กระบนใบหน้า ปัญหาผิวที่อาจลดทอนความมั่นใจของใครหลาย ๆ คน เนื่องจากเป็นจุดบกพร่องที่เห็นได้ชัด จึงทำให้คนที่ประสบปัญหาคิดอยากหาวิธีรักษากระที่ได้ผลไวที่สุด ซึ่งเราเข้าใจดีว่าการเป็นกระ นอกจากจะทำให้สีผิวบนใบหน้าไม่สม่ำเสมอแล้ว มันยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราดูแก่กว่าวัยด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากรวบรวมหาวิธีรักษากระที่ได้ผลไวที่สุดมาเพื่อเอาใจคนอยากหน้าใสไร้รอยโดยเฉพาะค่ะ
กระบนใบหน้ามีแบบไหนบ้าง
แต่ก่อนจะหาวิธีรักษากระบนใบหน้า เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากระเกิดขึ้นได้อย่างไร และกระบนใบหน้าของเราเป็นกระชนิดไหน เนื่องจากกระแต่ละชนิดก็มีขั้นตอนและระยะเวลาในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ กระก็คือจุดด่างดำที่เกิดขึ้นบนใบหน้าหรือผิวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดจากเม็ดสีเมลานินที่ทำงานผิดปกติจนทำให้ผิวบริเวณนั้น ๆ มีสีเข้มขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เม็ดสีเหล่านี้ทำงานผิดปกติ ส่วนมากจะเกิดจากแสงแดด, สีผิว (ผิวขาวมีโอกาสเกิดกระได้ง่ายกว่า) และพันธุกรรม กล่าวคือ เมื่อผิวถูกแสงแดดหรือปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ ทำร้ายโดยตรงเป็นเวลานาน จะส่งผลให้เม็ดสีเมลานินในชั้นผิวเกิดการเกาะตัวเป็นกระจุก จนเกิดเป็นจุดกระและรอยฝ้าในที่สุด
กระบนใบหน้าสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- กระตื้น มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ มักพบในผิวบริเวณที่สัมผัสโดนแดดมาก ๆ
- กระลึก มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ หรือเป็นแผ่นสีน้ำตาล เทา ดำ กระชนิดนี้จะขอบไม่ชัด ลักษณะคล้ายฝ้า เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีบริเวณชั้นหนังแท้
- กระเนื้อ มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม โดยแรกเริ่มอาจเป็นเพียงตุ่มเล็ก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น นูนขึ้น และมีสีเข้มขึ้น เกิดจากผิวหนังชั้นกำพร้าเจริญเติบโตมากผิดปกติ ซึ่งสาเหตุการเกิดอาจเป็นได้ทั้งจากแสงแดดและอายุที่มากขึ้น
- กระแดด มีลักษณะเป็นจุดหรือเป็นปื้นเรียบ ๆ สีน้ำตาลหรือสีดำขนาดเล็ก ขอบชัด พบได้ในบริเวณที่โดนแดดบ่อย ๆ
การรักษากระให้ใบหน้ากลับมาสวยใสมีกี่วิธี
หนทางที่จะช่วยให้กระบนใบหน้าลดเลือนลงมีหลายวิธีด้วยกันค่ะ ทั้งการรักษาด้วยสมุนไพรตามธรรมชาติ การทาครีมรักษา การฉีดกระ ไปจนถึงการพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ แต่ทั้งนี้ ผลลัพธ์และระยะเวลาในการเห็นผลของแต่ละวิธีย่อมแตกต่างกันออกไป ซึ่งบางวิธีอาจเป็นเพียงการชะลอให้กระเกิดใหม่น้อยลง บางวิธีสามารถรักษาจนหาย ในขณะที่บางวิธีสามารถทำร่วมกันได้เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ไวขึ้น แต่ละวิธีก็จะใช้เวลาในการเห็นผลแตกต่างกันออกไป ซึ่งวิธีรักษากระบนใบหน้าที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่
- การมาส์กหน้าด้วยสมุนไพรตามธรรมชาติ เช่น หัวไชเท้าบด, ใบบัวบกปั่น, มะขามเปียก, ว่านหางจระเข้บด เป็นต้น ขั้นตอนคือใช้สมุนไพรเหล่านี้พอกหน้าครั้งละ 15-20 นาที และควรทำต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ซึ่งสมุนไพรแต่ละชนิดที่ใช้ล้วนมีสรรพคุณในการผลัดเซลล์ผิวคล้ำ ลดเม็ดสีเมลานิน จึงทำให้กระจางลงได้ แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือเห็นผลได้ช้า (อาจใช้เวลาเป็นปี) และเป็นการชะลอไม่ให้กระมีสีเข้มกว่าเดิมมากกว่าจะเป็นการรักษาให้หายขาด
- การทาครีมรักษากระ มักเป็นครีมที่มีส่วนประกอบของ AHA, อาร์บูติน และกรดโคจิก มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้กระบนใบหน้าจางลง ซึ่งวิธีนี้ต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการทาครีม และใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะเห็นผล
- การกรอผิว เป็นหนึ่งในวิธีการทางการแพทย์ โดยใช้เครื่องมือช่วยกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวหนังให้หลุดออกเร็วกว่าปกติเพื่อรอให้ร่างกายสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน หลังกรอผิวจะพบว่ากระบนใบหน้าค่อย ๆ จางลง แต่อาจต้องรักษาหลายครั้งกว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ จึงส่งผลให้เสี่ยงต่ออาการผิวหน้าบาดเจ็บ ระคายเคือง หรืออักเสบได้
- การฉีดยารักษากระ เป็นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง โดยวิธีนี้ควรฉีดซ้ำทุก ๆ 1-2 อาทิตย์ และจะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ประมาณ 7-14 วันหลังฉีด
- การเลเซอร์ความงาม เป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงไปยังบริเวณที่มีปัญหาโดยตรงเพื่อรักษาความผิดปกติของเม็ดสีในชั้นผิว เครื่องเลเซอร์จะทำงานโดยเปลี่ยนคลื่นแสงเป็นพลังงานความร้อน ตรงเข้าเจาะจงทำลายเม็ดสีเมลานินที่อยู่บริเวณชั้นผิวโดยเฉพาะ กระจึงค่อย ๆ จางลง นับเป็นวิธีรักษากระที่อ่อนโยนต่อผิวที่สุด มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด และใช้เวลาในการเห็นผลไม่นาน
วิธีรักษากระที่เห็นผลไวที่สุด
แม้การรักษากระบนใบหน้าด้วยวิธีทางการแพทย์จะมีด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับการยอมรับว่ารักษากระได้ผลไวที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต้องขอยกให้การทำเลเซอร์เลยค่ะ ซึ่งประเภทเครื่องเลเซอร์ที่นิยมใช้รักษากระอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน คือ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า “Pico Laser”
พิโคเลเซอร์ คือ เครื่องเลเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Picosecond ยิงลงไปใต้ผิวหนังด้วยความเร็วสูงสุดระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที มีความจำเพาะสูงในการรักษาเม็ดสีที่ผิดปกติ จึงได้ผลดีต่อการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว ไปจนถึงการลบรอยสัก
เหตุผลที่พิโคเลเซอร์เหมาะสำหรับรักษากระ นั่นเพราะพิโคเลเซอร์เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้รักษาความผิดปกติของเม็ดสีโดยเฉพาะ ทั้งยังมีความแม่นยำสูง สามารถให้บริการแยกเฉพาะจุดโดยไม่ทำลายผิวบริเวณอื่น ๆ โดยรอบ นอกจากนี้พิโคเลเซอร์ยังสามารถกำจัดเม็ดสีไปพร้อม ๆ กับกระบวนการยับยั้งการสร้างเม็ดสี จึงเหมาะสำหรับการรักษากระบนใบหน้าเป็นอย่างมาก
ข้อดีของการรักษากระบนใบหน้าด้วยพิโคเลเซอร์
- ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ทั้งยังเจ็บน้อยกว่าเครื่องเลเซอร์รุ่นเดิม ๆ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังทำ
- ใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อยกว่า ผลการรักษาดีกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องเลเซอร์รุ่นอื่น
- ใช้พลังงานน้อยกว่า ส่งผลให้ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือบาดแผลหลังทำ ทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
- เครื่องพิโคเลเซอร์ใช้ความยาวคลื่นช่วง 755 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงความยาวคลื่นที่ดีที่สุดในการรักษาปัญหาเม็ดสีที่ผิดปกติ (สามารถดูดซึมเม็ดสีเมลานินได้สูงกว่าความยาวคลื่นช่วง 1064 นาโนเมตรถึง 3 เท่า) จึงใช้รักษากระบนใบหน้าได้ดีที่สุด
- นอกจากคุณสมบัติในการทำลายเม็ดสีเมลานินบริเวณชั้นผิวให้จางลง พิโคเลเซอร์ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ๆ ทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนและกระจ่างใสได้อีกด้วย
รักษากระด้วยพิโคเลเซอร์นานไหมกว่าจะเห็นผล
การรักษากระด้วยพิโคเลเซอร์สามารถความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยว่ากระบนใบหน้าค่อย ๆ จางลง แต่อาจจะไม่ได้หายขาดเลยตั้งแต่การทำครั้งแรก จำเป็นต้องใช้ความต่อเนื่องในการรักษา ซึ่งจำนวนครั้งที่แนะนำเพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนที่สุดจะเป็นประมาณนี้ค่ะ
- กระแดดต้องทำประมาณ 1-2 ครั้ง*
- กระลึกต้องทำประมาณ 5-6 ครั้ง*
ส่วนความถี่ในการทำ กระแดดแนะนำให้ทำเลเซอร์ประมาณเดือนละหนึ่งครั้ง ส่วนกระลึกแนะนำให้ทำประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง แต่ทั้งนี้ ระยะเวลารวมถึงจำนวนครั้งย่อมเป็น “ผลการรักษาที่แตกต่างไปตามความหนักเบาของปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล” เพื่อความแม่นยำจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษานะคะ
จากคุณสมบัติที่ถูกสร้างมาเพื่อจัดการปัญหาเม็ดสีในชั้นผิวโดยเฉพาะ จึงส่งผลให้พิโคเลเซอร์กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษากระบนใบหน้ามากที่สุด ทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำว่ากระค่อย ๆ จางลง และถ้าหากดูแลตัวเองดี ๆ หลังทำ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หมั่นทาครีมกันแดดบ่อย ๆ หมั่นทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ก็สามารถป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นกระซ้ำได้อีกด้วยค่ะ