Belotero

  • Belotero Soft เนื้อเจลกลืนไปกับผิว เหมาะกับการนำมาฉีดเติมเต็มรอยย่น เติมร่องหน้าผาก ฉีดแล้วอยู่ได้ราว ๆ 6 – 12 เดือน
  • Belotero Balance มีลักษณะเนื้อนิ่มปานกลาง เหมาะกับการนำมาฉีดหน้าผากให้นูนสวย ฉีดแล้วอยู่ได้ราว ๆ 12 – 18 เดือน

Neuramis

Neuramis

  • Neuramis  Deep Lidocaine เนื้อเจลหนืดปานกลาง ฉีดแล้วให้ความอิ่มเอิบ เหมาะกับการฉีดบริเวณหน้าผาก ปรับรูปทรงให้มีมิติ หลังฉีดอยู่ได้ราว ๆ 6 – 8 เดือน

Yvoire

Yvoire

  • Yvoire Volume Plus ด้วยเนื้อเจลโมเลกุลขนาดกลาง เหมาะกับการฉีดเติมผิวชั้นกลาง สามารถนำมาผสมกับรุ่นที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ฉีดเติมหน้าผากให้นูนโค้งสมส่วน หลังฉีดอยู่ได้ราว ๆ 9 – 12 เดือน

ยี่ห้อฟิลเลอร์หน้าผาก

Revolax

  • Revolax Fine เนื้อเจลบางเบา สามารถนำมาฉีดแก้ไขริ้วรอย เติมเต็มหน้าผาก หลังฉีดอยู่ได้ราว ๆ 9 – 12 เดือน

ยี่ห้อฟิลเลอร์หน้าผาก

Teoxane

  • Teoxane RHA 2 รุ่นนี้เป็นเนื้อเจลนิ่มระดับปานกลาง ช่วยแก้ไขริ้วรอยหน้าผาก รวมถึงช่วยเสริมส่วนที่ยุบตัวให้อิ่มเอิบขึ้น เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ปรับเพิ่มความนูน หลังฉีดอยู่ได้ราว ๆ 12 – 18 เดือน

Ultra V Hyal Filler 

  • Ultra V Hyal Filler Medium เนื้อเจลที่ค่อนข้างคงรูปได้ดี เหมาะกับการเติมเต็มริ้วรอยหน้าผากและปรับรูปทรงหน้าผาก หลังฉีดอยู่ได้ราว ๆ 8 – 16 เดือ
  • Ultra V Hyal Filler Hard เนื้อเจลคงรูปได้ดี เหมาะกับการปั้นรูปทรง ช่วยให้หน้าผากมีมิติยิ่งขึ้น หลังฉีดอยู่ได้ราว ๆ 6 – 24 เดือน

Mesoifller

Mesofiller

  • Mesofiller Global ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เบลนไปกับผิวได้ง่าย ไม่แข็งเป็นก้อน เหมาะสำหรับนำมาฉีดเติมเต็มริ้วรอยชั้นผิวตื้น หรือเพิ่มวอลลุ่มให้กับหน้าผาก หลังฉีดอยู่ได้ราว ๆ 9 – 12 เดือน

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ยี่ห้อต่าง ๆ ได้ที่ “ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก การเสริมหน้าผากซิลิโคน การเติมไขมันหน้าผาก แตกต่างกันอย่างไร

ในปัจจุบันมีเทคนิคทางการแพทย์ที่สามารถแก้ไขหน้าผากแบน หน้าผากยุบ และช่วยปรับรูปทรงหน้าผากให้มีมิติมากขึ้นได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 วิธี ได้แก่ การฉีดสารฟิลเลอร์บริเวณหน้าผาก การเสริมหน้าผากด้วยแผ่นซิลิโคน และการเติมไขมันหน้าผาก โดยแต่ละวิธีจะมีข้อแตกต่าง ดังนี้ค่ะ  

การฉีดสารฟิลเลอร์บริเวณหน้าผาก

การฉีดสารเติมเต็มใบหน้าหรือฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากเป็นการใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเลียนแบบสารไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่มีอยู่ในร่างกายคนเรา เมื่อเวลาผ่านไปจะสามารถสลายได้เอง ซึ่งมีคุณสมบัติฉีดเพิ่มวอลลุ่มหรือปริมาตรให้หน้าผากกลับมาอิ่มเอิบ โหนกนูน ผิวเต่งตึง และช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว

ข้อดี

  • มีความเป็นธรรมชาติกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน เพราะจะค่อย ๆ ทำการทยอยฉีดไปทีละจุด ไม่เหมือนกับการผ่าตัดที่มีการเสริมซิลิโคนเข้าไปทั้งแผ่น
  • คนไข้สามารถทำการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากเพิ่มได้ตามปริมาณที่ต้องการ และหากไม่พึงพอใจก็สามารถฉีดสลายออกได้
  • สามารถคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 18-24 เดือน โดยคนไข้สามารถกลับมาฉีดเติมหน้าผากซ้ำได้
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น หลังทำมีเพียงรอยแดงเล็ก ๆ จากเข็ม และจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
  • ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

เสริมหน้าผากด้วยแผ่นซิลิโคน

เทคนิคนี้เป็นการผ่าตัดทำศัลยกรรมโดยการใส่ซิลิโคนเสริมหน้าผาก เพื่อปรับรูปทรงหน้าผากให้นูนโค้งสวย แต่ทั้งนี้ การผ่าตัดต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ ได้ เช่น เห็นขอบซิลิโคน หน้าผากไม่ได้สัดส่วน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ต้องดูแลความสะอาดของแผลผ่าตัด และหากเสริมมาแล้วต้องการแก้ไขจะต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนเท่านั้น

ข้อดี

  • เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์อยู่ได้อย่างถาวร 
  • เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งความสูงและความนูนอย่างชัดเจน 
  • มีซิลิโคนให้เลือกทั้งแบบแผ่นขึ้นรูปมาแล้ว และซิลิโคนออกแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งให้ความเนียนเรียบแนบสนิทแลดูเป็นธรรมชาติ
  • ในปัจจุบัน มีเทคนิคการเปิดแผลเล็ก เจ็บน้อย และเทคนิคเย็บซ่อนแผล ทำให้ลดโอกาสการมองเห็นของแผลเป็นได้

เติมไขมันหน้าผาก

การเติมไขมันหน้าผากเป็นเทคนิคที่ใช้ไขมันจากตัวคนไข้เอง ด้วยการดูดไขมันส่วนเกินออกมา เช่น ต้นแขน หน้าท้อง หรือสะโพก จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการปั่นคัดแยกเซลล์ไขมันบริสุทธิ์ และนำกลับมาฉีดเติมหน้าผาก โดยไขมันที่ฉีดเข้าไปมีโอกาสอยู่รอด 30-80% ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ทำให้คนไข้อาจต้องกลับมาฉีดเติมหลายครั้ง 

ข้อดี

  • ใช้ไขมันจากตัวคนไข้เอง ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ปลอดภัย
  • หากไขมันปลูกติดจะมีโอกาสอยู่ได้นานเป็นปี (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเซลล์ไขมันและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล)
  • ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
  • หากทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญจะให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติและไขมันติดดี ติดนาน ติดทน

รีวิวฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจากคนไข้จริง

ภาพก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีรอยการยุบตัวลงไป และหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก รีวิวจากคนไข้จริงที่มีความไว้วางใจเลือกใช้บริการกับคลินิกของเรา โดยจะเห็นได้ว่าหน้าผากแลดูโหนกนูนสวยยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ

ก่อนทำ : หน้าผากแบน ทำให้ใบหน้าขาดมีมิติ โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านข้าง

หลังทำ : หน้าผากนูนโค้งสวยรับกับใบหน้า

รีวิว ฟิลเลอร์หน้าผาก

ก่อนทำ : หน้าผากบุ๋ม หน้าผากนูนไม่เท่ากัน

หลังทำ : หน้าผากดูเต็มขึ้น มีความโค้งนูนสวยพอดี

ฉีดหน้าผากรีวิว

ก่อนทำ : หน้าผากแบน ไม่มีวอลลุ่ม

หลังทำ : หน้าผากโหนกนูนขึ้น ปรับรูปทรงหน้าผากให้อิ่มเอิบขึ้น

 

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากรีวิว

ก่อนทำ : หน้าผากแบนราบ ไม่มีส่วนโค้งนูน

หลังทำ : หน้าผากโหนกนูน ใบหน้าแลดูมีมิติ

 

เติมหน้าผากรีวิว

ก่อนทำ : หน้าผากปูด มีส่วนโค้งนูนที่ไม่เท่ากัน

หลังทำ : หน้าผากได้รูปสวยขึ้น มีความโค้งมนเท่ากัน

เลือกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่ไหนดี

หลักในการเลือกว่า ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ที่ไหนดี ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  1. แพทย์ต้องมีความชำนาญ มีประสบการณ์ในการฉีด
  2. คลินิกมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ไว้วางใจ
  3. ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ต้องได้รับมาตรฐาน มีอย.ไทยและต่างประเทศ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้
  4. มีรีวิวจากคนไข้ที่ใช้บริการจริง
  5. มีการติดตามผลการรักษา (Follow up)
  6. เจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาอย่างเต็มที่
  7. คลินิกมีความสะอาดและปลอดภัย รวมถึงเดินทางสะดวก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์หน้าผาก

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอันตรายไหม 

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่เป็นอันตราย หากฉีดกับแพทย์ที่มีทักษะและประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์โดยตรง นอกจากนี้ ต้องเลือกใช้สารเติมเต็มใบหน้าที่ได้การรับรองมาตรฐานอย่างถูกต้องทั้งจากไทยและต่างประเทศ แต่หากพลาดไปฉีดกับคนที่ไม่ใช่แพทย์ หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายตามมาได้ค่ะ

ฟิลเลอร์ที่หน้าผากอยู่ได้นานแค่ไหน 

ฟิลเลอร์หน้าผากผลลัพธ์จะอยู่ได้ราว ๆ 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือรุ่นของสารเติมเต็มที่ใช้ สภาพผิวของแต่ละคน รวมไปถึงการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล 

ฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากเจ็บไหม

ฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ไม่เจ็บค่ะ เนื่องจากมีการแปะยาชาก่อนทำการฉีด เพื่อระงับความเจ็บ ซึ่งคนไข้อาจรู้สึกเจ็บได้เพียงเล็กน้อยในขณะที่ลงเข็มบนผิวหนังบริเวณที่ทำการฉีดค่ะ

ฉีดไขมันหน้าผากแตกต่างจากฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอย่างไร

การฉีดไขมันจะเป็นการดูดไขมันส่วนเกินในร่างกายของคนไข้เอง จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการปั่นคัดแยกเซลล์ไขมัน แล้วจึงนำมาฉีดเติมหน้าผาก โดยไขมันที่ฉีดไปครั้งแรกนั้นอาจมีโอกาสที่เซลล์ไขมันจะมีชีวิตรอดประมาณ 30 – 40 % แต่การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนั้นเป็นการใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิดที่มีระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ 12 – 24 เดือน* (ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ไม่ต้องรอนาน รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน ๆ เหมือนการฉีดไขมันค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากต้องใช้กี่ cc

โดยทั่วไปฉีดหน้าผาก 1 cc ไปจนถึง 5 cc ซึ่งจะใช้ปริมาณของสารเติมเต็มมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมในคนไข้แต่ละเคสค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกี่วันถึงจะเห็นผล

หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างตั้งแต่หลังฉีดทันที แต่จะเริ่มเข้าที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมานูนเกินไป แก้ไขได้หรือไม่ 

หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแล้วออกมานูนเกินไป ยังไม่สวย สามารถขูดฟิลเลอร์ หรือฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase : HYAL) เพื่อทำการสลายฟิลเลอร์เดิม 

สรุปฟิลเลอร์หน้าผาก

ฟิลเลอร์หน้าผากเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยปรับลุคให้ใบหน้าดูละมุนมากยิ่งขึ้น เพิ่มมิติให้กับใบหน้า รวมถึงยังเป็นเทคนิคเสริมความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งที่ Doctor Mek Clinic เรามีบริการปรับรูปหน้าและฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ด้วยเทคนิคการฉีดแบบ Triple Layers Lift ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกปัญหา ให้ผลลัพธ์ที่สวยแลดูเป็นธรรมชาติ ผสานกับการเลือกใช้สารเติมเต็มใบหน้าที่มีความปลอดภัย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกกล่องสามารถตรวจสอบได้ โดยสามารถเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ที่มีทักษะและประสบการณ์ได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย หรือแอดไลน์ LINE : @doctormekclinic 

References

Malcolm P. Chelliah MD, MBA, Shilpi Khetarpal MD, A. (2022 July). Noninvasive Correction of the Aging Forehead. https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0094129822000244

Sylwia Lipko-Godlewska, Željana Bolanča, Lucie Kalinová, Irēna Kermen, Boris Onisak, Ildikó Papp, Margarita Rebrov, and Greta Valančienė, A. (2021, February 17). Whole-Face Approach with Hyaluronic Acid Fillers. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7901566/