โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero เติมเต็มผิวให้เนียนกริบ ไม่เป็นก้อน

ห้ามพลาดกับโปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero (เบโลเทโร่) หนึ่งในยี่ห้อสารเติมเต็มมาพร้อมสีกล่องอันสดใส จนมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า colorful filler program นอกจากตัวกล่องจะมีความโดดเด่นสะดุดตาแล้ว คุณสมบัติของแต่ละรุ่นนั้น ก็ยังดีเลิศไม่แพ้กัน สามารถแก้ไขปัญหาบนผิวหน้าได้อย่างครอบคลุม ใครที่มีปัญหาร่องลึก ผิวแห้งกร้าน ยกกระชับปรับรูปหน้าหรือริมฝีปากให้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ยี่ห้อนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ แต่ก่อนอื่นเราต้องไปทำความรู้จักให้มากขึ้นกว่านี้ก่อนว่า มันมีข้อดีและมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากสารเติมเต็มยี่ห้ออื่น ๆ อย่างไร อ่านจบครบทุกข้อสงสัย!

ทำความรู้จักกับโปรแกรม Belotero filler คืออะไร

โปรแกรม Belotero filler คือ หนึ่งในยี่ห้อสารเติมเต็มที่ใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในหลาย ๆ ยี่ห้อ โดยมีคุณสมบัติหลักในการเติมเต็มแก้ไขปัญหาร่องลึก ริ้วรอย ยกกระชับปรับรูปหน้า และเติมเต็มริมฝีปากให้ดูสุขภาพดี ซึ่งโปรแกรมฟิลเลอร์เบโลเทโร่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ และนำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายภายใต้บริษัท Merz Aesthetic

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero ดีไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix ด้วยนวัตกรรมที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของยี่ห้อนี้ ทำให้เมื่อฉีดไปแล้ว สารเติมเต็มสามารถเข้ากับผิวได้เป็นอย่างดี มีความเรียบเนียนสูง อีกทั้งยังมีโมเลกุลที่หลากหลาย ทั้งเนื้อเจลนิ่มสำหรับฉีดในบริเวณชั้นผิวตื้น ไปจนถึงเนื้อเจลที่ให้ความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับนำไปฉีดผิวชั้นลึก และไม่ว่าจะปั้นทรง เติมร่องลึกบนใบหน้า หรือฟื้นฟูสุขภาพผิว ก็สามารถเติมเต็มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน เหมาะกับทุกสภาพผิวที่แตกต่างกัน และถ้าถามว่ายี่ห้อนี้ดีไหม เราขอแยกจุดเด่นออกมาดังนี้ค่ะ

  • มีกระบวนการผลิตและถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องภายใต้เทคโนโลยี CPM
  • สารเติมเต็มสามารถยึดเกาะกับผิวได้ดี ไม่ทำให้ไหลเป็นก้อน
  • เป็นสารสกัดจากธรรมชาติบริสุทธิ์ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
  • ให้ความชุ่มชื้นต่อผิว เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางก็สามารถฉีดได้
  • สามารถเห็นผลลัพธ์ได้หลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีขั้นตอนการรักษาที่ยุ่งยาก
  • เจ็บน้อย เพราะบางรุ่นจะมีส่วนผสมของยาชารวมอยู่ด้วย

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero เหมาะกับใคร

  • คนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกตามบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า
  • คนที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ
  • คนที่มีปัญหาแก้มตอบ ขมับตอบ ทำให้ใบหน้าดูไม่มีมิติ
  • คนที่มีปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตา สามารถใช้เป็นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องความหมองคล้ำ เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา หรือริ้วรอย
  • คนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น
  • คนที่ต้องการปรับริมฝีปากตามสไตล์ต่าง ๆ หรือทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มสุขภาพดี

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero มีทั้งหมดกี่รุ่น แต่ละรุ่น ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

โปรแกรมฟิลเลอร์เบโลเทโร่มีด้วยกันหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็จะมีสีสันที่ฉูดฉาดโดดเด่นแตกต่างกันออกไป รวมไปถึงคุณสมบัติเฉพาะในการรักษาที่ไม่เหมือนกันด้วย เช่น บางรุ่นเหมาะสำหรับนำมาเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีร่องลึก บางรุ่นเหมาะสำหรับนำมาปรับสภาพผิวหรือเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เพราะฉะนั้น เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่าโปรแกรม Belotero แต่ละสี แต่ละรุ่นนั้น สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาใดได้บ้าง

Soft

รุ่นแรกเป็นกล่องเหลือง โดยรุ่นนี้จะมีเนื้อเจลที่นิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็ก และมีความละเอียดสูง มันจึงนำมาใช้สำหรับเติมเต็มริ้วรอยตื้น หรือริ้วรอยที่เกิดจากผิวชั้นนอก เช่น ริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บริเวณขอบปาก หน้าผาก รอยตีนกา ช่วยเติมหลุมสิวที่ไม่ลึกมากให้ดูตื้นขึ้น ให้ผิวหน้าชุ่มชื้น สามารถกลืนเข้ากับผิวได้ง่าย มีส่วนผสมของยาชารวมอยู่ด้วยเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ

ผลลัพธ์ : อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Balance

กล่องส้มนี้จะมีเนื้อเจลที่นิ่มปานกลาง โดยความละเอียดของโมเลกุลนั้น จะรองลงมาจากรุ่นกล่องสีเหลือง มีส่วนผสมของยาชารวมอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน เหมาะสำหรับนำมาเติมเต็มร่องลึกระดับปานกลาง เช่น ริ้วรอยหน้าผาก หรือระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก อีกทั้งยังสามารถช่วยเติมหลุมสิวได้อีกด้วย

ผลลัพธ์ : อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Intense

มากันที่กล่องสีชมพู ที่ให้คุณสมบัติเป็นเนื้อเจลค่อนข้างแน่น มีความยืดหยุ่น และความคงตัวได้ดี อีกทั้งยังมียาชาผสมร่วมอยู่ด้วย มันจึงถูกนำมาใช้เพื่อเติมเต็มในบริเวณที่มีการขยับใบหน้าอยู่บ่อย ๆ หรือนำมาเติมในบริเวณที่มีริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก นอกจากนี้ ยังช่วยยกกระชับหน้า หรือเติมริมฝีปากให้ดูอิ่มฟูขึ้น

ผลลัพธ์ : อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Volume

ต่อมาเป็นกล่องม่วง ในรุ่นนี้จะมีเนื้อเจลที่ให้ความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะแก่การนำมาเติมเต็มเพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิว ปั้นทรง หรือเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีความซูบตอบ เช่น ฉีดแก้มตอบ แก้มส้ม ขมับ หรือนำมาเติมเต็มบริเวณคาง

ผลลัพธ์ : อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Revive

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero revive กล่องเขียวนี้เป็นสารเติมเต็มสำหรับงานผิว ที่นำส่วนผสมของ Hyaluronic Acid และ Glycerol เข้ามาไว้ด้วยกัน ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของการปรับคุณภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย และมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวมให้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

ผลลัพธ์ : อยู่ได้ประมาณ 9 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Lips

รุ่นสุดท้ายกล่องสีแดงอันฉูดฉาด เป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับนำมาเติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ ใน 1 เซตนี้ก็จะมาพร้อมกัน 2 รุ่นก็คือ

  • โปรแกรม Belotero lips shape ที่เหมาะสำหรับนำมาเพิ่มวอลลุ่มหรือความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก และอีกรุ่นก็คือ
  • โปรแกรม Belotero lips contour รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับปรับรูปทรงปากและเพิ่มความคมชัดบริเวณขอบปาก

ผลลัพธ์ : อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero สามารถนำไปฉีดจุดไหนได้บ้าง

ด้วยความที่เป็นสารเติมเต็มซึ่งมีให้เลือกใช้หลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นนั้น ก็จะนำมาฉีดและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน และสามารถนำมาฉีดแก้ไขปัญหาผิวได้ในหลาย ๆ จุดดังนี้ค่ะ

  • หน้าผาก – ใช้เป็นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยให้ให้มีวอลลุ่ม แก้ไขปัญหาหน้าผากแบน ลดริ้วรอยแห่งวัย
  • ขมับ – แก้ไขปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ หรือเสริมโหงวเฮ้ง
  • ใต้ตา รอบดวงตา – จัดการปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตาหรือรอยตีนกา พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื้นให้รอบดวงตา
  • ร่องแก้ม – แก้ไขริ้วรอยร่องลึกแห่งวัยให้ดูจางลง
  • แก้ม – เติมเต็มแก้มตอบให้ดูอิ่มฟู เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
  • ร่องน้ำหมาก – ลดเลือนริ้วรอยร่องน้ำหมากให้ตื้นขึ้น
  • ริมฝีปาก – เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม สุขภาพดี มีความชุ่มชื้น
  • คาง – ปรับคางให้ดูสมส่วนเข้ากับใบหน้า แก้ไขปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางตัด

เปรียบเทียบระหว่างโปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero กับยี่ห้ออื่น ๆ

อย่างที่ทราบกันดีว่า สารเติมเต็ม HA ในไทยมีหลายยี่ห้อให้เราเลือกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมฟิลเลอร์เบโลเทโร่, โปรแกรม Juvederm, โปรแกรม Restylane ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังมีกระบวนการผลิต และคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกยี่ห้อไหน ก็ต้องดูว่าสภาพผิวของเราเป็นยังไง แต่เราไปดูข้อเปรียบเทียบกันก่อนดีกว่าค่ะว่าทั้ง 3 รุ่นนี้ มีจุดที่แตกต่างกันตรงไหนบ้าง

ข้อควรระวังในการฉีดของยี่ห้อนี้

  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังให้นมบุตร หรือสตรีมีครรภ์
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้สาร Hyaluronic Acid
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพผิว เช่น ผิวอักเสบติดเชื้อ หรือมีบาดแผลบริเวณที่ฉีด
  • แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษา หรือรอให้แผลหายก่อนค่อยเข้ามาใช้บริการ
  • ปัจจุบันมีสารเติมเต็มที่เป็นของปลอมและคลินิกเถื่อนปะปนอยู่มาก ให้ศึกษาคลินิกและการเช็คผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหยุดไหลของเลือด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการ
  • ใครที่มีโรคประจำตัว มีประวัติการแพ้ยาอื่น ๆ หรือต้องรับประทานยาชนิดไหนเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำหัตถการ

ก่อนใช้บริการควรเตรียมตัวอย่างไร

จริง ๆ แล้วไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น และไม่มีขั้นตอนการรักษาที่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ขอแนะนำว่าก่อนฉีดให้ศึกษาเกี่ยวกับคลินิก ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้เราไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน และเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง

หลังใช้บริการควรดูแลตัวเองอย่างไร

  • งดการทำโปรแกรมเลเซอร์ที่ให้ความร้อนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังจากทำหัตถการแล้ว
  • งดสัมผัสผิวในบริเวณที่ฉีดสารเติมเต็ม เพราะอาจทำให้เนื้อของสารเติมเต็มเกิดการผิดรูปทรงได้
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริม หรือยาที่ออกฤทธิ์ทำให้เลือดแข็งตัว เพราะอาจทำให้เกิดการช้ำง่ายกว่าปกติ
  • แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นโปรตีน ผัก ผลไม้
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด อาหารหมักดอง หรืออาหารทะเลอย่างน้อย 5-7 วัน
  • แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรอ่อนโยน และให้ความชุ่มชื้นกับผิว
  • งดการทำกิจกรรมที่ส่งผลต่อความร้อน เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก การซาวน่า หรือการทำกิจกรรมในพื้นที่แจ้ง

ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero อันตรายไหม

ไม่เป็นอันตราย หากเราได้รับการดูแลภายใต้ทีมแพทย์ด้านการรักษาที่สามารถประเมินและวางแผน พร้อมกับเลือกใช้ชนิดของสารเติมเต็มที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่เราต้องการฉีด รวมไปถึงการได้รับสารเติมเต็ม HA ที่ได้มาตรฐาน นำเข้าจากบริษัทยาโดยตรง เพียงเท่านี้เราก็สามารถสบายใจได้เลยว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะดีขึ้น เนื่องจากว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยอยู่แล้ว เพราะมันสามารถสลายตัวได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย อีกทั้งยังเป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูงใกล้เคียงกับสารที่มีอยู่ในร่างกายของตัวเราด้วย เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ก็จะสามารถเติมเต็มและแก้ไขปัญหาที่เรากังวลใจได้

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero ที่ได้มาตรฐานตรวจสอบยังไง

ในแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดสังเกตให้เราได้ตรวจสอบว่า คลินิกที่เราฉีดนั้น เป็นของที่ได้มาตรฐานหรือของปลอม สำหรับโปรแกรมฟิลเลอร์เบโลเทโร่แท้ เราสามารถเช็กได้จาก 4 จุดนี้เลย

  1. ทุกกล่องจะต้องไม่มีการเปิดออก ปิดแน่นสนิท
  2. มีเอกสารกำกับภาษาไทย และมีตัวเลขขึ้นทะเบียนจากอย.
  3. มีเลข lot. ตรงกันทั้งด้านนอกและด้านในกล่อง
  4. ระบุวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุอย่างชัดเจนทุกจุด (ตัวกล่อง , ขวด , สติกเกอร์)

สำหรับใครที่เข้ามาใช้บริการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์เบโลเทโร่ที่ด็อกเตอร์เมฆคลินิก สามารถเข้าไปได้ที่หน้าเว็บไซต์  MERZ AESTHETICS จากนั้นใส่คำว่า Doctor Mek Clinic ในช่องค้นหา ก็จะเจอรายชื่อคลินิกของเราค่ะ ซึ่งวิธีนี้ก็จะสามารถการันตีได้ว่า คลินิกนี้ใช้ของที่ได้มาตรฐาน และนำเข้ามาจากบริษัทยาโดยตรง

ฉีดกับด็อกเตอร์เมฆคลินิกดีอย่างไร

คลินิกเรานอกจากเราจะเลือกใช้โปรแกรมฟิลเลอร์เบโลเทโร่ที่ได้มาตรฐาน นำเข้ามาจากบริษัทยา Merz Aesthetic แล้วเรายังมีทีมแพทย์ที่มีทักษะด้านการใช้สารเติมเต็มยกกระชับปรับรูปหน้า ร่วมกับการใช้เทคนิค Triple Layer Lift ซึ่งเป็นการฉีดเติมเต็มชั้นผิวได้หลายระดับตั้งแต่ชั้นเหนือกระดูก ไขมัน ไปจนถึงชั้นใต้ผิวหนัง ร่วมกับการดีไซน์การรักษาที่แพทย์จะออกแบบมาเฉพาะรายบุคคล เพื่อที่จะสามารถแก้ไขทุกปัญหาบนใบหน้าได้อย่างลงตัว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นำไปสู่การบอกต่อกันปากต่อปาก

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero ราคาเท่าไหร่

โปรแกรม Belotero ราคาอยู่ที่ 9,900 บาท* ซึ่งก่อนทำหัตถการสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรักษาว่า เราต้องการปรับบริเวณส่วนใดบนใบหน้า และมีปัญหาจุดใดที่ต้องการแก้ไขมากเป็นพิเศษ เพื่อให้แพทย์ได้ร่วมพูดคุยและประเมินการรักษาแบบรายบุคคลได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเลือกใช้รุ่นของสารเติมเต็มและปริมาณ CC ที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด อีกทั้งยังมีการดีไซน์การรักษาแบบรายบุคคล ทำให้ในแต่ละเคสอาจมีค่าบริการที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

คำถามที่พบบ่อย

หลังฉีดกี่วันเห็นผล

การฉีดสารเติมเต็มมักจะให้ผลได้เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ มันอาจจะยังไม่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงจะปรากฏออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากว่าคนไข้มีการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เห็นผลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นค่ะ

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

หลังฉีดยี่ห้อนี้เข้าไปแล้ว มันจะสามารถคงสภาพของผลลัพธ์อยู่ได้ราว ๆ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ฉีด เนื่องจากว่าโมเลกุลที่อยู่ในสารเติมเต็มแต่ละรุ่นนั้น มีความหนักเบาที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ไม่สามารถระบุระยะเวลาได้อย่างชัดเจน เพราะต้องอาศัยปัจจัยของการดูแลตัวเอง สภาพผิว จำนวนปริมาณที่ฉีด การเลือกใช้ยี่ห้อ รวมไปถึงรุ่นของสารเติมเต็มอีกด้วยค่ะ

ยี่ห้อนี้ฉีดแล้วจะบวมกี่วัน

มีหลายคนเกิดข้อสงสัยว่า หลังฉีดไปแล้วบวมกี่วัน? ซึ่งอาการบวมสามารถเกิด หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่อาการนี้ไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด โดยมันจะมีอาการอยู่ประมาณ 7-14 วัน โดยในช่วง 2-3 วันแรก มันจะมีอาการบวม หลังจากนั้น มันจะค่อย ๆ ลดลงและดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ ในระหว่างนี้สามารถใช้การประคบเย็น หรือรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้เลยค่ะ

ฉีดแล้วมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นไหม

ผลข้างเคียงจากการฉีดจะมีอยู่ 2 รูปแบบก็คือ แบบที่ไม่เป็นอันตราย สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และแบบที่หากปล่อยไว้นาน ๆ จะเป็นอันตรายต่อเซลล์ผิว ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะมาแยกให้เข้าใจแบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนี้

  1. แบบที่ไม่เป็นอันตราย – ก็คือในช่วงแรกอาจมีรอยแดง หรือรอยบวม เกิดขึ้นในจุดที่ได้รับสารเติมเต็ม ซึ่งมันเกิดขึ้นจากรอยเข็มที่ฉีดเข้าไป ดังนั้น มันจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและเซลล์ผิว โดยอาการเหล่านี้ มันจะส่งผลได้อย่างชัดเจนในช่วง 1-3 วันแรกเท่านั้น แต่หลังจากนั้นเป็นต้นไป มันจะค่อย ๆ ดีขึ้นและกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
  2. แบบที่เป็นอันตราย – หลังจากที่ผ่านการรักษาไปแล้ว 7-14 วัน อาการบวม แดง ยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น อาการอักเสบ มีลักษณะเป็นก้อนบวมนูนออกมา พื้นผิวในบริเวณนั้นดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน ซึ่งเกิดได้จากการได้รับสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเกิดจากการฉีดผิดตำแหน่งจากความไม่ชำนาญของแพทย์ผู้ทำการรักษา ดังนั้น ในกรณีนี้อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ หากเกิดอาการดังกล่าว แนะนำให้รีบเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อหาวิธีการรักษาต่อไป

>> อ่านเพิ่มเติม โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน แก้ไข และป้องกันอย่างไร?

หลังฉีดห้ามกินอะไร

หลังฉีดในช่วง 5-7 วันแรก แพทย์ไม่แนะนำให้รับประทานอาหารทะเล อาหารที่มีรสจัด หรืออาหารประเภทหมักดอง ไม่ผ่านการปรุงสุก เพราะมันจะยิ่งทำให้อาการบวม หรือรอยแดงจากเข็มหายช้าลง หรืออาจทำให้มีอาการบวมหนักขึ้นได้

หลังฉีดกินอะไรได้บ้าง

อาหารที่แนะนำให้รับประทานเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วก็คือ อาหารที่เน้นโปรตีน ผักต่าง ๆ เช่น ผัดผัก แกงจืด หรือพวกอกไก่ รวมไปถึงผักใบสีเขียว และผลไม้ เพราะสารอาหารเหล่านี้ นอกจากจะทำให้เห็นผลเร็วแล้ว ยังมีส่วนทำให้แผลหรืออาการบวมที่เกิดขึ้นทุเลาลงได้ด้วยค่ะ

สรุป

โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยกระบวนการผลิตที่ทำให้เนื้อของสารเติมเต็มมีความยืดหยุ่นสูง ให้ผลลัพธ์หลายเดือน และสามารถยึดเกาะกับผิวได้ดี อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จะดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ทำการรักษา รวมไปถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพด้วยค่ะ