พามาเจาะลึกกับเครื่อง Oligio นวัตกรรมเพื่อการยกกระชับผิวตัวใหม่ล่าสุด นำเข้ามาจากประเทศเกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยสมดั่งใจ พร้อมสลายไขมันส่วนเกินตามหน้าแก้ม เหนียง อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย กระชับรูขุมขนได้ในเครื่องเดียวโดยไม่ต้องพึ่งยาชา ไม่เจ็บ ไม่เบิร์นผิว มอบความสบายผิวระหว่างทำ เหมาะสำหรับคนที่กลัวเจ็บ เป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยประสิทธิภาพความโดดเด่นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ต่างจากเครื่องยกกระชับอื่น ๆ อย่างไร? เรามีคำตอบค่ะ
Oligio คืออะไร
Oligio คือ นวัตกรรมการยกกระชับผิวโดยใช้เทคโนโลยีความถี่ของคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) แบบขั้วเดียวที่เจาะจงตำแหน่ง (Monopolar RF) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย หรือปัญหาไขมันสะสมใต้ชั้นผิวลึก พร้อมปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับได้รูป อีกทั้งยังสามารถช่วยในเรื่องของริ้วรอยตื้น ๆ เพราะฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรง ด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว
เครื่อง Oligio มาพร้อมเทคโนโลยีที่ส่งพลังงานเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก
เครื่อง oligio เป็นโปรแกรมที่ใช้คลื่น Monopolar RF ร่วมกับเทคโนโลยีเฉพาะอย่างเทคนิค Fast Moving ที่ได้มีการออกแบบมาเพื่อการส่งความร้อนเข้าสู่ผิวทั่วถึงทุกอณูได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของโปรแกรมนี้ที่ไม่เหมือนโปรแกรมอื่น ๆ ตามท้องตลาดความงาม โดยพลังงานที่ส่งเข้าไปใต้ชั้นผิวนั้น จะทำให้เกิดอุณหภูมิความร้อนที่สามารถลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) จนทำให้มีการผลิตเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ พร้อมปรับโครงสร้างผิวให้เป็นระเบียบและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ตัวพลังงานก็ยังสามารถเข้าถึงชั้นอื่น ๆ ใต้ผิว มันจึงมีประสิทธิภาพทั้งในด้านการยกกระชับ ลดริ้วรอย และสลายไขมันในเครื่องเดียว
จุดเด่นของโปรแกรม Oligio
สำหรับใครที่ถามเข้ามาว่า Oligio ดีไหม? อย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่า มันช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า สลายไขมันส่วนเกิน พร้อมลดเลือนริ้วรอยและกระชับรูขุมขน เพื่อให้ผิวมีความเรียบเนียน แน่นและแข็งแรงขึ้น ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้จากกระบวนการทำงานภายในโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพสูง แต่นอกจากความโดดเด่นที่กล่าวไปแล้วนั้น ก็ยังมีความพิเศษอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ
เทคนิคพิเศษเฉพาะ Fast Moving Technique
เป็นเครื่องเดียวในท้องตลาด ณ ตอนนี้ ที่มีเทคนิค Fast Moving ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความเสถียรภาพในการรักษา สามารถส่งพลังงานเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึกและแม่นยำ พร้อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการยกกระชับผิวแบบอื่น ๆ และยังตรวจวัดค่าระดับความร้อนใต้ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ที่บริเวณหัวทิปจะมีระบบปล่อยความเย็นได้แบบต่อเนื่องในขณะทำเพื่อปกป้องผิวชั้นนอก พร้อมส่งพลังงานความถี่สูงเข้าไปยังชั้นผิว อีกทั้งยังมีระบบสั่น Vibration ที่สามารถกระจายความร้อน บรรเทาความเจ็บได้ดี ดังนั้น หลังทำจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ประหยัดเวลาในการรักษา
มาพร้อมฟังก์ชัน Auto ในการทำงาน มันจึงให้ความปลอดภัยและให้ความแม่นยำมาในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีหัวทิป 600 shots ที่จะใช้ระยะเวลาเพียง 20 – 30 นาที และหัวทิป 300 shots ใช้ระยะเวลาในการทำเพียงแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น
มีเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิแบบ Real-Time
ด้วยระบบ Real-Time temperature Monitoring ที่เข้ามาช่วยวัดอุณหภูมิใต้ชั้นผิวแบบเรียลไทม์ หากอุณหภูมิใต้ผิวหนังสูงมากกว่า 43 องศา เครื่องจะหยุดทำงานได้เลยทันที มันจึงช่วยลดโอกาสการเบิร์นไหม้ของผิว และยังมีระบบ Pressure Sensing ที่ช่วยตรวจสอบแรงกดระหว่างหัวทิปและผิวหนัง ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดผิวไหม้มาก เนื่องจากว่าหัวทิปไม่ได้แนบกับผิวมากจนเกินไป
รักษาได้อย่างตรงจุดและสม่ำเสมอ
เพราะมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 2 หัวทิปด้วยกันก็คือ Eye Tip (0.5 cm.) สำหรับแก้ไขปัญหาบริเวณผิวรอบดวงตาและ Face Tip (4 cm.) สำหรับนำมาแก้ไขปัญหาบริเวณใบหน้า ทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาที่แม่นยำ ตรงจุด และเข้าถึงปัญหาได้ดีมากยิ่งขึ้น
เพิ่มความยืดหยุ่นในการรักษา
ตัวเครื่องจะมาพร้อมระบบ Treament ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ Single, Double และ Auto ทำให้การรักษามีความหลากหลาย และแพทย์ผู้ชำนาญการสามารถนำมาปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสภาพผิว ตำแหน่งที่ต้องการรักษาได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
Oligio เหมาะกับใคร
- คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
- คนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หรือมีไขมันส่วนเกินบนใบหน้า
- คนที่มีปัญหาริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า รอบดวงตาและลำคอ
- คนที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียนหรือมีรูขุมขนกว้าง
- คนที่มีริ้วรอยร่องแก้มลึก
- คนที่มีลักษณะเนื้อแก้มเยอะหรือมีเหนียง
- คนที่ต้องการยกกระชับเปลือกตา ต้องการยกคิ้ว หรือมีปัญหาเปลือกตาตก หนังตาตก
- คนที่มีปัญหามุมปากตก
- คนที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้กับผิวหน้า
ซึ่งนอกจากนี้ ก็ยังมีคำถามที่ว่าโปรแกรมนี้สามารถทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่? โปรแกรมนี้สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ ได้เลยค่ะ เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของผิว เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราก็จะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้สภาพผิวนั้นเริ่มเสื่อมลง ซึ่งการทำโปรแกรมยกกระชับ oligio นี้ ก็เป็นวิธีที่จะช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ
โปรแกรมยกกระชับ Oligio สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง
เป็นโปรแกรมที่สามารถส่งพลังงานเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึกได้แทบทุกสัดส่วนบนใบหน้าเลย โดยส่วนใหญ่นิยมทำในบริเวณ
- รอบดวงตา – แก้ไขปัญหาเปลือกตาตก หนังตาตก ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา
- แก้ม – สลายไขมันส่วนเกินหรือความหย่อนคล้อยบริเวณพวงแก้ม โหนกแก้ม
- กรอบหน้า – ยกกระชับกรอบหน้า ปรับใบหน้าให้เรียวเข้ารูป V-Shape
- ปาก – แก้ไขปัญหามุมปากตก หรือริ้วรอยร่องลึกในระยะเริ่มต้น
- ใต้คางหรือเหนียง – สลายไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คาง
- ลำคอ – ลดริ้วรอย แก้ความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณลำคอ
Before & After
จากภาพ Oligio รีวิวเปรียบเทียบก่อนทำ – หลังทำจะเห็นได้ว่า ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับบริเวณช่วงใต้คางจะมีไขมันส่วนเกินออกมา ซึ่งหลังจากทำไปแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ ใบหน้าเริ่มมีความกระชับ เห็นโครงหน้าชัดขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณรอบดวงตาได้ดี (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
รีวิวความประทับใจจากผู้มาใช้บริการจริง
หลายคนที่เข้ามาใช้บริการโปรแกรมโอลิจิโอ้ที่ด็อกเตอร์เมฆคลินิก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าใบหน้าดูยกกระชับขึ้นจริง ริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าก็ดูตื้นขึ้น ผิวหน้าดูเรียบเนียน ถึงแม้จะไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดได้เลยทันที แต่หลังจากทำไปแล้วมันค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
โปรแกรม Oligio ราคาเท่าไหร่
สำหรับค่าบริการโปรแกรม oligio ราคาจะขึ้นอยู่กับปัญหาของสภาพผิว หรือตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยแต่ละตำแหน่งก็จะมีการใช้จำนวน Shot ที่ไม่เท่ากัน นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของโปรโมชั่นพิเศษที่ทางคลินิกได้จัดขึ้นตามช่วงเวลาต่าง ๆ อีกด้วย หากใครสนใจสามารถเข้ามาขอรับการประเมินเบื้องต้นหรือพูดคุย-สอบถามกับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังได้เลยนะคะ
เปรียบเทียบระหว่าง Oligio กับ Thermage FLX ต่างกันยังไง
หลายคนเกิดความสงสัยว่าทั้ง Oligio กับ Thermage FLX นี้ มีคลื่นพลังงานเหมือนกันนั่นก็คือ การใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF ในการรักษา แน่นอนว่าทั้งสองตัวต่างให้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกัน แต่มันก็มีข้อแตกต่างของเทคโนโลยี โดยเราขอสรุปความแตกต่างตามตารางด้านล่างนี้ค่ะ
เปรียบเทียบระหว่าง Oligio และ HIFU แตกต่างกันอย่างไร
ทั้งสองนวัตกรรมนี้ ต่างแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยและความไม่กระชับของผิวได้ดี แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีเทคโนโลยีการให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป เราก็เลยจะมาสรุปให้ดูกันง่าย ๆ ว่าความแตกต่างของ oligio และ hifu มีอะไรบ้าง
ข้อควรระวังในการใช้บริการ
เนื่องจากมันเป็นโปรแกรมการยกกระชับที่ส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่ใต้ชั้นผิว ดังนั้น มันจึงมีข้อจำกัดหรือข้อควรระวังสำหรับบุคคลบางกลุ่ม ดังต่อไปนี้ค่ะ
- โปรแกรมนี้ ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีการใส่เครื่องมือแพทย์ฝังไว้ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ไม่แนะนำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน โรคลมบ้าหมู หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่ส่งผลต่อกลไกการทำงานของระบบเลือด
- ผู้ที่มีโรคผิวหนัง มีบาดแผลหรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำการรักษา ควรปรึกษาแพทย์หรือรักษาอาการเหล่านี้ให้หายดีก่อนเข้ามาใช้บริการ
- ผู้ที่มีรอยสักใหม่ในบริเวณที่จะทำการรักษา ควรให้แผลหายดีก่อนเข้ารับบริการ
- สตรีมีครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร ยังไม่แนะนำให้ใช้บริการ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเด็กได้
ทางที่ดีที่สุดควรเข้าไปปรึกษาแพทย์ก่อนเข้าใช้บริการ พร้อมกับแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ อย่างชัดเจนเกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการทำโปรแกรมความงามอื่น ๆ เช่น การทำศัลยกรรม การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ รวมไปถึงเครื่องมือยกกระชับเพื่อให้แพทย์ได้ประเมินความเหมาะสมในการรักษาค่ะ
การเตรียมตัวก่อนใช้บริการ
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ เช่น โปรแกรมเลเซอร์ ฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ เป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของการผลัดเซลล์ผิว หรือส่วนผสมที่ทำให้ผิวบอบบางลง
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับบริการ 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า เนื่องจากก่อนทำหัตถการจะมีการลบเครื่องสำอางออกจากใบหน้า
- สามารถลงสกินแคร์หรือทาครีมกันแดดได้ตามปกติ
ขั้นตอนการใช้บริการ
การยกกระชับด้วยวิธีนี้ ก็จะคล้ายคลึงกันกับโปรแกรมยกกระชับด้วยวิธีอื่น ๆ ที่จะใช้เวลาไม่นานราว ๆ 20-45 นาที ถือว่าตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนที่มีเวลาน้อย โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 : เริ่มทำความสะอาดผิวในบริเวณที่ต้องทำการรักษา
ขั้นตอนที่ 2 : ทาเจลเย็นบนผิวก่อนเริ่มทำโปรแกรมยกกระชับ ในขั้นตอนนี้ หากใครต้องการทายาชาสามารถแจ้งได้ก่อนเริ่มทำหัตถการ โดยจะมีการแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที
ขั้นตอนที่ 3 : เข้าสู่ขั้นตอนการรักษาโดยแพทย์จะมีการตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสมต่อสภาพผิวของแต่ละคน ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาเพียง 30-45 นาที ตามจำนวนShotที่ตั้งเอาไว้
ขั้นตอนที่ 4 : หลังจากทำเสร็จแล้ว แพทย์จะทำความสะอาดผิวอีกครั้ง พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังใช้บริการ
การดูแลตัวเองหลังใช้บริการ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความร้อนต่อผิวเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- แนะนำให้ทาครีมกันแดดทุกวันก่อนออกจากบ้านหรืออยู่ในบ้าน
- หลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นท์ หรือหัตถการบนผิวหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- สามารถบำรุงผิวลงสกินแคร์ หรือแต่งหน้าได้ตามปกติ
- แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
ทำโปรแกรมยกกระชับ Oligio อันตรายไหม
โปรแกรมยกกระชับผิวเครื่องนี้ ไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ RF ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้มาอย่างยาวนานในวงการแพทย์ความงาม อีกทั้งยังมีวิจัยการรองรับมากมายว่าสามารถยกกระชับ สลายไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูง เมื่อส่งพลังงานเข้าสู่ใต้ชั้นผิวลึก จะทำให้ผิวมีความแน่นขึ้น พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้มีความแข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันตัวพลังงานชนิดนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผิวในบริเวณใกล้เคียงเลยค่ะ
นอกจากนี้ Oligio ยังผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศไทย (FDA) อีกทั้งยังได้รับรางวัลการันตีจากประเทศเกาหลี “ 2024 Korea customer preference index No.1” ว่าเป็นโปรแกรมการยกกระชับที่ตอบโจทย์ต่อผู้บริโภคได้หลายช่วงวัย พร้อมให้ผลลัพธ์ที่ดูดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ
ทำโปรแกรม Oligio ที่ไหนดี
ผลลัพธ์จะดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกทำที่ไหน ซึ่งในปัจจุบันก็มีคลินิกความงามเปิดให้บริการเยอะแยะมากมาย แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็มีทั้งหมด 6 ข้อด้วยกัน ได้แก่
- คลินิกได้มาตรฐาน – ต้องมีความน่าเชื่อถือ สะอาด มีกลิ่นหอม และที่สำคัญคลินิกนั้นจะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข พร้อมใบอนุญาตประกอบกิจการ
- มีแพทย์ผู้ชำนาญการ – แพทย์ประจำคลินิกต้องเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง หรือผ่านการรับรองจากแพทยสภา มีประสบการณ์ในการรักษา
- นำเข้าเครื่องเลเซอร์แท้ – เลเซอร์ที่ผ่านการรับรองจากอย.ไทยและต่างประเทศ
- มีรีวิวผู้มาใช้บริการจริง – ต้องมีรีวิวผู้มาใช้บริการตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งในแบบรูปภาพ วิดีโอ เพื่อประกอบการตัดสินใจและยืนยันประสิทธิภาพการรักษา
- ติดตามผลหลังทำ – หลังทำควรจะต้องมีการนัดติดตามผล หรือให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
- มีแหล่งที่ตั้งชัดเจน – มีการเดินทางสะดวก เดินทางง่าย มีที่ตั้งที่ชัดเจน
ทำไมถึงต้องทำยกกระชับผิว Oligio ที่ Doctor Mek Clinic
- ให้การรักษาโดยแพทย์ด้านผิวหนังมากประสบการณ์
- ประเมิน วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาแบบ case by case เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำและตรงจุด
- มีโปรแกรมเลเซอร์ยกกระชับที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก รองรับทุกสภาพผิวอย่างครอบคลุม
- ให้บริการอย่างมืออาชีพ พร้อมการดูแลและการติดตามผลหลังทำอย่างใกล้ชิด
- ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าดาราเซเลบริตี้ชื่อดังแถวหน้าของเมืองไทย และเหล่าคนไข้จริงที่เข้ามาใช้บริการ
- มีรีวิวให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งในแบบรูปภาพและวิดีโอประกอบการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
ขณะทำจะรู้สึกเจ็บไหม?
ระหว่างที่ตัวเครื่องส่งพลังงานเข้าสู่ใต้ชั้นผิว จะทำให้รู้สึกอุ่น ๆ บริเวณที่ทำการรักษา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บมากจนทนไม่ได้ เนื่องจากโปรแกรมชนิดนี้ มีนวัตกรรมที่ช่วยตรวจวัดอุณหภูมิของผิวหนังแบบ Real Time เพื่อไม่ให้ผิวไหม้หรือแสบร้อน อีกทั้งยังมีนวัตกรรมระบบทำความเย็นที่จะช่วยบรรเทาความร้อนสะสมใต้ชั้นผิวได้เป็นอย่างดี
หลังทำมีผลข้างเคียงไหม?
มีหลายท่านที่กังวลเกี่ยวกับหลังทำโปรแกรม Oligio บวมกี่วัน หรือจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง สำหรับโปรแกรมนี้ อาจมีอาการแดงหรือมีสีผิวอมชมพูเกิดขึ้นเล็กน้อยบริเวณที่ทำ ซึ่งอาการนี้เป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยมันจะดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงค่ะ
หลังทำเสร็จกี่วันเห็นผล?
หลังใช้บริการจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทันทีประมาณ 20-30% เพราะพลังงานเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น และหลังจากนั้น มันจะค่อย ๆ เห็นผลได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อผ่านระยะเวลาไป 2-3 เดือนค่ะ
โปรแกรมนี้ต้องทำบ่อยแค่ไหน?
ในส่วนของจำนวนครั้งในการรักษา ต้องให้แพทย์เป็นคนประเมินให้แบบรายบุคคลอีกครั้ง เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีก็สามารถกลับมาทำอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง โดยในแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่าง 6 เดือนขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ก่อน ค่อยมาทำซ้ำอีกรอบค่ะ
ทำแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว หลังทำโปรแกรมยกกระชับ oligio จะสามารถคงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นไว้ได้อย่างยาวนาน 6-12 เดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ การดูแลตัวเอง และการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ
ต้องทำกี่ช็อตถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น?
จริง ๆ แล้ว จำนวนช็อตจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวที่เกิดขึ้นของแต่ละคน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินอย่างละเอียดแบบ Case by Case แต่โดยปกติแล้ว คนที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก ก็จะแนะนำอยู่ที่ 300-600 Shot หรือสำหรับคนที่มีปัญหาในระดับปานกลาง ก็จะแนะนำอยู่ที่ 600-900 Shot สำหรับใครที่มีปัญหาค่อนข้างเยอะ แพทย์ก็จะแนะนำเป็น 900-1,200 Shot ค่ะ
สามารถทำร่วมกับโปรแกรมอื่นได้ไหม?
สามารถทำร่วมกับหัตถการความงามอื่น ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ หรือกลุ่มงานฉีดอื่น ๆ แต่แนะนำว่าให้ทำโปรแกรมยกกระชับก่อนแล้วค่อยมาทำหัตถการกลุ่มฉีด เนื่องจากว่ากลุ่มงานฉีดจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความร้อน หรือหัตถการที่มีความร้อน ดังนั้นถ้าหากต้องการเข้ารับ 2 บริการ แนะนำให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนแล้วเว้นระยะห่าง 1-2 เดือน หรือระยะเวลาตามที่แพทย์กำหนดค่ะ
สรุป
ต้องยอมรับเลยว่า Oligio เป็นนวัตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับ ปรับรูปหน้า สลายไขมัน ลดเลือนริ้วรอย ตลอดจนการกระชับรูขุมขน อีกทั้งยังทำได้ตั้งแต่รอบผิวหน้าไปจนถึงรอบดวงตา ซึ่งเป็นจุดที่บอบบางและต้องใช้ความละเอียดสูง ซึ่งเครื่องนี้ก็มีหัวทิปมาให้เลือกเพื่อตอบโจทย์ต่อการรักษา และที่ด็อกเตอร์เมฆคลินิกเราพร้อมให้บริการยกกระชับผิวด้วยเครื่องโอลิจิโอ้ที่ทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง สามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือให้แพทย์ช่วยประเมินการรักษาเบื้องต้นได้ที่ LINE : @doctormekclinic