Radiesse Plus Filler เป็นนวัตกรรมสารกระตุ้นคอลลาเจน (Regenerative Collagen Biostimulator) น้องใหม่แกะกล่องจากเรเดียสที่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างในเรื่องของการปรับปรุงโครงสร้างผิวให้มีความเต่งตึง อิ่มฟูดูอ่อนเยาว์ ซึ่งรุ่นนี้จะมีความโดดเด่นในเรื่องของ Lifting&Contouring เป็นการปรับกรอบหน้าให้ชัด ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น พร้อมเผยผลลัพธ์ที่มีคุณภาพในระยะยาว แน่นอนว่าความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เราก็เลยจะพาทุกท่านไปรู้จัก เรเดียส พลัส ให้มากยิ่งขึ้นว่าเหมาะกับใคร ฉีดไปแล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แตกต่างจากรุ่นเดิมยังไงบ้าง อยากรู้ต้องดูเลยค่ะ
Radiesse Plus คืออะไร
Radiesse Plus (เรเดียส พลัส) คือ นวัตกรรมการกระตุ้นเส้นใยคอลลาเจนใต้ชั้นผิว (Regenerative Collagen Biostimulator) แก้ไขริ้วรอยร่องลึก ปรับปรุงโครงสร้างผิวให้ดูอ่อนเยาว์และเต่งตึง นอกจากนี้ ยังเน้นในเรื่องของการปรับกรอบหน้าชัด ทำให้ได้รูปหน้าที่ดูเรียวสวยเป็น V-Shape และมีมิติมากยิ่งขึ้น เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ พร้อมให้ผลลัพธ์ที่ดูดีขึ้นในระยะยาว ด้วยส่วนประกอบหลักอย่าง CaHA (Calcium Hydroxylapatite), CMC gel (Sodium carboxy-methylcellulose) และยาชา (0.3% Lidocaine) เพื่อบรรเทาความเจ็บระหว่างฉีด
กระบวนการทำงานของ Radiesse Plus
เมื่อตัวยาถูกฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวแล้ว ด้วยส่วนประกอบของ CMC Gel จะทำให้ผิวถูกเติมเต็มและปรับกรอบหน้าให้กระชับขึ้นได้ทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปสารชนิดนี้ก็จะค่อย ๆ สลายตัวลงเหลือเพียง CaHA ที่ยังคงทำหน้าที่สร้างโครงข่าย 3 มิติในชั้นผิว ทำให้เกิดการกระตุ้น Fibroblast (ไฟโบรบาสต์) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินให้มีกระบวนการทำงานที่ดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้น มันจึงช่วยให้โครงสร้างผิวของเราดูสุขภาพดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ผิวแน่นกระชับ ให้ความยืดหยุ่นสูง โดยจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 3-4 สัปดาห์ค่ะ
ความโดดเด่นของ Radiesse Plus
- เป็นตัวยาประเภทฉีดตัวแรกและตัวเดียว ที่ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกา (US FDA) ด้านการปรับรูปหน้าแนว Jawline
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รีบการยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลก
- ให้ความปลอดภัยสูง เพราะผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสหรัฐอเมริกา(US FDA) ไทย(TH FDA) และยุโรป (EU)
- ปรับคุณภาพของผิวให้ดีและแข็งแรงขึ้นในระยะยาว ด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน
- หลังฉีดผิวจะได้รับการเติมเต็ม ใบหน้าดูคมชัดขึ้น
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของยาชาในปริมาณที่เหมาะสม ลดอาการเจ็บระหว่างฉีด
- เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และสามารถคงสภาพได้อย่างยาวนานสูงสุดถึง 2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละคน)
บริการนี้เหมาะกับใคร
- คนที่ต้องการปรับรูปหน้า หรือกรอบหน้า ให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
- คนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก ขาดวอลลุ่ม
- คนที่ผิวขาดความยืดหยุ่น ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
- คนที่มีปัญหาโครงสร้างผิวหน้ายุบ จากปัญหาขาดคอลลาเจน กระดูกยุบตัว หรือไขมันที่ฝ่อตัวลง
- คนที่ต้องการปรับโครงสร้างผิวจากภายใน และต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วแบบไม่ต้องผ่าตัด
Radiesse Plus สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
- โหนกแก้ม (Cheek Bone) – ยกผิวให้มีความกระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเฉี่ยว พุ่ง
- แนวกรอบหน้า (Jawline) – ช่วยลิฟท์กรอบหน้า ปรับใบหน้าให้เป็น V-Shape
- คาง (Chin) – แก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด
- ร่องแก้ม (Nasolabial Folds) – เติมเต็มร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางการลิฟท์กรอบหน้า หรือการปรับรูปหน้าให้เรียว มีสันกรามที่คมชัดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็สามารถนำมาฉีดแก้ไขปัญหาคางและร่องแก้มได้ด้วย ทำให้องค์รวมของใบหน้าดูมีมิติและได้สัดส่วนที่สมดุลกัน แต่สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าใบหน้าของเราควรแก้ที่จุดไหนดี ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ เพราะก่อนฉีดแพทย์จะมีการประเมินก่อนทำการรักษาอยู่แล้วว่าใบหน้าของแต่ละคนควรฉีดจุดไหน หรือควรแก้จุดไหน ถึงจะทำให้ใบหน้าดูดีมากยิ่งขึ้นค่ะ
Radiesse Plus ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ปรับกรอบหน้าให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
- ปรับปรุงคุณภาพผิวให้มีความแข็งแรงในระยะยาว
- เติมเต็มวอลลุ่มผิวที่หายไปให้ดูอิ่มฟู กระชับขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก ตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า
- เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน
ข้อแตกต่างระหว่าง Radiesse กับ Radiesse Plus
ทั้งสองตัวนี้ จะมีส่วนประกอบหลักที่เหมือนกันเลยก็คือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) แต่ก็มีหลาย ๆ จุดที่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงจุดประสงค์ในการใช้ที่ไม่เหมือนกันด้วย จะแตกต่างตรงไหนหรือมีอะไรที่ไม่เหมือนกันบ้าง ไปดูเลยค่ะ!
ข้อแตกต่างระหว่าง Radiesse Plus กับ Filler
Before & After
Radiesse Plus รีวิวจากผู้มาใช้บริการจริงก่อนและหลังปรับกรอบหน้าบริเวณ Jawline 4 สัปดาห์ จะเห็นได้ว่ามันมีความชัดขึ้น เรียวขึ้นกว่าช่วงก่อนทำ ซึ่งมันทำให้ใบหน้าดูมีมิติ เรียวสวยขึ้น (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
รีวิวความประทับใจจากผู้มาใช้บริการจริง
ยืนยันผลลัพธ์หลังการรักษาด้วยความประทับใจจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการฉีด Radiesse Plus ที่ด็อกเตอร์เมฆคลินิก โดยส่วนใหญ่ให้เป็นเสียงเดียวกันว่าหลังฉีดไป 3-4 สัปดาห์ ใบหน้าดูเรียวกระชับ เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นจริง ผิวหน้ายังดูแข็งแรงขึ้นด้วยโดยไม่ต้องกลับมาฉีดซ้ำบ่อย ๆ (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแลตัวเองและการใช้ชีวิตของแต่ละคน)
Radiesse Plus ราคาเท่าไหร่
ที่ด็อกเตอร์เมฆคลินิกเรามีบริการปรับรูปหน้าด้วยโปรแกรม Radiesse Plus โดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและปรับรูปหน้า หากใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นพิเศษ หรือให้แพทย์ช่วยประเมินการรักษาเบื้องต้นได้ที่ LINE : @doctormekclinic (มี @ นำหน้าค่ะ)
การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ
- งดรับประทานยาในกลุ่มที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดทำหัตถการที่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือมีบาดแผลบนใบหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
- แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย
- หากมีโรคประจำตัว มีอาการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้บริการ
- ไม่แนะนำให้แต่งหน้าเข้ารับบริการ เนื่องจากก่อนฉีดจะมีการทำความสะอาดผิวหน้าทุกครั้ง
ขั้นตอนการทำหัตถการ
- แพทย์จะประเมินพร้อมวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อปัญหาและบริเวณที่ต้องการฉีด
- เริ่มทำความสะอาดผิวหน้า และทำการแปะยาชาทิ้งไว้เป็นเวลา 30 – 45 นาที
- หลังจากที่ยาชาออกฤทธิ์แล้ว แค่จะเริ่มฉีดตัวยาไปยังใต้ชั้นผิวในตำแหน่งที่ได้วางแผนเอาไว้
- เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอน แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง
การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
- หากมีอาการบวมหรือแดง สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ และเกาบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าเป็นเวลา 12 ชั่วโมง
- 24 ชั่วโมงหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือการโดนแสงแดด
- งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 2 สัปดาห์
Radiesse Plus อันตรายไหม
มีหลายคนที่กังวลในเรื่องของความปลอดภัย แต่อยากจะบอกเลยว่า เรเดียส พลัส เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนประเภท CaHA ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบขึ้นมาจากสารธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายของตัวเรา ดังนั้นเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว มันจึงสามารถกลมกลืนและเข้ากันได้ดีกับร่างกาย นอกจากนี้ ยังได้ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา ไทย และยุโรป สามารถฉีดได้หายห่วงเลยค่ะ
แต่ความอันตรายของการรักษาจะไม่ได้อยู่เพียงแค่ตัวยาเท่านั้น เพราะหากเราฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือแพทย์ที่ไม่ได้มีความชำนาญมากพอในการรักษา หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของปลอมไม่ได้คุณภาพ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็จะไม่ได้เป็นไปตามความต้องการ หรือเกิดผลกระทบอื่น ๆ ตามมาได้
ควรเลือกทำโปรแกรม Radiesse Plus ที่ไหนดี
อย่างที่ทราบไปแล้วว่า ตัวผลิตภัณฑ์นั้นมีความปลอดภัย เพราะได้ผ่านการรับรองมาอย่างถูกต้องแล้ว ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากการศึกษารายละเอียดของตัวยาก็คือ การเลือกคลินิกนั่นเอง ซึ่งเราสามารถเลือกได้จาก
- เลือกคลินิกที่มีเปิดให้บริการอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
- เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการ และมีใบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
- เลือกคลินิกที่นำเข้าผลิตภัณฑ์จากบริษัทยาโดยตรง
- เลือกคลินิกที่เปิดให้เห็นรีวิวอย่างชัดเจน โปร่งใส
- เลือกคลินิกที่มีการติดตามผลหลังทำ หรือมีการดูแลหลังการรักษาอย่างใกล้ชิด
ทำไมต้องเลือกฉีด Radiesse Plus ที่ Doctor Mek Clinic
- ยืนยันมาตรฐานด้านการรักษาและความปลอดภัยด้วยรางวัล 1 ใน 20 คลินิกที่มียอดใช้สูงในประเทศไทย ประจำปี2023
- ให้บริการภายใต้แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านผิวหนังและการปรับรูปหน้า
- ประเมิน วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาแบบ case by case เข้าถึงปัญหาของผู้เข้ารับบริการอย่างใกล้ชิด
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และนำเข้ามาอย่างถูกต้องภายใต้บริษัท Merz Aesthetics
- ติดตามผลหลังทำพร้อมให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- มีรีวิวแน่น ๆ จากผู้มาใช้บริการจริง และได้รับความไว้วางใจจากเหล่าดารา เซเลบริตี้ชื่อดังของเมืองไทย
คำถามที่พบบ่อย
หลังฉีดมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดคือ รอยบวมแดง ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถพบได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งอาการเหล่านี้ มันจะค่อย ๆ บรรเทาและหายไปได้เองภายใน 72 ชั่วโมง ในระหว่างนี้ คนไข้สามารถใช้วิธีการประคบเย็นร่วมกับรับประทานยาแก้ปวดหรือยาตามที่แพทย์สั่งได้เลยค่ะ
หลังฉีดกี่วันเห็นผล?
หลังทำจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก โดยหลังจากที่ทำไปแล้วประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือความคมชัดของกรอบหน้า หรือรูปหน้าที่ดูเรียวสวยเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
หลังฉีดอยู่ได้นานแค่ไหน?
หลังฉีดไปแล้ว มันจะสามารถคงประสิทธิภาพได้อย่างยาวนาน 1-2 ปี โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเอง รวมไปถึงการใช้ชีวิตของแต่ละคน สำหรับใครที่มีความพึงพอใจในผลลัพธ์ และอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น ก็สามารถกลับมาฉีดเพิ่มได้ตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำได้เลยค่ะ
สามารถทำร่วมกับรุ่นเดิมได้ไหม?
สำหรับใครที่สนใจอยากฉีดร่วมกัน แนะนำว่าให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้องว่า คนไข้ต้องการทำที่บริเวณไหน ซึ่งหากเป็นคนละบริเวณกัน ก็สามารถทำพร้อมกันได้ หรือบางเคสแพทย์อาจจะประเมินให้ทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ตามความเหมาะสมค่ะ
สามารถทำร่วมกับโปรแกรมเลเซอร์ได้ไหม?
เรเดียสพลัสเป็นหัตถการกลุ่มงานฉีดที่มีส่วนประกอบหลักอย่าง CaHa ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการเติมเต็มวอลลุ่มให้กับผิว และยังสามารถคงทนต่อความร้อนได้ ดังนั้น เราจึงสามารถทำร่วมกับโปรแกรมกลุ่มเลเซอร์อย่าง Thermage, Ulthera หรือโปรแกรมเลเซอร์อื่น ๆ ได้เลยค่ะ โดยก่อนใช้บริการควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความต้องการในการรักษา เพื่อให้แพทย์ได้วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
สรุป
กล่าวโดยสรุปก็คือ Radiesse Plus เป็นรุ่นที่มีการพัฒนาขึ้นมาจากเรเดียสตัวแรก โดยเน้นไปในทางการลิฟท์กรอบหน้า ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวย มีแนวกรามที่ชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่รูปหน้ายังไม่ชัด หรือต้องการปรับใบหน้าส่วนล่างให้ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังช่วยปรับผิวให้ดูแข็งแรงมากยิ่งขึ้นจากการเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ใต้ชั้นผิว สำหรับใครที่สนใจหรือต้องการเข้ารับการประเมินโดยแพทย์ผู้ชำนาญการสามารถเข้ามาติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางการติดต่อของด็อกเตอร์เมฆคลินิกได้เลยค่ะ