รู้หรือไม่! ใบหน้าสัดส่วนทองคำ โครงหน้า Golden Ratio ตามอุดมคติ เป็นความสวยที่ไม่ได้ใช้แค่ความรู้สึก เพราะยังมีทฤษฎีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ใช้อัตรากำหนดความงาม ความเป๊ะของโครงสร้างใบหน้า ทางเราก็ไม่รอช้าที่จะพาทุกท่านมารู้จักกับทฤษฎีดังกล่าวว่ามันคืออะไร มีหลักเกณฑ์ในการวัดอย่างไรบ้าง หรือถ้าเราต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม ควรทำวิธีไหนดี อยากรู้ต้องดูค่ะ
ใบหน้าสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) คืออะไร
ขออธิบายก่อนว่า ใบหน้าสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) เป็นสิ่งที่วัดความสมดุลของศิลปะ ต้นไม้ ดอกไม้ หรือสิ่งของต่าง ๆ รวมไปถึงใบหน้า ที่เป็นเกณฑ์วัดได้ว่าองค์ประกอบที่อยู่บนใบหน้าของเรานั้น ถูกจัดวางในตำแหน่งที่สมดุลกันหรือไม่ ตามหลักจะวัดกันที่ตั้งแต่บริเวณคางจนถึงกลางริมฝีปาก ตั้งแต่ริมฝีปากจนถึงกลางตา ตั้งแต่คางมาจนถึงปลายจมูก และตั้งแต่ปลายจมูกจนมาถึงหน้าผาก ซึ่งระยะห่างของแต่ละส่วนที่กล่าวไปนั้น จะต้องอยู่ที่ 1:1.618 หากลองวัดดูแล้วปรากฏว่าใบหน้าเราตรงตามสัดส่วนที่ระบุไป ก็จะถือว่าใบหน้าเรานั้นสวยงามตามหลักทฤษฎีสัดส่วนทองคำค่ะ
ใบหน้าสัดส่วนทองคำมีเกณฑ์ในการวัดอย่างไร
หากใครที่สงสัยว่าแล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าใบหน้าของเรามีสัดส่วนทองคำตามหลักทฤษฎี Golden Ratio เรามีวิธีการวัดส่วนใบหน้ามาให้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ดังนี้ค่ะ
1. วัดความสมมาตร (Symmetry)
วิธีนี้จะเป็นการวัดความเท่ากันของใบหน้าทั้งสองข้าง โดยตั้งเส้นกึ่งกลางไม่เป็นแกนหลักบนใบหน้า เพื่อวัดความสมมาตรระหว่างใบหน้าข้างซ้ายและข้างขวา ที่จะต้องมีขนาดรวมไปถึงความกว้างที่เท่ากัน สามารถดูองค์ประกอบอื่น ๆ ได้จาก
- ความกว้างบริเวณใบหน้าส่วนบน (Upper Face) – วัดได้จากจุดกึ่งกลางของแนวผม มาจนถึงกึ่งกลางระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง
- ความกว้างบริเวณใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face) – สามารถวัดความสูงและความกว้างของโหนกแก้มได้ ทั้งเวลาช่วงที่ทำหน้ายิ้มหรือหน้านิ่ง
- ความกว้างบริเวณกรอบหน้า (Lower face) – เช็คได้จากความกว้างของกรอบหน้าและขนาดกลางได้ทั้งเวลาที่ทำหน้ายิ้มและทำหน้านิ่ง
2. วัดตามแนวนอนใบหน้า (Horizontal Grids)
วิธีที่ 2 จะเป็นการวัดตามแนวนอนของใบหน้า โดยจะต้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วนในอัตรา 1:1:1 ตามหลักทฤษฎีของสัดส่วนทองคำ ความยาวทั้ง 3 ส่วนนี้ จะต้องเท่า ๆ กันทุกส่วน ซึ่งเราสามารถวัดจากองค์ประกอบเหล่านี้ค่ะ
- ส่วนที่ 1 : Upper Face – ส่วนบนนี้จะวัดตั้งแต่ขอบไรผมมาจนถึงบริเวณหัวคิ้ว โดยจะต้องมีความกว้างเท่ากับ 2 ส่วนด้านล่าง หากมีสัดส่วนที่แคบจนเกินไป ก็จะทำให้ใบหน้าดูสั้น หรือหากมีความยาวจนเกินไป ก็จะทำให้ดูหัวเถิกได้
- ส่วนที่ 2 : Middle Face – ใบหน้าส่วนกลางจะวัดตั้งแต่ช่วงหัวคิ้วมาจนถึงปลายจมูก โดยในส่วนนี้จะบ่งบอกถึงความยาวของจมูกที่เหมาะสม หากมีระยะที่พอดีก็จะทำให้ใบหน้ามีสัดส่วนที่สมดุลมากยิ่งขึ้น
- ส่วนที่ 3 : Lower Face – ใบหน้าส่วนล่างนี้ จะวัดตั้งแต่บริเวณปลายจมูกมาจนถึงปลายคาง หากมีระยะที่สั้นจนเกินไป ก็จะทำให้ใบหน้าดูกลม ไม่มีมิติ แต่ถ้าหากว่ายาวจนเกินไป ก็จะทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนหรือทำให้หน้าดูแหลมขึ้นได้
3. วัดตามแนวตั้งใบหน้า (Vertical Grids)
วิธีสุดท้ายจะเป็นการวัดจากใบหน้าฝั่งซ้ายไปจนถึงใบหน้าฝั่งด้านขวา เป็นการวัดแบบแนวตั้งโดยจะแบ่งออกมาเป็น 5 ส่วน การวัดสัดส่วนด้วยวิธีนี้จะบ่งบอกถึงความกว้างของใบหน้า ซึ่ง 5 ส่วนนี้ จะต้องมีความกว้างในระดับที่เท่ากัน สำหรับบางคนที่มีโหนกแก้มสูง หรือมีไขมันบริเวณช่วงแก้มเยอะ ก็จะทำให้ใบหน้าดูกว้างขึ้น และเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจจะเผชิญปัญหาหน้าตอบลงได้ค่ะ
ทำยังไงให้ได้ใบหน้าสวยงามตาม Gloden Ratio
การที่เราจะได้ใบหน้าสัดส่วนทองคำที่สมดุลกันตาม Golden Ratio นั้นยากมากซะจริง ๆ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างกระดูกที่เราไม่สามารถจัดการได้เองในเบื้องต้น อย่างเช่น บางคนคางตัด คางสั้น คางเป็นคลื่น ที่ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถคอนโทรลได้ เพราะเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปค่ะ เพราะในปัจจุบันมีเทคนิคทางการแพทย์เข้ามาเยอะแยะมากมาย แต่เทคนิคที่ได้รับเสียงตอบรับมากเพราะเป็นเทคนิคที่ทำแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยไม่ต้องพักฟื้นเลยนั่นก็คือ ฟิลเลอร์คาง เป็นหัตถการของการเติมเต็มรูปคาง หรือปรับรูปหน้าให้สมดุลด้วยการฉีดสารเติมเต็มบริสุทธิ์ประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด เข้าไปเติมในจุดที่มีร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น หรือปรับรูปคางที่ดูสั้นให้ยาวสมส่วนรับกับใบหน้าได้อย่างลงตัวนั่นเอง อีกทั้งยังเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ชั้นผิวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ใบหน้าสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ล้วนแล้วแต่เป็นใบหน้าในอุดมคติของใครหลายคน แต่การที่เราจะมีรูปหน้าได้เช่นนั้น ก็ต้องอาศัยหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง หากใครที่ต้องการปรับรูปหน้า หรือต้องการปรับรูปคาง สามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Doctor Mek Clinic ที่นี่เราพร้อมสแตนบายการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่จะให้คำปรึกษา วิเคราะห์ ประเมิน และใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะที่ไม่เหมือนใครให้แบบรายบุคคลค่ะ