โปรแกรม Radiesse นวัตกรรมการฟื้นคืนผิวให้ดูอ่อนวัย

ชวนมาทำความรู้จักนวัตกรรมการเติมเต็มพร้อมฟื้นฟูคอลลาเจนผิวโปรแกรม Radiesse ที่กลายมาเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการฟื้นฟูผิว ด้วยคุณสมบัติที่สามารถปรับปรุงคุณภาพผิว (Skin Quality)ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเติมเต็มผิวให้มีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ แก้มซูบ ขมับตอบ หรือรอยเหี่ยวย่นตามลำคอ หลังมือก็สามารถจัดการได้ ซึ่งในบทความนี้ ก็จะพามาล้วงลึกทุกข้อสงสัยไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นคืออะไร? เหมาะกับใคร? เหมือนกับโปรแกรม filler ไหม? ราคาเท่าไหร่? พร้อมแปะรีวิวเปรียบเทียบความแตกต่างกันให้เห็นแบบชัด ๆ ใครกำลังศึกษาผลิตภัณฑ์นี้อยู่ ห้ามพลาดเลยค่ะ

โปรแกรม Radiesse คืออะไร

โปรแกรม Radiesse คือ นวัตกรรมที่จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่พบอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว และจัดอยู่ในกลุ่ม Regenerative Biostimulator มาพร้อมคุณสมบัติเด่นที่ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจน (Type I, Type III) รวมไปถึงอิลาสตินบริเวณใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวสุขภาพดี แข็งแรง ดูยกกระชับ มีความชุ่มชื้น และเพิ่มความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น โดยสารชนิดนี้จะคล้ายคลึงกับฟิลเลอร์ที่อยู่ในกลุ่ม Hyaluronid Acid นั่นเอง

นอกจากนี้แล้ว ผลิตภัณฑ์ Radiesse ยังเป็นสารเติมเต็ม CaHA ในประสิทธิภาพด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้า

ชวนรู้จัก CaHA ตัวช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนให้แก่ผิว

หลายคนไม่ทราบว่าเจ้าตัว CaHA มีความสำคัญต่อสุขภาพผิวของเรายังไง ซึ่งจะบอกว่า สารชนิดนี้เป็นโมเลกุลชนิดเดียวกับกระดูกของเรา และยังเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่พบอยู่ในกระดูกและฟันของเราอีกด้วย เมื่อฉีด CaHA เข้าไปชั้นใต้ผิวหนัง ตัวสารจะเข้าไปทำหน้าที่เติมเต็มวอลลุ่มให้กับผิว ปรับร่องลึกต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้นได้ และเมื่อฉีดเข้าไปแล้วนั้น ตัวสารจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นเหมือนแคลเซียมในกระดูกของเรา พร้อมก่อตัวขึ้นเป็นโครงสร้างลักษณะโครงตาข่ายสามมิติ (3D Matrix) กระตุ้นให้เกิด Fibroblast (ไฟโบรบาสต์) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดให้คอลลาเจนและอิลาสตินได้ทำงาน จากนั้น มันจะเริ่มเกิดเป็นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ตามธรรมชาติ โดยเมื่อเวลาผ่านไป อนุภาคของสาร CaHA มันจะค่อย ๆ สลายตัวไปเหลือเพียงแค่คอลลาเจนใหม่ที่ยังคงอยู่ในร่างกาย

โปรแกรม Radiesse ช่วยอะไรบ้าง

โปรแกรม Radiesse เป็นนวัตกรรมการเติมเต็มผิวที่มาพร้อมกับ 3 คุณสมบัติอันโดดเด่นที่เรียกว่า “The Triple Effect” ที่ช่วยเติมเต็ม ปรับปรุง พร้อมเพิ่มมิติให้แก่ใบหน้า ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นในระยะยาวได้อย่างลงตัว ซึ่ง The Triple Effect จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

  • Versatile Filling – เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกบริเวณใบหน้า ลดรอยเหี่ยวย่นบริเวณลำคอและมือ ทำให้ผิวอิ่มฟูดูเป็นธรรมชาติ
  • Volume Lifting & Contouring – หลังจากที่ CaHA เข้าไปใต้ชั้นผิว มันจะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเป็นโครงสร้างที่ช่วยกระตุ้น Fibroblast ให้เกิดการผลิตเส้นใยคอลลาเจนให้หนาแน่นขึ้น ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับปรับรูปหน้าได้
  • Skin Rejuvenation – ปรับปรุงคุณภาพผิว กระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ปรับผิวให้ดูกระจ่างใส อิ่มฟู และยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ผิวได้อีกด้วย

โปรแกรม Radiesse เพิ่มประสิทธิภาพผิวให้ดีขึ้นได้ในระยะยาวด้วยการฟื้นฟูทั้ง 5 ประการ

ซึ่งนอกจากจะมาพร้อม 3 คุณสมบัตินี้แล้วนั้นโปรแกรม Radiesse ยังสามารถฟื้นฟูคุณภาพผิวได้ถึง 5 องค์ประกอบ ที่ทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว ได้แก่

  1. ฟื้นฟูคอลลาเจน Type I ให้เพิ่มมากขึ้น
  2. ฟื้นฟูคอลลาเจน Type III ให้เพิ่มมากขึ้น
  3. ช่วยเพิ่มอิลาสตินให้กับผิวมากขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  4. เพิ่มสารหล่อเลี้ยงผิว หรือ Proteoglycan ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น
  5. เพิ่มสารอาหารหล่อเลี้ยงผิว Angiogenesis พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวสุขภาพดี

โปรแกรม Radiesse เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 30-35 ปีขึ้นไป ที่กำลังมีปัญหาการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน
  • ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าเริ่มมีความหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
  • ผู้ที่มีปัญหาผิว สุขภาพผิวไม่ดี หรือขาดการบำรุงผิวเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ
  • ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือรอยย่นบริเวณรอบปาก
  • ผู้ที่มีรอยเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ ลำคอ และเนินอกสำหรับคุณผู้หญิง
  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวให้แข็งแรงในระยะยาว

โปรแกรม Radiesse มีทั้งหมดกี่รุ่น แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร

ในปัจจุบันมีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่โปรแกรม Radiesse และโปรแกรม Radiesse + ซึ่งสองตัวนี้จะให้คุณสมบัติและความโดดเด่นของผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองรุ่นนี้ สามารถนำมาใช้ควบคู่กันได้เพิ่มประสิทธิผลลัพธ์ ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่า แต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติอย่างไร แล้วใช้ต่างกันยังไง

โปรแกรม Radiesse รุ่นนี้จะเป็นสารเติมเต็มที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการนำมาฟื้นฟูริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับที่รุนแรง เช่น รอยพับบนใบหน้า ร่องแก้ม ช่วยเสริมใต้ชั้นผิวให้เกิดการฟื้นฟูคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้น ฟื้นฟูผิวจากความแห้งกร้านให้ดูเต่งตึงขึ้น และช่วยลดปัญหาการสูญเสียไขมันบริเวณใบหน้า มักนิยมนำมาฉีดรอยพับ ร่องลึกหรือบริเวณหลังมือและเนินอก

โปรแกรม Radiesse (+) รุ่นนี้จะแตกต่างจากรุ่นแรกตรงที่มีส่วนประกอบของ Lidocaine หรือยาชารวมอยู่ด้วยในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยบรรเทาอาการเจ็บขณะฉีดได้ นอกจากนี้แล้ว ความโดดเด่นของรุ่น Plus ก็คือในเรื่องของการเก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่ต้องการความละเอียดมากกว่า ทำให้รอยพับหรือรอยเหี่ยวย่นตามจุดต่าง ๆ ตื้นขึ้น เสริมให้ผิวดูอ่อนวัย

โปรแกรม Radiesse vs  โปรแกรม Sculptra ต่างกันยังไง ฉีดตัวไหนดีกว่ากัน

โปรแกรม Radiesse vs โปรแกรม Sculptra ทั้งสองตัวนี้ เรียกได้ว่ามันช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนเหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งก็จะทำให้หลายท่านสงสัยว่า ข้อแตกต่างของสองผลิตภัณฑ์นี้ มันไม่เหมือนกันยังไง แล้วฉีดตัวไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน ในบทความนี้ เราก็เลยจะขอมาสรุปเป็นตารางเพื่อให้เข้าใจกันง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ

ซึ่งแน่นอนว่า สภาพผิวของแต่ละคน ก็จะมีปัญหาความหนักเบาที่แตกต่างกันออกไป บางรายผิวต้องการเพิ่มวอลลุ่ม บางรายก็ต้องการเติมเต็มคอลลาเจนให้ผิวดูเต่งตึง สุขภาพดี ซึ่งทางที่ดีที่สุด แนะนำให้เข้าไปปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ได้ทำการประเมินและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับเราค่ะ

Before & After โปรแกรม Radiesse

จากภาพเปรียบเทียบก่อนทำและหลังทำของคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการฉีดโปรแกรม Radiesse สังเกตเห็นได้ว่า ก่อนทำใบหน้าดูมีความหย่อนคล้อย ผิวไม่ตึงกระชับและมีริ้วรอยเล็ก ๆ ตามจุดต่าง ๆ ทำให้ใบหน้าดูมีอายุขึ้น ซึ่งหลังจากที่ทำไปแล้ว ผิวหน้าดูยกกระชับขึ้น มีความเต่งตึง ริ้วรอยดูลดเลือนลง (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

รีวิวโปรแกรม Radiesse จากผู้ที่เข้ามาใช้บริการ

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผู้ที่เข้ามาใช้บริการฉีดโปรแกรม Radiesse กับทางคลินิก ซึ่งหลายคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจริง ๆ แม้ทำเพียงครั้งแรก รอยเหี่ยวย่นลดลง แต่ความเต่งกระชับของผิวนั้นมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งบริเวณที่ดูซูบตอบก็ดูอิ่มฟูขึ้น มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

โปรแกรม Radiesse ราคาเท่าไหร่

โปรแกรม Radiesse ราคาจะอยู่ที่ 29,000 บาท* ทั้งนี้ค่าบริการแต่ละเคสอาจมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและช่วงอายุของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ อาจมีในเรื่องของโปรโมชั่นที่ทางคลินิกจัดขึ้นในช่วงเทศกาลต่าง ๆ หากสนใจทำหัตถการนี้ สามารถทักเข้าไปสอบถามเพิ่มเติมหรือให้แพทย์ช่วยประเมินการรักษาเบื้องต้นก่อนได้ค่ะ

โปรแกรม Radiesse ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

การฉีดโปรแกรม Radiesse เป็นนวัตกรรมการเติมเต็มผิวพร้อมปรับโครงสร้างเส้นใยผิวที่ช่วยให้ผิวดูแข็งแรง สดใส สุขภาพดี อีกทั้งยังช่วยทดแทนคอลลาเจนที่หายไปตามอายุ ให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งตำแหน่งที่เหมาะแก่การฉีด ได้แก่

  • ร่องแก้ม – ช่วยเติมเต็มให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น เสริมใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ลง
  • ร่องน้ำหมาก – เติมเต็มบริเวณที่มีร่องน้ำหมากให้ตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียน
  • หน้าแก้ม – เติมเต็มบริเวณหน้าแก้มที่ซูบตอบให้มีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น แก้ไขปัญหาหน้าแก่หน้าโทรม
  • ขมับ – เติมเต็มบริเวณขมับให้ดูอิ่มฟู สุขภาพดี
  • กรอบหน้า – ปรับให้กรอบหน้าดูคมชัดมาก ยกกระชับหน้า
  • ลำคอ – ลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณลำคอให้เรียบเนียน เต่งตึง
  • หลังมือ – แก้ไขรอยเหี่ยวย่นหลังมือให้กลับมาตึงกระชับ
  • เนินอก – แก้ไขปัญหารอยย่นบริเวณหน้าอก

ซึ่งบริเวณที่แพทย์ไม่แนะนำให้ฉีด เพราะอาจเกิดปัญหาตามมาได้ก็คือบริเวณร่องระหว่างคิ้ว จมูก รอบดวงตา และบริเวณริมฝีปาก ที่แพทย์จะต้องมาประเมินอย่างละเอียดว่าควรใช้วิธีการใดในการรักษา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม

การเตรียมตัวก่อนเข้าใช้บริการ

  • งดอาหารเสริมและยากลุ่มที่ทำให้เลือดแข็งตัว เช่น วิตามินอี กระเทียม แปะก๊วย
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้การรักษาเอื้อต่อการสร้างคอลลาเจนใหม่
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ทุกชนิดก่อนเข้ารับบริการ 1-3 วัน
  • ก่อนเข้ารับบริการ 2-4 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้าหรือบริเวณที่จะฉีด

การดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการ

  • ภายใน 12 ชั่วโมงแรก ยังไม่แนะนำให้ใช้เครื่องสำอางเพราะอาจมีสิ่งแปลกปลอมจากเครื่องสำอางเข้าไปเกาะบริเวณรอยเข็มได้
  • 24 ชั่วโมงหลังฉีด หลีกเลี่ยงการสัมผัส ลูบคลำบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้รอยเข็มหายช้า หรือเกิดการติดเชื้อได้จากสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ตามนิ้วมือ
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก ที่ทำให้เหงื่อออกในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการนอนคว่ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  • สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมช้ำได้ตามความเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญความร้อน เช่น การอยู่ในแสงแดดเป็นเวลานาน การอบซาวน่า
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อกระตุ้นการทำงานของร่างกาย
  • ดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

ข้อควรระวังในการใช้บริการ

  • สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว มีประวัติแพ้ยาชา หรือมียาที่ทานเป็นประจำก่อนใช้บริการ ควรแจ้งให้แพทย์ได้รับทราบอย่างละเอียด
  • ผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบ หรือมีอาการติดเชื้อตรงบริเวณที่ฉีด แนะนำให้รักอาการเหล่านี้ให้หายดีก่อนเข้ารับบริการ
  • หัตถการนี้ยังไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร
  • หัตถการนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
  • หัตถการนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ หรือมีประวัติอาการแพ้ชนิดรุนแรง

การฉีดโปรแกรม Radiesse อันตรายไหม

สำหรับการฉีดโปรแกรม Radiesse ไม่เป็นอันตรายค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์นี้ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ว่าสามารถใช้ได้ทั้งใบหน้าและหลังมือโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

5 จุดสังเกต! โปรแกรม Radiesse ที่ได้มาตรฐานเช็คยังไง

เช็คเรเดียสของแท้ จุดสังเกตที่ 1 มีรายชื่อคลินิกบนเว็บไซต์

จุดที่ 1 : คลินิกที่นำเข้าผลิตภณฑ์ที่ได้มาตรฐาน จะต้องมีรายชื่อบนเว็บไซต์ www.merzaesthetics.co.th

เช็คเรเดียสของแท้ จุดสังเกตที่ 2 หน้าคลินิกมีสติกเกอร์

จุดที่ 2 : หน้าคลินิกจะต้องมีสติกเกอร์ Certified Injector

เช็คเรเดียสของแท้ จุดสังเกตที่ 3 มีใบ Certificated ของแพทย์ในคลินิก

จุดที่ 3 : มีใบ Certificated Injector ของแพทย์ในคลินิกที่ผ่านการอบรม

จุดที่ 4 : ตัวกล่องจะต้องมีสติกเกอร์ Merz Check ที่สามารถสแกนได้

จุดที่ 5 : หลังเข้ารับบริการทุกเคสจะได้รับ Skin Rejuvenation Club Card จากคลินิก เพื่อยืนยันการใช้ของแท้ที่ได้มาตรฐานจากบริษัท Merz Aesthetics

เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากควรใช้บริการที่ไหนดี

ในปัจจุบันนี้ คลินิกเสริมความงามเปิดให้บริการอยู่มากมาย ดังนั้น การเลือกคลินิกจึงมีความจำเป็นอย่างมาก และเพื่อให้มั่นใจว่าหลังฉีดไปแล้วผลลัพธ์ที่ได้จะมีคุณภาพและมีความปลอดภัย เราควรเลือกใช้บริการกับคลินิกเหล่านี้ค่ะ

  1. คลินิกที่มีการเปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย ผ่านการรับรองตามมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
  2. คลินิกที่มีแพทย์ที่มีทักษะและความรู้ มีใบประกอบวิชาชีพและผ่านการฝึกอบรมการฉีดโปรแกรม Radiesse
  3. คลินิกที่มีการประเมิน วิเคราะห์ปัญหารายบุคคลอย่างละเอียด และสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน พร้อมทั้งติดตามผลหลังทำอย่างใกล้ชิด
  4. คลินิกที่ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน นำเข้าจากบริษัท Merz Aesthetics โดยตรง
  5. คลินิกที่มีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน มีการเดินทางสะดวกสบาย
  6. คลินิกที่มีรีวิวชัดเจนทุกแพลตฟอร์มทั้งในรูปแบบภาพ คลิป หรือตามคอมเมนท์ต่าง ๆ

เรื่องงานผิวไว้ใจคลินิกเรา

ที่นี่ไม่ได้โดดเด่นแค่เฉพาะโปรแกรมฟิลเลอร์เพียงเท่านั้น แต่เรื่องงานผิว เราก็ยังเได้นำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่องานผิวหลายรูปแบบมาเพื่อรองรับทุกการรักษาและปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละคน ซึ่งในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่โปรแกรม Radiesse ก็ยังมีการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ส่งตรงจากบริษัท MERZ AESTHETICS (MERZ Healthcare Thailand) เป็นบริษัทนำเข้าเรเดียสซ์ในไทย นอกจากนี้ในทุก ๆ ขั้นตอนการรักษา เรายังให้การดูแลภายใต้คุณหมอเมฆ และทีมแพทย์ผู้มีทักษะด้านการดูแลความงามใบหน้า และสุขภาพผิว พร้อมเลือกใช้เทคนิคการรักษาและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับปัญหารายบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Q&A รวมคำถามที่พบบ่อย

ระหว่างทำเจ็บไหม

ระดับความเจ็บของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่จากการรักษาโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่เข้ารับบริการต่างรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือเจ็บในระดับที่ทนได้ เนื่องจากก่อนฉีดแพทย์จะทำการใช้ยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บให้ลดน้อยลง โดยระหว่างที่ตัวยาเข้าสู่ใต้ชั้นผิวคนไข้อาจได้รับความรู้สึกหน่วงเล็ก ๆ ในตำแหน่งที่ฉีดค่ะ

หลังฉีดกี่วันถึงจะเห็นผล

ผลลัพธ์จะแยกออกเป็นสองส่วนก็คือ ในส่วนแรกด้านการเติมเต็ม หรือยกกระชับผิวหน้าส่วนล่าง จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้หลังฉีดเสร็จ แต่ในส่วนของผลลัพธ์ด้านการปรับปรุงคุณภาพผิว มันจะไม่สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนในวันแรก แต่มันจะค่อย ๆ ทำปฏิกิริยาโครงสร้างผิวภายใน ทำให้ผลลัพธ์มันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ

หลังฉีดแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานกี่เดือน

หลังฉีดไปแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้ 24 เดือน หรืออยู่ได้ราว ๆ 2 ปี* เลยค่ะ คุณภาพผิวจะเริ่มค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนในช่วง 3-4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระยะเวลาที่แน่นอนในแต่ละคนก็อาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิว การดูแลตัวเองและการใช้ชีวิตประจำวัน

หลังฉีดไปแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังเข้ารับบริการคือ บางรายอาจมีอาการแดง มีรอยบวมช้ำเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ประมาณ 3-5 วันแรก เป็นอาการปกติที่มักเกิดขึ้นได้ในทุก ๆ เคส คนไข้ไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ เพราะหลังจาก 5 วันไปแล้ว อาการเหล่านี้มันจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง

ควรฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

มีหลายคนที่ถามกันเข้ามาว่า หัตถการนี้ควรฉีดกี่เข็มดีถึงจะได้ผลลัพธ์ของสุขภาพผิวที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วการฉีดโปรแกรม Radiesse จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดเลยค่ะ โดยเฉพาะผลลัพธ์ในเรื่องของการเติมเต็มปริมาตรให้กับผิว ก็จะสามารถเห็นได้เลยหลังฉีด (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) ซึ่งข้อดีของผลิตภัณฑ์นี้คือ ให้ผลลัพธ์นานไม่ต้องกลับมาฉีดบ่อย ๆ

สามารถใช้บริการร่วมกับโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ ได้หรือไม่

เครืองยกกระชับ อาทิเช่น โปรแกรมThermage FLX , โปรแกรม Ultherapy สามารถทำได้ค่ะ หากคนไข้ไม่สะดวกกลับมาใช้บริการหลายรอบ ซึ่งแพทย์จะทำการยกกระชับหน้าก่อนแล้วค่อยฉีดฟื้นฟูคอลลาเจน แต่ทางที่ดีหากคนไข้มีเวลาหรือสามารถรอได้ แพทย์จะแนะนำให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน เช่น หากคนไข้ต้องการฉีดฟื้นฟูคอลลาเจนก่อน หลังจากนั้น 4-6 สัปดาห์ ค่อยกลับมาทำเครื่องยกกระชับ หรือท่านใดที่ทำเครื่องยกกระชับมาก่อนแล้ว ก็ควรเว้นระยะห่างสัก 4 สัปดาห์ จากนั้นค่อยกลับมาฉีดฟื้นฟูคอลลาเจน

เคยฉีด Biostimulator ตัวอื่น ๆ มาก่อนสามารถฉีดได้ไหม เกิดผลกระทบหรือเปล่า

หลายคนกลัวว่าฉีดไปแล้วมันจะเข้าไปตีกันไหม หรือก่อนหน้านี้ เคยฉีดอีกตัวนึงมา อยากลองฉีดผลิตภัณฑ์ตัวนี้ดูบ้าง สามารถทำได้หรือเปล่า?
สามารถฉีดได้ค่ะ ไม่เป็นอันตรายต่อผิวและไม่เกิดผลกระทบอื่น ๆ ตามมา แต่จะต้องเว้นระยะห่างประมาณ 3-6 สัปดาห์ จึงจะสามารถฉีดได้ หรือใครที่มีความกังวลใจ สามารถปรึกษาแพทย์ให้ช่วยประเมินการรักษาเบื้องต้นได้เลยค่ะ

สรุป

การฉีดโปรแกรม Radiesse เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมการเติมเต็มและปรับโครงสร้างเส้นใยผิว เพื่อฟื้นฟูปรับปรุงคุณภาพผิวที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติที่สามารถเติมเต็มผิวได้คล้ายกับโปรแกรม HA Filler อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึกและปรับปรุงโครงสร้างผิวให้ดีขึ้นได้ในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำให้เลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีแพทย์ที่มีความรู้และทักษะในการรักษา หากใครสนใจสามารถเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือให้แพทย์ช่วยประเมินการรักษาที่เหมาะสมได้ ทางเรายินดีให้คำปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ