รู้จักกับ AestheFill สารกระตุ้นคอลลาเจน New Gen Biostimulator

Intro โปรแกรม AestheFill

เรียกได้ว่าเป็น New Generation Biostimulator แห่งวงการความงามในขณะนี้อยู่เลยก็ว่าได้ สำหรับ โปรแกรม AestheFill สารที่ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว มาพร้อมคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้ถึงระดับชั้นลึก เสริมสร้างให้สุขภาพผิวดีขึ้นได้ตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกอย่างมีคุณภาพ อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มวอลลุ่มให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู หนึ่งในน้องใหม่แห่งวงการที่น่าจับตามอง เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยดี ๆ ที่จะสามารถปรับปรุงคุณภาพผิวได้อย่างมีคุณภาพ หัตถการนี้ถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์ได้ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ ในบทความนี้จะชวนมาเจาะลึกข้อมูลของโปรแกรม AestheFill ว่ามันคืออะไร? เหมาะกับใคร? ช่วยอะไร? อันตรายไหม ? ราคาเท่าไหร่ ? หรือแตกต่างจาก Biostimulator อื่นอย่างไรเรามีคำตอบไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ

โปรแกรม AestheFill คืออะไร

เป็นนวัตกรรมกลุ่มงานผิวที่มีสาร Poly-D,L-Lactic Acid หรือเรียกสั้น ๆ ว่า PDLLA มาเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูสุขภาพผิวได้ตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นลึก พร้อมฟื้นฟูคอลลาเจนผิวกระชับ อิ่มฟู ดูอ่อนเยาว์ลง และนอกจากจะช่วยปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นแล้วยังสามารถเติมเต็มใบหน้าได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อฉีดสารชนิดนี้เข้าไปแล้วนั้นคอลลาเจนก็จะเริ่มสร้างตัวบริเวณชั้นใต้ผิวหนังให้ผิวค่อย ๆ เติมเต็มดูมีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย เมื่อตัวสารสลายไปแล้วแต่คอลลาเจนที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาเองยังคงผลลัพธ์อยู่ได้ราว ๆ  2 ปีเลยทีเดียว

กระบวนการทำงานของโปรแกรม AestheFill

กระบวนการทำงานของ โปรแกรม AestheFill

โดยลักษณะทางกายภาพของสารชนิดนี้จะเป็นทรงกลม คล้าย ๆ ลูกบอล โดยผิวรอบนอกมีรูพรุนคล้าย ๆ ฟองน้ำ ซึ่งมันจะมีผลต่อฟื้นฟูคอลลาเจนได้เพิ่มมากขึ้นเลยล่ะค่ะ เพราะเมื่อเราฉีด PDLLA เข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวแล้วนั้น สารตัวนี้ก็จะเข้าไปเรียกไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีความสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ให้เข้ามาเกาะผิวบริเวณที่เป็นวงกลมและเข้าไปถึงด้านในรูพรุนนั้นด้วย ดังนั้นมันจึงสามารถฟื้นฟูคอลลาเจนและอีลาสตินของผิวได้ทั้งภายนอกและภายในอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้น ลดเลือนริ้วรอย คืนความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหน้า ฟื้นฟูโครงสร้างของผิวได้ถึงระดับชั้นลึกให้ผิวแข็งแรง อีกทั้งยังสามารถเติมเต็มวอลลุ่มใต้ชั้นผิวได้หลังฉีด*

โปรแกรม AestheFill เหมาะกับใครบ้าง

  • เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียคอลลาเจน ผิวขาดความยืดหยุ่น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวหนาดูอิ่มฟู แข็งแรงขึ้น 

โปรแกรม AestheFill ฉีดจุดไหนได้บ้าง

สำหรับโปรแกรม AestheFill จริง ๆ แล้วมันสามารถนำมาฉีดได้หลายวัตถุประสงค์เลยทีเดียวค่ะไม่ว่าจะเรื่องของการปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น รวมไปถึงเติมเต็มใบหน้า ซึ่งตำแหน่งที่แพทย์นิยมนำมาฉีด ได้แก่

  • บริเวณหน้าผาก
  • บริเวณขมับ
  • บริเวณร่องใต้ตา
  • บริเวณหน้าแก้ม
  • บริเวณร่องแก้ม
  • บริเวณกรอบหน้า

หรือสามารถฉีดได้ทั่วทั้งใบหน้าเพื่อให้ผิวเกิดความตึงกระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาให้แบบโปรแกรม Personalized Treatment เนื่องจากผิวของแต่ละคนมีปัญหาเข้ามาไม่เหมือนกัน ดังนั้นการจัดการปัญหาหรือการฟื้นฟูก็จะแตกต่างกันออกไปด้วยค่ะ

บริการนี้ช่วยเรื่องอะไร

  • ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจน Type1 ให้มากขึ้น
  • ช่วยเติมเต็มใบหน้าให้มีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกให้ดูฟูขึ้น
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดขึ้นตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า
  • ช่วยให้ผิวเกิดการกระชับแข็งแรง
  • ช่วยปรับผิวให้อ่อนเยาว์ลงดูเป็นธรรมชาติ

โปรแกรม  AestheFill มาพร้อม 6 ความโดดเด่นที่ได้รับความนิยม

  1. ให้คุณสมบัติที่สม่ำเสมอ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วสามารถเกาะติดกับเซลล์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
  2. สามารถเข้าไปฟื้นฟูหรือเติมเต็มผิวได้ในหลาย ๆ พื้นที่บนใบหน้า
  3. จากการทดลองตลอด 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีอาการแพ้ ไม่เป็นก้อน และไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย สามารถแก้ไขริ้วรอย เติมเต็มใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ให้ผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปี ซึ่งเมื่อตัวสารย่อยสลายไปแล้ว แต่ตัวคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ก็ยังคงอยู่ในร่างกาย มันจึงสามารถคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้ในระยะยาว
  5. ตัวยาค่อนข้างฉีดง่าย ใช้เวลาไม่นาน ทำให้ผู้เข้ารับบริการเกิดความผ่อนคลายในการรักษา

Before & After

จากภาพเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่าหลังฉีดโปรแกรม AestheFill ไปแล้ว 3 สัปดาห์ ผิวหน้าดูมีความอิ่มฟูและเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ จางลง ซึ่งเกิดจากการสร้างเนื้อเยื่อพร้อมฟื้นฟูคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ภาพรวมของผิวดูสุขภาพดีขึ้น (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

โปรแกรม AestheFill รีวิวความประทับใจจากผู้ใช้บริการจริง

ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของโปรแกรม AestheFill ที่ได้รับรีวิวจากผู้มาใช้บริการจริงที่ Doctor Mek Clinic ซึ่งคนไข้หลายท่านให้ความพึงพอใจต่อผลลัพธ์ของผิวที่ดูดีขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว เสมือนเป็นการฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นจากโครงสร้างตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก พร้อมกลับมาใช้บริการฉีดซ้ำเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบบุคคล)

โปรแกรม AestheFill Vs โปรแกรม Sculptra มีจุดที่แตกต่างกันยังไง

หลายคนเกิดความสับสนว่าแล้วโปรแกรม AestheFill ต่างอะไรกันกับโปรแกรม Sculptra ทั้ง ๆ ที่มันก็มีคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนเหมือนกัน ? มันมีความคล้ายคลึงกันก็จริงค่ะ แต่กระบวนการทำงาน การออกฤทธิ์รวมไปถึงสารประกอบของทั้งสองตัวนี้แตกต่างกัน จะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพกันชัด ๆ ดังนี้

โปรแกรม AestheFill

ความแตกต่าง

โปรแกรม Sculptra

PDLLA

(Poly-D,L-Lactic Acid)

สารประกอบหลัก

 

PLLA

(Poly-L-Lactic Acid)

คนที่ต้องการเสริมคอลลาเจน หรือมีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ

เหมาะกับใคร

 

คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

ไม่กระชับ

● ฟื้นฟูผิวได้ถึงเนื้อเยื่อชั้นลึก

● เติมเต็มผิวให้มีวอลลุ่ม ผิวอิ่มฟูขึ้น

● สามารถฉีดได้ทั่วทั้งใบหน้า

จุดเด่น / ข้อดี

 

●        แก้ไขผิวหย่อนคล้อย เพิ่มวอลลุ่มผิว

●        ฟื้นฟูได้ถึงโครงสร้างผิวชั้นลึก

●        สลายตัวช้า ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

เห็นผลลัพธ์ได้

หลังฉีด และอยู่ได้ประมาณ 1 ปี

ระยะเวลา

ของผลลัพธ์

เห็นผลลัพธ์หลังทำ

2-3 สัปดาห์

และอยู่ได้ประมาณ 2 ปี

โปรแกรม AestheFill Vs โปรแกรม Radiesse แตกต่างกันยังไง ฉีดตัวไหนดีกว่ากัน

โปรแกรม Radiesse เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมมาแรงที่ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนให้กับผิว แน่นอนว่าคำถามที่ตามมาคือมันแตกต่างกับโปรแกรม AestheFill ยังไง ฉีดตัวไหนถึงได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน ?

โปรแกรม AestheFill

ความแตกต่าง

โปรแกรม Radiesse

PDLLA

(Poly-D,L-Lactic Acid)

สารประกอบหลัก

 

CaHA

(Calcium Hydroxylapatite)

คนที่ผิวขาดคอลลาเจน

และขาดความยืดหยุ่น

เหมาะกับใคร

 

คนที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ

ผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย

● เสริมคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวได้จากภายในสู่ภายนอก

● ผลลัพธ์มีความสม่ำเสมอ ดูอิ่มฟู มีความยืดหยุ่น

● ผิวแข็งแรงขึ้น และผลลัพธ์อยู่ได้นาน

จุดเด่น / ข้อดี

 

●        ช่วยเพิ่มคอลลาเจนได้มากถึง 150%

●        ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้นในระยะยาว

●        สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในหลังฉีด

เห็นผลลัพธ์ได้

หลังฉีด  และอยู่ได้ราว ๆ 1 ปี

ระยะเวลา

ของผลลัพธ์

เห็นผลลัพธ์หลังทำ

และอยู่ได้ราว ๆ 2 ปี

โปรแกรม AestheFill Vs โปรแกรม Gouri เหมือนกันไหม แตกต่างกันยังไง

ทั้งสองตัวนี้มีสารที่ช่วยฟื้นฟูชั้นใต้ผิวได้เหมือนกัน ซึ่งจุดเด่นหรือความแตกต่างของโปรแกรม AestheFill และโปรแกรม Gouri จะมีอะไรบ้าง ฉีดตัวไหนดีกว่ากันสามารถนำข้อมูลเปรียบเทียบด้านล่างไปประกอบการตัดสินใจได้เลยค่ะ

โปรแกรม AestheFill

ความแตกต่าง

โปรแกรม Gouri

PDLLA

(Poly-D,L-Lactic Acid)

สารประกอบหลัก

 

PCL

(Polycaprolactone)

คนที่ต้องการเสริมคอลลาเจน หรือมีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ

เหมาะกับใคร

 

คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

ผิวหมองคล้ำ ดูโทรม

● ฟื้นฟูคอลลาเจน ให้ผิวเต่งกระชับ

● ผิวอ่อนเยาว์ลงดูเป็นธรรมชาติ

● สามารถฉีดได้ทั่วทั้งใบหน้า และใต้ตา

จุดเด่น / ข้อดี

 

●        ฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอย

●        ตัวยาสามารถสลายได้ ไม่ทิ้งสารตกค้าง

●        ไม่เสี่ยงต่อการอุดตันในเส้นเลือด

เห็นผลลัพธ์ได้

หลังฉีด และอยู่ได้ราว ๆ 1 ปี

ระยะเวลา

ของผลลัพธ์

เห็นผลลัพธ์หลังทำ

1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้ราว ๆ

6-12 เดือน

หัตถการนี้มีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน

เชื่อว่าหลายคนเกิดความกังวลใจว่าโปรแกรม AestheFill อันตรายไหม ? ขอบอกเลยว่าสาร PDLLA เป็นสารที่ไม่เป็นอันตรายเลยค่ะ เพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถนำมาใช้ในการฟื้นฟูสุขภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามความปลอดภัยในการใช้บริการขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ ซึ่งหลัก ๆ เลยก็คือเราต้องเลือกใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่ชำนาญและมีความรู้ในการรักษา สามารถฉีดได้อย่างตรงจุด และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน

Doctor Mek Clinic ให้บริการฟื้นฟูสุขภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            ทุกการรักษาสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเลยคือ “ผลลัพธ์” ว่ามันจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการแรกของเราหรือไม่ ทำออกมาแล้วมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ปัจจัยเหล่านี้เป็นที่มาของคำถามที่ว่า ควรฉีดที่ไหนดี? Doctor Mek Clinic ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับทุกท่านด้วยการให้บริการภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ที่มีความชำนาญและทักษะด้านการวิเคราะห์ ประเมิน และวางแผนการฟื้นฟูผิว และการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เข้ากับโครงสร้างและปัญหาของแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ และให้ผลลัพธ์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลไว้ พร้อมให้บริการฟื้นฟู ดูแล แก้ไขทุกปัญหาผิวด้วยการรักษาและใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบเลข Lot.จากตัวผลิตภัณฑ์ได้ทุกชิ้นค่ะ

รวมคำถามที่พบบ่อย

ก่อนใช้บริการควรศึกษารายละเอียดหรือข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการที่ต้องการทำ รวมไปถึงคลินิกที่จะเข้าไปใช้บริการเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นไปตามความต้องการของเรา หากศึกษามาอย่างดีแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรทำคือเข้าไปปรึกษาหรือพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับรายละเอียดที่ต้องการทำ จุดไหนที่ต้องการให้คุณหมอช่วยแก้ไข และหากใครที่มีโรคประจำตัว มีอาการแพ้ยา/ยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้บริการทุกครั้งด้วยนะคะ

ข้อควรระวังในการฉีดโปรแกรม AestheFill

  • ใครที่มีบาดแผล มีการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด ควรงดใช้บริการ หรือรอให้แผลเหล่านั้นหายดีก่อน
  • หลีกเลี่ยงการรักษาบริเวณที่มีรอยช้ำ หรือรอยไหม้
  • สตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่ให้นมบุตรไม่ควรใช้บริการ

การดูแลตัวเองหลังใช้บริการ

  • หลังฉีดอาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา หรือนวดบริเวณใบหน้า
  • สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้น
  • หลังฉีด 4-5 ชั่วโมงสามารถล้างหน้าหรือแต่งหน้าได้ตามปกติ
  • บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนเพื่อป้องกันความระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญกับความร้อน เช่น แสงแดดจัด ๆ การซาวน่า อบไอน้ำ หรืออยู่หน้าเตาร้อน ๆ
  • ในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังทำ งดการทำหัตถการประเภทฉีด เพื่อให้ PDLLA ได้ทำการออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ

หลังฉีดแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม

หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์ผิวที่ดูฟูขึ้นได้เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ จากนั้นถัดไปอีก 2-3 สัปดาห์โปรแกรม AestheFill จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างเส้นใยผิวขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้สุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น ผิวหน้ากระชับ และยังสามารถสภาพอยู่ได้ราว ๆ 24 เดือน *ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล

โปรแกรม AestheFill กลับมาฉีดซ้ำได้ไหม ควรเว้นระยะห่างเท่าไหร่

โปรแกรม AestheFill สามารถกลับมาทำซ้ำได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ โดยส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะย่างแต่ละครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หลังฉีดมีผลข้างเคียงหรือเปล่า ต้องพักฟื้นไหม

หลังฉีดเสร็จไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลยค่ะ สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ในส่วนของผลข้างเคียงอาจมีรอยเขียวช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งมันจะหายไปได้เองภายใน 1-2 วัน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนและไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือร่างกายของเราอย่างแน่นอนค่ะ

โปรแกรม AestheFill เจ็บไหม

หัตถการนี้จะอยู่ในระดับความเจ็บที่สามารถทนได้ ซึ่งแพทย์จะมีการใช้ยาชาก่อนฉีดทุกครั้ง ดังนั้นมันจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บให้ลดน้อยลงไปได้บ้าง นอกจากนี้อาจขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์ด้วยค่ะ หากแพทย์มีความชำนาญก็จะสามารถฉีดเข้าไปได้อย่างถูกจุดทำให้เจ็บน้อยลงค่ะ               

โปรแกรม AestheFill ราคาเท่าไหร่

ราคาของโปรแกรม AestheFill จะอยู่ที่ 20,000 บาท* แต่ละคนอาจมีค่าบริการที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและประเมินการรักษาให้แบบรายบุคคล เนื่องจากแต่ละคนมีปัญหาในระดับที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงความต้องการที่อยากแก้ไขก็ไม่เหมือนกัน แพทย์จึงต้องทำการวิเคราะห์และออกแบบการรักษาให้เข้ากับรายบุคคล หากใครต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรืออยากให้แพทย์ช่วยประเมินการรักษาสามารถเข้ามาติดต่อสอบถามได้ที่ช่องทางการติดต่อของ Doctor Mek Clinic หรือ LINE OA : @doctormekclinic มีทีมแพทย์พร้อมให้คำปรึกษาฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

            โปรแกรม AestheFill ถือเป็นนวัตกรรมเพื่อฟื้นฟูคุณภาพ ด้วยสารสกัดที่สามารถเข้ากันได้ดีในร่างกายของเราและยังย่อยสลายได้ด้วยตัวเองตามธรรมชาติ ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ขาดคอลลาเจนในการฟื้นบำรุงผิว มีริ้วรอย ผิวกระชับหรือต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้าก็สามารถทำได้โดยให้แพทย์เป็นผู้ประเมินการรักษา หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ทุกท่านตัดสินใจเลือกวิธีการดูแลสุขภาพผิวได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนะคะ