หน้าแก่เกิดจากอะไร สำรวจพฤติกรรมของตัวเองก่อนสายเกินแก้

หน้าแก่เกิดจากอะไร

หน้าแก่เกิดจากอะไร? เคยสังเกตใบหน้าของตัวเองกันบ้างไหมคะว่าอายุเพิ่งเท่านี้เอง ทำไมถึงเริ่มมีริ้วรอย ร่องลึก แล้วทำไมผิวของเราถึงเริ่มหย่อนคล้อย ไม่กระชับ จนทำให้หน้าดูไปก่อนวัยกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดได้จากทั้งปัจจัยภายในร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเอง ดังนั้นไปทำความเข้าใจกันดีกว่าค่ะว่าปัจจัยที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยอันควรมีอะไรบ้าง เพื่อจะได้รีบสำรวจพฤติกรรมของตัวเองก่อนสายเกินแก้นะคะ

หน้าแก่เกิดจากอะไร?

ปกติแล้วสภาพผิวหน้าของเราจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวัย ยิ่งเราอายุมากขึ้น ผิวหน้าของเราก็จะยิ่งบางลง หยาบกร้าน และหย่อนคล้อยได้ง่าย และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเผลอทำพฤติกรรมทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว สภาพผิวก็จะยิ่งเสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิมจนทำให้เกิดปัญหา “หน้าแก่กว่าวัย” ในที่สุด ซึ่งความแก่ของผิวหน้าสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายในและภายนอกรวมกัน โดยสามารถแบ่งให้เห็นได้อย่างชัดเจน ดังนี้

ปัจจัยภายในที่ทำให้หน้าแก่ (Intrinsic Aging)

ปัจจัยภายในที่ทำให้ผิวหน้าของเราเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร มักมีที่มาจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวและเนื้อเยื่อของผิวหนัง ยกตัวอย่างเช่น หากผิวของเราสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ในชั้นผิวไป ความยืดหยุ่นของผิวก็จะลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดความไม่กระชับ จนทำให้เกิดปัญหาผิวเหี่ยว รวมถึงริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้าในที่สุด

และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวเหี่ยวเร็วนั่นคือ ไขมันใต้ชั้นผิว ในตอนที่เราอายุยังน้อย ใต้ผิวหนังของเราจะมีไขมันสะสมอยู่บริเวณต่าง ๆ ทั่วใบหน้า เช่น หน้าผาก แก้ม รอบดวงตา และรอบปาก แต่ไขมันเหล่านี้จะค่อย ๆ สลายไปเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวของเราจึงบางลง ซึ่งกระบวนการนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นอกจากนี้ การที่ผิวของเราแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า สามารถเกิดได้จากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ของเราลดน้อยลง (มักเกิดในผู้หญิงวัยทอง) ดังนั้นผู้หญิงคนไหนที่หมดประจำเดือนไว ผิวก็จะยิ่งเสื่อมสภาพไวขึ้นค่ะ

ปัจจัยภายนอกที่ทำให้หน้าแก่ (Extrinsic Aging)

สำหรับปัจจัยภายนอกมักมีที่มาจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการที่ผิวสัมผัสกับรังสียูวีจากแสงแดดอยู่เสมอ ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวถูกแสงยูวีทำลาย ก่อให้เกิดปัญหาผิวแห้ง ผิวบางลง และเกิดเป็นปัญหาริ้วรอยจนทำให้หน้าดูแก่ได้

นั่นจึงหมายความว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมรอบตัวสามารถส่งผลกระทบต่อผิวโดยตรงและทำให้ผิวหน้าของเราดูแก่กว่าวัย ซึ่งนอกจากแสงยูวีที่ทำให้ผิวแห้ง ผิวคล้ำเสีย เกิดฝ้า กระ หรือริ้วรอยได้ง่ายแล้ว การได้รับมลพิษหรือสารเคมีต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันสามารถไปกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำเหล่านี้ได้ โดยปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นให้ผิวแก่เร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

  • การสูบบุหรี่ : เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่จะกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ทั้งยังทำให้การไหลเวียนโลหิตผิดปกติ มีผลให้ผิวหยาบกร้าน เหี่ยวย่น และมีริ้วรอย
  • ท่านอนบางท่า เช่น การนอนตะแคงหรือนอนคว่ำอาจทำให้ผิวหน้าเสียดสีหรือกดทับกับหมอนจนเกิดริ้วรอยขึ้น ในตอนที่เราอายุยังน้อยอาจจะสังเกตผลกระทบได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราอายุมากขึ้น ผิวเริ่มขาดความยืดหยุ่น ก็จะยิ่งเห็นผลจากปัจจัยนี้ได้ชัดเจนขึ้น
  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้อาจทำให้ผิวแห้ง หย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว
  • การรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่มีการขัดสีสูง : อาหารเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อคอลลาเจนในชั้นผิว หากเรากินของหวานหรือคาร์โบไฮเดรตที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลในภายหลังมาก ๆ น้ำตาลในเลือดจะไปจับโปรตีนในร่างกายและเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว มีผลให้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอย จนทำให้ผิวแก่ก่อนวัยอันควรได้
  • พฤติกรรมไม่ชอบล้างเครื่องสำอาง เช่น การหลับทั้ง ๆ ที่ยังมีเครื่องสำอางบนใบหน้า หรือแม้กระทั่งการล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด เช็ดเครื่องสำอางแรงเกินไป พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผิวของเราเกิดการหมักหมม จนเกิดเป็นปัญหาสิวและริ้วรอยตามมา

วิธีจัดการผิวแก่ ดูแลผิวอย่างไรให้ผิวกลับมากระชับ แลดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

สำหรับวิธีจัดการผิวแก่ก็สามารถทำได้ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบ ไปจนถึงการหมั่นบำรุงผิวไม่ให้ผิวของเราเสื่อมสภาพไปมากกว่าเดิม แต่นอกจากนี้ เรายังสามารถคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวได้ด้วยการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวที่ถูกทำลายไป เพื่อเป็นการฟื้นฟูให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีได้ตรงลึกถึงต้นตอ

อัลเทอร่า คือเทคโนโลยียกกระชับที่มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงและมีความเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ยิงลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้ผิวเกิดการยกกระชับขึ้น โดยหลักการทำงานของเครื่องนี้จะเป็นการปล่อยคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจงในระดับความถี่สูงลงไปในผิวชั้น SMAS (ชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า) เพื่อให้เกิดความร้อน 60-70°C พลังงานที่ยิงลงสู่ผิวจะมีลักษณะเป็นจุดพลังงานขนาด 1 mm. คล้ายจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ผิว จึงช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย ทำให้ผิวยกกระชับขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

จุดเด่นของการคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวด้วยวิธีนี้คือ สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยผิวจะเปลี่ยนแปลงหลังจากทำทันทีประมาณ 30% แล้วจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นอย่างเต็มที่ในช่วงเดือนที่ 3-6 หลังทำจะช่วยยกกระชับผิว เก็บกรอบหน้าให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวกลับมาดูเฟิร์ม ลดปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ อย่างได้ผลดี

การทำอัลเทอร่าผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี และที่สำคัญคือ เป็นวิธียกกระชับผิวที่มีความปลอดภัยสูง อยู่ในความดูแลของแพทย์ทุกขั้นตอน สำหรับใครที่เช็กผิวแล้วรู้สึกว่าผิวหน้าของเราเริ่มมีปัญหา ก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ผิวมีสภาพเกินเยียวยาก่อนแล้วค่อยหาทางรักษา เพราะแบบนั้นอาจจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยากจะแก้ไขในอนาคตได้นะคะ