คำเตือน! กินโซเดียมเยอะทำให้หน้าบวม แก้ไขด้วยวิธีไหนดี?

กินโซเดียมเยอะทำให้หน้าบวม

สังเกตได้ว่าคนไทยหลายคนมักติดกับรสชาติอาหารจัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นเผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงผู้ที่เลิฟกับการทานอาหารรสชาติเค็มจัด หรือชอบอาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียมเป็นชีวิตจิตใจที่สายทานเค็มต้องฟังทางนี้! บอกเลยว่าถ้าอยากหุ่นดีผิวสวยควรโบกมือบ๊ายบายโซเดียมกันตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า ก่อนที่มันจะสายจนเกินแก้ไขนะคะ

ทำไมโซเดียมถึงทำให้หน้าบวม

เพราะการทานโซเดียมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ร่างกายมีการกักเก็บน้ำไว้ใต้ชั้นผิวตรงบริเวณต่าง ๆ ทำให้น้ำมีจำนวนมากกว่าปกติ ที่มาของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรือมีใบหน้าที่ดูบวมขึ้น ซึ่งอาการบวมที่เราเห็นนั้นไม่ได้มาจากไขมันแต่มันมาจากน้ำนั่นเองค่ะ หรือที่เราเรียกกันว่า อาการบวมน้ำ ยิ่งใครที่ชอบทานเค็ม ทานอาหารรสชาติจัดจ้านหนีไม่พ้นปัญหานี้อย่างแน่นอน

นอกจากหน้าบวมแล้ว โซเดียมยังทำลายผิวมากกว่านั้น!

โซเดียมไม่ได้เพียงแต่ทำให้หน้าบวมขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ผิวมีความแห้งกร้าน ดูหย่อนคล้อยเร็วอีกด้วย เพราะโซเดียมจากอาหารต่าง ๆ เข้าไปทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพลง เป็นผลให้ผิวเกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า และยังทำให้มีถุงใต้ตาและเกิดสิวง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ ในเมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรรับประทานโซเดียมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะดีกว่านะคะ แต่จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนะที่เป็นจุดรวมตัวของโซเดียมอันมหาศาล

โซเดียมมักอยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง

โซเดียมเป็นส่วนประกอบที่อยู่ในอาหารทุกชนิด แต่ปริมาณของโซเดียมในอาหารก็จะไม่เท่ากัน ซึ่งอาหารที่มีโซเดียมแฝงอยู่ย่างมหาศาลเลยก็คือ อาหารที่มีระยะวันหมดอายุยาวนานมักเป็นอาหารที่ใช้โซเดียมสูง เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก หรืออาหารพวกเครื่องแกง น้ำแกงต่าง ๆ ก็มักอุดมไปด้วยโซเดียมที่เยอะมากเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำจิ้ม น้ำพริก ขนมกรุบกรอบ ผักดอง ผลไม้แช่อิ่ม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่ให้โซเดียมเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมาก

ปริมาณโซเดียมที่ร่างกายควรได้รับ

โดยปกติร่างกายของคนเราในแต่ละช่วงวัย หรือความต้องการโซเดียมในแต่ละเพศจะไม่เท่ากันค่ะ ซึ่งหากเฉลี่ยออกมาแล้วเราไม่ควรรับประทานเกิน 2000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือให้เทียบเป็นมื้อก็ไม่ควรเกิน 600 มิลลิกรัมต่อหนึ่งมื้ออาหาร และในส่วนของกินเล่นไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน

ไม่อยากให้หน้าบวม ควรทำสิ่งนี้!?

เช็กปริมาณโซเดียมในอาหาร – อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ควรปฏิบัติ หากเราต้องการที่จะลดปริมาณโซเดียมลง ไม่ว่าจะรับประทานอาหารชนิดใดก็ควรตรวจสอบปริมาณโซเดียมที่อยู่ในของกินนั้น ๆ ตามฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ที่จะมีส่วนประกอบระบุบอกปริมาณอย่างชัดเจน

หลีกเลี่ยงอาหารโซเดียม – ไม่ว่าจะเป็นอาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การปรุงอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน ของดองต่าง ๆ ขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก เบคอน ไข่เค็ม ค่อย ๆ ลดปริมาณของเหล่านี้ลงและเลือกรับประทานให้มากขึ้น โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่หลาย ๆ คนมักเลือกมาเป็น choice หลักในแต่ละมื้อ หากเราหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ หรือรับประทานให้น้อยลง ลดบวมได้แน่นอนค่ะ

เพิ่มคุณประโยชน์ให้ร่างกาย – ทดแทนสิ่งที่กินเข้าไปด้วยการเพิ่มสารอาหารดี ๆ ให้กับร่างกายมากขึ้น เช่น การรับประทานจำพวกผัก ผลไม้เยอะ ๆ อย่างอัลมอนด์ ข้าวกล้อง เนื้อไก่ ปลากะพงขาว แอปเปิล อะโวคาโด บรอกโคลี หรืออาหารอื่น ๆ ที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ

ออกกำลังกายเผาผลาญ – การออกกำลังกายจะช่วยกระชับกล้ามเนื้อ เผาผลาญของเสียที่อยู่ในร่างกายออกมาในรูปแบบของเหงื่อ และยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายของเราดีขึ้นไปอีก ช่วยให้ของเน่าเสียสิ่งที่เรากินไปทยอยออกจากร่างกาย หากออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยปัญหาหน้าบวม หุ่นบวมไปดีเลยค่ะ

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็คงใช้รอเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกันในระยะยาวค่ะ เพราะโซเดียมที่อยู่ในร่างกายเราเข้ามาสร้างผลกระทบเยอะแยะมากมาย การฟื้นฟูด้วยของกินที่มีประโยชน์ หรือการออกกำลังกายก็ไม่สามารถที่จะช่วยแก้ไขได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น แต่เชื่อเถอะค่ะว่าการที่เราได้เริ่มลงมือแก้ไขย่อมเกิดผลดีต่อตัวเรามากกว่าการตามใจปากอย่างแน่นอน

แต่หากว่าใครที่อยากเห็นใบหน้าที่ดูเรียวสวยได้รูปในระยะเวลาอันรวดเร็ว ก็คงต้องพึ่งเทคนิคทางการแพทย์กันสักหน่อยแล้วละค่ะ ซึ่งวันนี้เราเลยขอแนะนำให้มาปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาผิวหรือปัญหาที่เกี่ยวกับรูปหน้าได้ที่ Doctor Mek Clinic กับคุณหมอเมฆผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูผิวหนัง และทีมแพทย์ เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด และสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาใบหน้าดูบวม ไม่เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจน เราขอแนะนำให้รักษาฟื้นฟูด้วย mint lift นวัตกรรมยอดฮิตช่วยยกกระชับรูปหน้าให้เรียวสวยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องมีการผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ ถูกใจ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว (ผลลัพธ์การรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) หลังทำหน้าไม่เขียวช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 12 เดือน (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) ถือว่าเป็นวิธีการดูแลปรับรูปหน้าที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุด หากได้มาทำการรักษากับผู้ที่มีความชำนาญทางด้านนี้โดยเฉพาะค่ะ